ตอนที่แล้วEp.18 - โลกวิญญาณเปิดอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.20 - เหล่าจ้าวเจ็บตูด

Ep.19 - เจียงหนานแสร้งทำเป็นเก่ง


กำลังโหลดไฟล์

Ep.19 - เจียงหนานแสร้งทำเป็นเก่ง

ป้ายบอกทาง

นี่คือหนึ่งในแผ่นศิลาโลกวิญญาณที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด หน้าที่หลักของมันคือบอกชื่อสถานที่และเขียนอธิบายสั้นๆ

ต้นไม้บริเวณด้านหน้าหักโค่นลง ทับกันเป็นรูปกากบาท มีเถาวัลย์แห้งเลื้อยพันพวกมันไว้  มองไปมองมาคล้ายป้ายหลุมฝังศพ

พืชพรรณโดยรอบขึ้นน้อยมาก ถึงมีก็แห้งตาย บางต้นก็มีอีกาเกาะอยู่ ส่งเสียงร้องก๊า ก๊า เหมือนลางร้าย

และมองเพ่งมองดูชัดๆ จะพบว่ามีกระดูกสีขาวจำนวนมากกองอยู่บนพื้นดิน คล้ายศพในสุสานนี้ถูกขุดขึ้นมา บรรยากาศมืดมนน่าขนลุก

“ที่นี่คือสุสานงั้นหรอ” จางเสี่ยวเฉียงรู้สึกกลัวเล็กน้อย

“สถานที่แบบนี้ไม่เป็นมงคลเอาซะเลย”

“สุสานบ้านนายสิ! นี่นายไม่มีสมองรึไง สิ่งมีชีวิตในโลกวิญญาณจะต้องการสุสานไปทำไม? เก็บสุสานนั่นไว้ฝังศพนายเองเถอะ! ที่นี่มันไม่มีอะไรมากไปกว่าอาณาเขตหนึ่งของมอนสเตอร์” ฮังอวี่พูดแล้วลดเสียงลง “ยังไงก็ตาม มอนสเตอร์ที่นี่ค่อนข้างอันตราย ทุกคนระวังตัวด้วย”

จางเสี่ยวเฉียงตกใจกลัวจนตัวสั่น “ฉันกลัวผีสุดๆมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

จ้าวหมิงจมดิ่งสู่ห้วงความคิดอย่างเงียบๆ

ฮังอวี่จงใจพามาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่ามีสถานที่แห่งนี้ นี่มันน่าแปลกมาก ความสามารถจริงๆของสกิลติดตัวเขาคืออะไรกันแน่?

ไม่ว่าในใจของแต่ละคนกำลังคิดอะไรอยู่  แต่ทั้งสี่ก็ค่อยๆก้าวเข้าไปในอาณาเขตนี้

พวกเขามีประสบการณ์เคยสู้มาก่อน ไม่ใช่มือใหม่ที่พึ่งเข้าสู่โลกวิญญาณอีกต่อไป

แม้จะหวาดกลัวในสถานที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้ามีฮังอวี่อยู่ข้างๆ พวกเขาย่อมกล้าที่จะบุกเข้าไป

เจียงหนานมองไปรอบๆ ขณะเดียวกันก็ยื่นหน้าไม้ไว้ข้างหน้า พร้อมยิงตลอดเวลา แม้บรรยากาศชวนขนลุกนี้จะทำให้เธอใจสั่น แต่เธอบอกตัวเอง ว่ายังไงก็ห้ามแสดงท่าทีขี้ขลาดเหมือนกับจางเสี่ยวเฉียงโดยเด็ดขาด ต้องสร้างความประทับใจดีๆกับพี่มหาเทพให้จงได้

มิฉะนั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากพี่มหาเทพเห็นว่าเธอเป็นตัวถ่วง แล้วไม่พาไปด้วยกันกับเขาในครั้งหน้า?

เธอไม่มีความกล้าที่จะออกล่ามอนสเตอร์คนเดียวหรอกนะ!

“ฮึ่ม! เสี่ยวเฉียง นายเป็นผู้ชายแท้ๆจะกลัวอะไรนักหนา ดูฉันนี่ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย!”

เจียงหนานจงใจยืดอกของเธอ วางตัวกล้าหาญ “วิวที่นี่โล่งกว่าในป่าเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกลอบโจมตี ส่วนกระดูกผุๆบนพื้นพวกนี้ ก็แค่คิดว่ามันไม่มีอยู่จริง กัดใครไม่ได้ ก็พอแล้วไหม?”

สิ้นเสียง เจียงหนานก็ยกขาเรียวยาวของเธอขึ้น แล้วเตะหัวกะโหลกด้านหน้า

สามารถกล่าวได้เลย ว่าในฐานะผู้หญิง การกระทำเช่นนี้ นับว่ากล้าหาญมาก

เจียงหนานแค่ต้องการแสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าหน้ามหาเทพ แต่สิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดก็บังเกิดขึ้น!

หัวกะโหลกที่ถูกเธอเตะ เบ้าตาสองรูของมันที่เคยว่างเปล่า เวลานี้ปรากฏไฟสีฟ้าจางๆลุกพรึบขึ้น

ตัวมันราวกับติดสปริง เด้งขึ้นจากพื้น งับลงบนข้อเท้าเนียนขาวละเอียดละออแบบไม่ให้ทันตั้งตัว

“กะ กะ กรี๊ดดดด!” เจียงหนานตกใจจนขนลุกชันไปทั้งร่าง

“ช่วยด้วย! ฉันถูกกัด!” นักศึกษาสาวลืมวางตัวอีกต่อไป เธอส่งเสียงร้องดังจนจ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และฮังอวี่สะดุ้งโหยง

ในเวลาเดียวกัน เศษกระดูกผุๆที่นอนกองกระจัดกระจายไปทั่วพื้นดินเริ่มสั่นไหว ราวกับถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงบางอย่าง พวกมันค่อยๆลอยมารวมตัวกัน กลายเป็นโครงกระดูกไร้หัว

นั่นเพราะหัวกะโหลกของมันกำลังกัดอยู่บนข้อเท้าของเจียงหนาน หลังจากเรียกเลือดและฉีกเนื้อเธอได้ชิ้นหนึ่ง มันก็ลอยถอยออกมา และตกลงบนคอของร่างโครงกระดูกพอดิบพอดี

มอนสเตอร์โครงกระดูกในสภาพสมบูรณ์ปรากฏตัวขึ้นแล้ว!

เจียงหนานล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด

จางเสี่ยวเฉียงหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

คราวนี้แม้แต่จ้าวหมิงก็ยังอึ้งไม่ทันตอบสนอง

มอนสเตอร์โครงกระดูกตัวนี้มันเหมือนกับโครงกระดูกมนุษย์มาก เพียงแต่มีความสูงแค่ 1.5 เมตรเท่านั้น มันดึงซี่โครงแหลมออกมา และแทงไปทางเจียงหนาน

เคร้ง!

ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ

ฮังอวี่เหวี่ยงดาบสั้นออกไปเพื่อป้องกันมีดกระดูกของมอนสเตอร์โครงกระดูก

ใครจะไปคิด ว่าโครงกระดูกผอมบางจะดุร้ายขนาดนี้ มันไม่รอช้า เปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีทันที  หันมาแทงฟุบ ฟุบบ ฟุบบบ ใส่ฮังอวี่อย่างรวดเร็ว

ฮังอวี่หลบหลีกการโจมตีอันตรายได้อย่างหวุดหวิด พร้อมตวัดดาบสั้นลงบนไหล่ขวาของมัน ปลดอาวุธศัตรูทันที

จากนั้นหมุนตัวพร้อมใช้แรงเหวี่ยงฟันตัดเข้าที่กระดูกขาซ้าย โจมตีมันให้เสียการทรงตัวแล้วล้มลงกับพื้น สุดท้ายกระโดดขึ้นคร่อมและสับลงมาอย่างแรง ตัดเข้ากลางกะโหลกของมัน

ดาบสั้นแห่งป่าเป็นอาวุธสีขาว อำนาจของมันมิอาจดูแคลน กะโหลกที่แข็งแรงทนทานของมอนสเตอร์โครงกระดูกถูกตัดออกทันที  ดาบเดียวผ่าแยกเป็นครึ่งซีก

ด้วยคมดาบบวกกับพละกำลัง ทำให้สามารถตัดลึกลงมาได้อีก จนสุดท้ายใบดาบหยุดลงตรงส่วนกระดูกสันหลังช่วงหลังคอ

มอนสเตอร์โครงกระดูกกระตุกอย่างแรงสองสามครั้ง ในที่สุดก็หมดแรงและแตกสลายไป

เจียงหนานยังคงตกใจมาก ใบหน้าของเธอหวาดกลัวจนซีดเผือด

“นี่ ...  นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน?”

ฮังอวี่ดูดซับแต้มวิญญาณที่ปล่อยออกมาจากมอนสเตอร์โครงกระดูก ก่อนหยิบหินคริสตัลเทาที่ตกอยู่ข้างมันขึ้นมา

“นี่คือมอนสเตอร์เลเวล 2 ‘โครงกระดูกทหารก็อบลิน’ พวกมันแข็งแกร่งกว่าก็อบลินทั่วไปที่พวกเราเคยเจอก่อนหน้านี้ แต่ด้วยอุปกรณ์และความสามารถที่พวกเรามีในตอนนี้ ถือว่าเพียงพอที่จะรับมือกับมัน”

ขณะนี้ แผลตรงขาของเจียงหนานเริ่มสมานตัวแล้ว หลังจากเธอหายดี ก็อับอายจนแทบอยากหาปี๊บมาคลุมหัว

ให้ตายเถอะ! ไม่ใช่แค่ล้มเหลวในการแสดงความแข็งแกร่ง แต่ยังเสียหน้าต่อหน้าพี่มหาเทพอีก!

“โครงกระดูกทหารก็อบลินโจมตีเร็วมาก ถ้าพวกมันยังไม่ตื่นและกระจัดกระจายอยู่บนพื้นจะแยกแยะได้ยากมาก ต้องระวังไม่ให้ถูกลอบโจมตี” ฮังอวี่ไม่ได้ตำหนิคนอื่นว่าตอบสนองช้า เพราะการเจอมอนสเตอร์ครั้งแรกก็จะประมาณนี้

เขาหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาจากกระเป๋า

“เอาล่ะ พวกเรามาลงชื่อทำสัญญาทีมกัน จะได้เริ่มล่าพวกมอนสเตอร์อย่างเป็นทางการซักที”

รอบนอกของแดนฝังกระดูกก็อบลินไม่ได้ใหญ่โตมาก มีอาณาเขตประมาณ 150 ตารางเมตร  ถ้าให้คนธรรมดาวนกลับไปกลับมาจนครบทุกจุด น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้

มอนสเตอร์ที่นี่กระจายอยู่ระหว่างเลเวล 2-4  ซึ่งการที่เลเวลของมอนสเตอร์สูง ก็เท่ากับว่าพวกมันมีแต้มวิญญาณสูงเช่นกัน

แน่นอน ถ้าแค่เฉพาะเรื่องแต้มวิญญาณ ฮังอวี่ไม่จำเป็นต้องพาพวกเขามาที่นี่ ในความทรงจำของเขา ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่อยู่ไม่ไกล แต่ปลอดภัยกว่าที่นี่มาก แล้วอีกอย่างการเก็บเกี่ยวแต้มวิญญาณอาจจะมากกว่าที่นี่ซะอีก

ถ้างั้นทำไมฮังอวี่ถึงพาทุกคนมาที่นี่ล่ะ?

นั่นเพราะที่นี่มีโอกาสพบกับมอนสเตอร์ชั้นยอดหลายตัวน่ะสิ!  และของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ชั้นยอด มักเป็นของดี

ในตอนนี้การฆ่ามอนสเตอร์ชั้นยอดเพียงลำพังยังเป็นเรื่องยากเกินไป

ฮังอวี่ไม่กล้าเสี่ยง เลยทำได้เพียงร่วมมือกับทั้งสามคนอีกครั้งเท่านั้น

เมื่อมีสัญญาร่วมทีม ทั้งสี่คนสามารถแบ่งปันแต้มวิญญาณได้อย่างเท่าเทียมกัน

ภายใต้การนำทัพของฮังอวี่ พวกเขาเริ่มกวาดล้างมอนสเตอร์บริเวณขอบๆรอบนอกของแดนฝังกระดูก

โครงกระดูกทหารก็อบลิน มีความเร็วในการโจมตีสูง และพลังโจมตีของพวกมันไม่อ่อนแอเลย ทว่าเลือดของพวกมันน้อยและเปราะบางมาก

ตราบใดที่ไม่ดึงดูดพวกมันเข้ามาทีเดียวครั้งละมากๆ โดยพื้นฐานแล้วแทบไม่อาจสร้างภัยคุกคามแก่ทั้งสี่คนได้

“ลูกพี่ ... ประธานจ้าว ผม ... ผมเลเวลอัพแล้ว!”

เมื่อโครงกระดูกทหารก็อบลินตัวที่สี่ถูกฆ่า จางเสี่ยวเฉียงก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เขาคือคนที่สองในทีมที่สามารถอัพเลเวลได้ ไม่เพียงแต่ค่าพลังชีวิตและพลังจิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่พลังโจมตีของสกิลก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน

ฮังอวี่พยักหน้าว่าดีใจด้วย แล้วเอ่ยว่า “พวกเราลุยต่อ”

ตราบใดที่วันนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด เหล่าจ้าวกับเจียงหนานก็น่าจะสามารถอัพเลเวลขึ้นเป็น 2 ได้เช่นกัน

จ้าวหมิงและเจียงหนานต่างรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา

ระหว่างที่ทั้งสี่กำลังเพ่งสมาธิสังเกตโครงกระดูกบนพื้นอยู่ ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่ง

มันคือเสียงหอนที่เหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน

เมื่อมองไปตามทิศทางเสียง เห็นแค่เพียงร่างสูงใหญ่สีเขียวคล้ำกำลังเดินมาทางนี้ แม้บอกว่าสูงใหญ่ แต่อันที่จริงมันสูงแค่ 1.6 เมตรเท่านั้น

ทว่าที่ทำให้ทั้งสามตกใจ ก็คือร่างกายกึ่งเน่าเปื่อยและท่าทางดุร้ายของมัน

ฮังอวี่รีบพูดว่า “นั่นคือมอนสเตอร์เลเวล 3 ‘ก็อบลินซอมบี้!’ มันแข็งแกร่งกว่า โครงกระดูกทหารก็อบลินมาก เหล่าจ้าวรีบขึ้นไปข้างหน้าเร็ว”

มอนสเตอร์เลเวล 3 แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์เลเวล 2 มาก

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของทีมนี้ การฆ่ามอนสเตอร์เลเวล 3 ถือว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่โชคดีที่จ้าวหมิงมีพลังป้องกันสูง นอกจากนี้ยังมีเจียงหนานคอยสนับสนุนด้านการฟื้นพลังชีวิต

ขณะที่ก็อบลินซอมบี้แม้มีพลังป้องกันทางกายภาพและเลือดเยอะ แต่ความเร็วและพลังโจมตีเมื่อเทียบกับมอนสเตอร์เลเวล 3 ตัวอื่นๆแล้ว มันอยู่ในระดับกลางค่อนไปล่างเท่านั้น

จางเสี่ยวเฉียงซัดลูกไฟทีเดียวระเบิดพลังชีวิตของก็อบลินซอมบี้หายไปมากกว่าครึ่ง

จ้าวหมิงยกโล่ขึ้น หยุดการโจมตีได้หลายครั้ง

สุดท้าย ภายใต้การโจมตีของฮังอวี่และเจียงหนาน ก็อบลินซอมบี้ก็ล้มลง

เจียงหนานตรวจสอบสถานะของเธอแล้วอุทานขึ้นมาว่า “ซอมบี้ตัวนี้ให้แต้มวิญญาณเยอะจัง!”

“นั่นเป็นเรื่องปกติ แต้มวิญญาณที่เกิดจากมอนสเตอร์เลเวล 3 จะมีคุณภาพสูงสำหรับเธอที่มีเลเวล 1 เพราะฉะนั้นเลยเหมือนได้รับโบนัสแต้มวิญญาณเพิ่มไปอีก”

ฮังอวี่ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว พาสมาชิกทีมทั้งสามเก็บกวาดรอบนอกของแดนฝังกระดูก

ที่ล่าได้ส่วนใหญ่ก็เป็น โครงกระดูกทหารก็อบลิน และสามารถฆ่าซอมบี้ก็อบลินได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่กล้าเดินลึกเข้าไปกว่านี้

ในทางกลับกัน จ้าวหมิงสังเกตเห็นแล้ว ว่าฮังอวี่เหมือนกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

แสดงว่าการที่เขาพาทุกคนมาที่นี่ ต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงแน่ๆ