ตอนที่แล้วบทที่ 62 สอดปากเข้ายุ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 64 ตระกูลชั้นต่ำ

บทที่ 63 ประมูลความอับอาย


กำลังโหลดไฟล์

หนิงเทียนยังคงแย้มยิ้มพร้อมกล่าวอออกับชายชรา“ผู้อาวุโสตัวท่านคิดหรือว่าการใช้น้ำทิพย์อมฤทธิ์สามารถช่วยให้ท่านเจือจางความเป็นพิษของ หลินจือดำ ใบละลายแดด หิมะสามฤดูได้

ปัญญาหาที่แท้จริงมันไม่ได้อยู่ที่วัตถุดิบ แต่มันอยู่ที่ระดับการปรุงโอสถของท่านต่างหาก”

“ไร้เหตุผล!! อย่าได้ฟังที่มันพูด เด็กอย่างมันจะล่วงรู้ในวิถีการปรุงโอสถขั้นสูงได้อย่างไร” จ้าวเทียนไห่กล่าวออกอย่างเย็นชา

หนิงเทียนเหลือบมองจ้าวเทียนไห่ก่อนจะเอ่ยปากอย่างไม่แยแส “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าเชื่อข้า”

ชายชรามองไปยังหนิงเทียนด้วยดวงตาเบิกกว้าง แม้คนอื่นจะคิดว่าเด็กนี้กล่าววาจาเพ้อพกเลื่อนลอยออกมา

แต่มันนั้นเป็นคนที่รู้ดีที่สุด หลินจือดำ ใบละลายแดด หิมะสามฤดู เป็นวัตถุดิบที่ผ่านมือมันมานับสิบนับร้อยครั้ง

ถ้าเป็นบุคคลที่มีอายุเกิน100ปีกล่าวคำนี้แก่มัน อาจจะไม่แปลกใจอะใด แต่นี้เป็นเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง2รอบนักษัตรด้วยซ้ำ

มันพยามข่มความประหลาดใจลงพร้อมกล่าวออกด้วยเสียงอันนิ่งสงบ“หนุ่มน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องการสิ่งใด?...”

“โอสถเลือดกระเรียน ใครสักคนที่สำคัญกับท่านกำลังป่วยเป็นโรคเลือดผสมปราณ” หนิงเทียนกล่าวออกด้วยเสียงที่ราบเรียบเป็นปกติ

จินเหล่าต้าไปที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังมันอ้าปากค้างด้วยอาการตกตะลึงเมื่อได้ยินถึงโอสถเลือดกระเรียน ในคร่าแรกนั้นถึงมันจะมีความเชื่อมันในตัวหนิงเทียนมากเพียงใด

แต่มันก็มิได้วางใจเต็มสิบส่วนเพราะด้วยอายุของหนิงเทียนเองและความยากลำบากในการปรุงโอสถระดับปฐพี แต่เวลานี้มันแน่ใจเต็ม10ส่วนแล้วว่า มารดาของมันต้องหายจากโรคนี้แน่ๆ

ชายชราที่ลักษณะคล้ายขอทานเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อได้ยินอย่างนั้นใบหน้ากลายเป็นตกตะลึง คราวนี้มันกล่าวต่ออย่างร้อนรน “น้องชาย ท่าน ท่านมีวิธี”

“แน่นอนให้ท่านพาคนที่ต้องการรักษาไปที่ตระกูลจินได้ ที่หมู่ตึกตระกูลจินสามารถปรุงโอสถเลือดกระเรียนเพื่อช่วยรักษาผู้เป็นโรคเลือดผสมปราณได้

และแน่นอนมันเป็นถึงโอสถระดับปฐพี ท่านต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่สมควรให้แก่ข้า ข้าจะรอฟังสิ่งแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมจากท่าน คิดมันให้ดีแล้วมาหาข้าได้ทุกเวลา”

กล่าวจบหนิงเทียนนั่งลงและสั่งให้หยูหยูปิดม่านลงอย่างไม่สนใจที่จะพูดอันใดออกไปอีก

หนิงเทียนนั้นตระหนักถึงสิ่งผิดปกติตั้งแต่คราวแรกที่มันได้พบกันที่ห้องตีราคาสินค้าแล้ว แต่ในคร่านั้นหนิงเทียนไม่ได้สนใจจะให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

แต่ครั้งนี้นั้นต่างออกไปเล็กน้อย หนิงเทียนจงใจสร้างบุญคุณแก่ชายชราแปลกหน้าพร้อมทั้งต้องการยุติราคาประมูลของน้ำทิพย์อมฤทธิ์ลงมันแน่นอนว่าจ้าวเทียนไห่จะต้องขาดทุนอย่างเลี่ยงไม่ได้

อีกทั้งยังสามารถทำให้หานเจิงได้วัตถุดิบไร้ค่าไปด้วยราคาถึง7หยกนิล การยิงนกสามตัวในคราวเดียวนั้นถือว่าคุ้มค่าต่อการยั่วยุตระกูลจ้าว

“ข้าฟังไม่ผิดใช้หรือไม่ ตระกูลจินหลอมโอสถเลือดกระเรียนสำเร็จแล้ว??”

“มันเป็นเรื่องจริง ข้าไม่ได้ฝันไป ภรรยาของข้ามีทางรอดแล้ว”

“อีกสองวัน อีกสองวัน ข้าจะยอมขายทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของข้าเพื่อมัน ลูกข้าต้องมีทางรักษา”

เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของกลุ่มผู้ฝึกตนดังขึ้น พวกมันมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อได้ยินคำกล่าวของหนิงเทียน

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้เอี้ยหยวนที่ยืนอยู่ใจกลางลานประมูลนั้น มีสีหน้าที่กลืนไม่เข้า มันรับหน้าที่นี้มานับ100ปี มันยังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มันก่อน

ขณะเดียวกันใบหน้าของจ้าวเทียนไห่นั้นบิดเบี้ยวด้วยโทสะ “ท่านเอี้ยหยวน เจ้าเด็กกำลังก่อกวนงานประมูลอยู่ เหตุใดท่านถึงไม่สั่งคนให้ลากมันออกไปจัดการ”

“ในเรื่องนี้...” ก่อนที่มันจะกล่าวอันใดออกไป เอี้ยหยวน เหลือบมองไปยังเอี้ยเซียวที่กำลังยืนส่ายศีรษะอยู่ด้านล่าง มันจึงกลืนคำพูดลงคอพร้อมทั้งประกาศออก

“7หยกนิลกับอีก1ล้านเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง ……ครั้งนี้สอง”

“เดียวก่อน!!” หานเจิงรีบตะโกนออก “ข้าต้องการยกเลิกการประมูล เห็นได้ชัดว่าสมาคมการค้าจ้าวสมุทรนำน้ำทิพย์ไร้ประโยชน์เช่นนี้ออกมาเพื่อหลอกตาผู้คน?”

เอี้ยหยวนได้ยินเช่นนั้นดวงตาของมันหรี่แคบลง มันกล่าวออกด้วยเสียงเย็น “ปรมาจารย์โอสถ การประมูลสินค้าในช่วงเช้านั้นเป็นความยินยอมของผู้จัดประมูลและผู้ประมูลเอง

ทางเราเป็นเพียงตัวกลางสำหรับความสะดวกสบายเท่านั้น

แม้ว่าทุกสินค้าที่นำออกมานั้นผ่านการตีราคาขั้นต่ำจากเราจริง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่ามันได้รับการยืนยันจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรของเราแต่อย่างใด

ทุกคนนั้นรู้ดีว่า การประมูลในช่วงเช้านั้นเป็นความเสี่ยงที่ทุกคนต้องแบกรับมัน ไม่ว่าผู้ซื้อจะได้ของดีหรือไม่ มันล้วนอยู่ในขอบเขตการตัดสินใจของท่านเอง

จะมีเพียงการประมูลในรอบบ่ายเท่านั้นที่ทางสมาคมการค้าจ้าวสมุทรของเราจะรับรองทุกอย่างแม้กระทั่งการส่งผู้ประมูลกลับถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย”

ผู้ฝึกตนทั้งหมดนั้นพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเอี้ยหยวน การประมูลในช่วงเช้านั้น ไม่ใช่สิ่งของที่มาจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทรแม้แต่ชิ้นเดียว นั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่ก่อนแล้ว

ในทุกๆครั้งก่อนจะเริ่มประมูลผู้จัดการประมูลจะเอ่ยรายละเอียดของผู้นำเข้าประมูลทุกครั้ง นั้นสามารถกล่าวได้ว่า ถ้าผู้ซื้อจะกล่าวถามถึงความรับผิดชอบละก็ มันก็ต้องเป็นผู้ที่นำสินค้ามาเข้าร่วมประมูล

เวลานี้สายตาของหานเจิงแปรเปลี่ยนไปยังห้องส่วนตัวหมายเลข1ของจ้าวเทียนไห่อย่างไม่กระพริบตามันถูกกล่าวเรียกว่าปรมาจารย์โอสถแต่กลับกลายเป็นตัวตลกประมูลของไร้ค่าเช่นนี้มาได้

ถ้ามันไม่สามารถถามหาความรับผิดชอบจากใครสักคนได้ มันจะแบกชื่อเสียงของปรมาจารย์โอสถไว้ได้อีกหรือ

ขณะเดียวกับใบหน้าของจ้าวเทียนไห่กลายเป็นซีดลงอย่างเห็นได้ชัด มันไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะต้องเป็นศัตรูกับหานเจิงและการประมูลน้ำทิพย์อมฤทธิ์เองก็ไม่ได้ราคาอย่างที่มันตั้งเป้าเอาไว้

ซ้ำยังต้องมาผิดใจกับปรมาจารย์โอสถอีกด้วย นี้มันจะไม่ทำให้จ้าวเทียนไห่โกรธได้อย่างไร มันจับจ้องไปยังหนิงเทียนราวกับจะกินเนื้อสูบเลือด

ฮาฮ่าฮาๆๆ เสียงหัวเราะอันน่าเกลียดดังออกมาจาก ฮุยฟางและหรงจื่ออย่างไม่หยุดยั้ง มันนั้นรู้สึกว่าโชคดีปนสะใจไปในเวลาเดียวกัน

ฮุยฟางนั้นอดกล่าวออกไม่ได้ “หรงจื่อ เจ้ารู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าน้ำทิพย์นั้นมันเป็นของไร้ประโยชน์”

“แน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งคู่จะหยุดประมูลเพื่ออะไร?”หรงจื่อกล่าวจบมันหัวเราะออกอย่างบ้าคลั่ง

ขณะเดียวกัน จินเหล่าต้าและหยูหยูทั้งสองกลายเป็นเงียบสนิทไร้คำพูด ภายในใจของมันทั้งคู่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ถ้ามันทั้งสองจะหาคำใดที่เหมาะแก่บุคคลตรงหน้ามันนั้น คงเป็น “ปีศาจเจ้าเล่ห์” เท่านั้นที่เหมาะแก่หนิงเทียน....

การประมูลยังคงล่วงเลยไป มันผ่านสิ่งของไปนับสิบๆชิ้นๆ ล่วงเวลาจนอาทิตย์ใกล้จะขึ้นกลางศีรษะแล้ว ของสำคัญล้วนถูกประมูลไปเป็นรายการต้นๆแล้ว

ในส่วนของที่เหลืออยู่ในช่วงท้ายๆนั้น มันมักจะเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าเริ่มต้นต่ำที่สด และของสิ้นสุดท้ายในการประมูลช่วงเช้านั้น ก็ถูกนำออกมา

“สิ่งของชิ้นต่อไปสำหรับการประมูลนั้น เป็นรายการสุดท้ายในช่วงเช้าและยังเป็นรายการที่ถูกที่สุดในการประมูลอีกด้วย”

กล่าวถึงตรงนี้ เอี้ยหยวนหยุดกล่าวออกชั่วครู่ ตัวมันทำหน้าที่มาเกือบร้อยปี แต่ไม่เคยประกาศขายของเช่นนี้มาก่อน มันจึงใช้เวลาอยู่หลายหายใจครุ่นคิดถึงวิธีการบรรยายสินค้าตัวนี้

ก่อนจะกล่าวออก “เอาละ ท่านผู้เข้าร่วมประมูลทุกท่าน ของสิ่งนี้ออกจะแปลกไปเล็กน้อย

ถ้าข้าจะบอกว่ามันคือเหรียญทอง10ล้านเหรียญที่นำมาให้ทุกๆท่านเริ่มประมูลในราคาเริ่มต้น10เหรียญทองนั้น ก็นับว่าไม่ได้กล่าวเกินจริงอันใด”

“เอ๋ ใครมันโง่เอาเงิน10ล้านเหรียญมาเปิดประมูลกัน ท่านเอี้ยหยวนอาจจะกล่าวอันใดผิดหรือเปล่า” เสียงผู้ฝึกตนคนหนึ่งดังออกมา….

.

เอี้ยหยวนได้ยินเช่นนั้น มันทำได้แต่เพียงยิ้มออก ก่อนจะนำหนังสัตว์ขนาดเล็กออกมาผืนหนึ่ง

“นี้คือสัญญาหนี้มูลค่า10ล้านเหรียญทอง จากการประลองกฎฟ้า มันเป็นสัญญาหนี้ของนายน้อยตระกูลจ้าว จ้าวหยาง และผู้ที่นำมันออกมาประมูลคือท่านซือหม่า หนิงเทียน โดยข้าขอเริ่มมันที่ 10เหรียญทอง”

การที่เริ่มเพียง10เหรียญทองนั้น เพียงเพราะหนิงเทียนต้องการให้การประมูลครั้งนี้ค่อยๆไต่ระดับของมูลค่าขึ้นไปเรื่อยๆจนใกล้เคียงเพดานราคาของมันคือ10ล้านเหรียญทอง

ยิ่งการประมูลครั้งนี้จบช้าเพียงใดมันยิ่งสร้างความอับอายให้แก่ตระกูลจ้าวมากขึ้นเท่านั้น

และเหตุผลสำคัญที่หนิงเทียนเลือกจะนำสัญญาหนี้ของจ้าวหยางมาประมูลในครั้งนี้เพราะหลายสำนัก หลายนิกายที่เดินทางมาร่วมงานประมูลของสมาคมการค้าจ้าวสมุทร

ส่วนใหญ่จะมีอำนาจที่ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวตระกูลจ้าวแต่อย่างใด มันมีความสามารถเพียงพอที่ซื้อสัญญาหนี้และไปทวงถามแก่ผู้นำตระกูลได้อย่างเปิดเผย

“เมื่อไม่มีความสามารถที่จะทวงถาม ให้นิกายกระบี่เทวดาของพวกเราเก็บหนี้ก้อนนี้แทนเป็นอย่างไร 1แสนเหรียญทอง” ฮุยฟานประกาศก้องเสียงดังออกมาทันที

ได้ยินเช่นนี้เหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางห้องส่วนตัวหมายเลข1 เส้นเลือดปรากฎบนหน้าผากจ้าวเทียนไห่หลายสาย ก่อนมันจะกล่าวถามบุตรชายของมันด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “นี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

“ท่านพ่อ...” ใบหน้าของจ้าวหยางซีดลง มันได้แต่กล่าวด้วยเสียงในลำคอเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในกองคาราวานให้แก่บิดาของมันฟัง

ยิ่งได้ยินเช่นนั้นความโกรธของจ้าวเทียนไห่ ยิ่งมากขึ้น ฝ่ามืออันใหญ่หนาของมันทุบลงไปที่โต๊ะไม้เสียงดัง “ถ้าเจ้าไม่สังหารมันด้วยตนเอง เจ้าก็ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลจ้าวและบุตรชายของข้าจ้าวเทียนไห่อีกต่อไป”

“แต่....แต่ท่านพ่อผู้คุ้มกันของมันฝีมือสูงมาก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง” จ้าวหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงวิตก

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการผู้คุ้มกันเอง เจ้ามีหน้าที่เดียวคือสังหารมันล้างความอัปยศนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นอย่าได้คิดถึงตำแหน่งผู้นำตระกูลคนถัดไปเลย”จ้าวเทียนไห่กล่าวออกเสียงดังด้วยความครุ่นเคือง

ขณะเดียวกันการประมูลสัญญาหนี้ของจ้าวหยางยังดำเนินต่อไป

“2แสน5หมื่นเหรียญทอง”

“2แสน8หมื่นเหรียญทอง” หรงจื่อเสนอราคาเพิ่ม

“3แสนเหรียญทอง ตระกูลหวินของเราขอเข้าร่วมด้วย”ผู้ฝึกตนในกลุ่มคนด้านล่างประกาศตัวออก

“ตระกูลหวิน เป็นเพียงตระกูลชั้นกลางของเมืองจี้หลิน ยังมีความสามรถที่จะเข้าร่วมประมูลเช่นนั้นตระกูลจูของข้าก็จะร่วมด้วย 3แสน2หมื่นเหรียญทอง”

“ตระกูลจ้าวแม้จะเป็นตระกูลใหญ่ แต่ข้าไม่สนใจ ถ้าข้าประมูลมันได้และหากตระกูลจ้าวคิดจะบิดพลิวไม่ยอมจ่าย

ข้ารับรองเรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนา ยามเช้าในอาณาจักรฟ้าสวรรค์แน่ๆ 4แสนเหรียญทอง” ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านล่างกล่าวประมูลอย่างแข็งขัน

หานเจิงหัวเราะออก “ถ้าข้าได้มันมา....พรุ่งนี้ข้าจะไปเคาะถึงหน้าประตูตระกูลจ้าว” มันกล่าวต่อเสียงดัง “5แสนเหรียญทอง”

ด้วยโทสะที่ยังหลงเหลือจากน้ำทิพย์อมฤทธิ์ หานเจิงไม่รีรอที่จะเข้าร่วมประมูลความอับอายของตระกูลจ้าวอย่างไม่เกรงใจ

ในชั้นล่างของลานประมูล

“เดียวนะ เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอกหรือ?” เสียงของกลุ่มผู้ประมูลในชั้นล่างดังขึ้น

“แปลก? แปลกอย่างไร”

“นายน้อยจ้าวหยางจะเป็นหนี้บุคคลไร้ชื่อถึง10ล้านเหรียญทองได้อย่างไร ไม่ใช่ว่ามันเป็นสัญญาปลอมหรอกหรือ”

“เรื่องนี้ข้ารู้ ข้าได้ข่าวจากลูกพี่ลูกน้องว่า จ้าวหยางพ่ายแพ้กระดานเหล็กหยินหยางแก่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งในขบวนของท่านเกาซุน” ผู้ฝึกตนตะโกนโต้ตอบกันไปมา

“ดี....ถ้าเช่นนั้น ข้าขอร่วมด้วยอีกคน 5แสน5หมื่นเหรียญทอง”

“อย่าได้ฝันจะเอาลาภก้อนโตไปเป็นของตัวเอง 6แสนเหรียญทอง” เวลานี้มีผู้ฝึกตนไม่ต่ำกว่าครึ่งเข้าร่วมการประมูลรายการนี้

...

ภายในห้องส่วนตัวหมายเลข1 จ้าวเทียนไห่มันได้แต่ปิดปากเงียบ สองมือกำแน่นด้วยโทสะ ถ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสมาคมการค้าจ้าวสมุทรมันจะต้องพุ่งตรงไปยังหนิงเทียนแน่นอน

การประมูลสินค้าชิ้นสุดท้ายของช่วงเช้ายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แม้แต่เอี้ยหยวนยังอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา “ข้าไม่เคยเจอการประมูลที่ยาวนานเช่นนี้มาก่อน”

ด้วยการเริ่มต้นมันที่10เหรียญทอง ทำให้ผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมดสามารถที่จะเข้าร่วมได้

อีกทั้งมันยังเป็นการไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ จึงทำให้กินเวลานานเกือบชั่วยาม และยิ่งการประมูลยาวนานมากเท่าใด กลุ่มผู้ฝึกตนยิ่งวิจารณ์ถึงตระกูลจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

“1หยกนิล” เสียงตวาดลั่นดังออกมาจากจ้าวเทียนไห่ มันทนไม่ได้แล้วจะที่ฟังเสียงก่นด่าไปมากกว่านี้ มันจึงยินยอมที่จะประมูลสัญญาหนี้ของบุตรชายมันด้วยตัวเองเพื่อหวังที่จะจบการประมูลด้วยเร็ว

การสูญเสีย1หยกนิลนั้นถ้าเทียบกับราคาจากน้ำทิพย์อมฤทธิ์ มันอาจจะไม่ทำให้ตระกูลจ้าวต้องลำบากก็จริง แต่การต้องใช้เงินออกไปในเวลานี้ทำให้การประมูลคฤหาสน์ซื่อจิ้งมีความเสียงมากขึ้นไปอีก

หนิงเทียนแย้มยิ้ม พร้อมกล่าวออกผ่านผ้าม่านที่ช่วยปิดบังใบหน้าของมัน “ท่านจ้าวเป็นบิดาที่เยี่ยมยอดจริงๆ นับถือนับถือ”

จ้าวเทียนไห่พยามข่มโทสะพร้อมกล่าวออกด้วยเสียงเป็นปกติ “ก็แค่เพียง 1หยกนิลเท่านั้นหาใช่เรื่องใหญ่สำหรับตระกูลจ้าวไม่”

การแสดงออกจ้าวเทียนไห่นั้นทำให้ผู้คนที่รู้จักมันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ชื่อเสียงของมันนั้นจะออกไปทางโหดร้าย เกรี้ยวกราด แต่เวลานี้สามารถข่มความโกรธลงได้ สายตาของมันจับจ้องไปยังหนิงเทียนอย่างไม่กระพริบตา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด