ตอนที่แล้วบทที่ 56 แพทย์อัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58 พบพานสหายเก่า

บทที่ 57 เรื่องราวในตระกูลมู่


กำลังโหลดไฟล์

หานเจิงใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเรียกสติของมันกับมา จากนั้นมันจึงกล่าวออกด้วยเสียงดัง “จินเหยาจาง เจ้าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่”

ด้วยเสียงที่ดังมากระทบสองหูของจินเหยาจาง ทำให้มันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนจะตอบกลับ “นี้เป็นเรื่องภายในตระกูลของข้า เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง”

ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหานเจิงแดงก่ำด้วยโทสะ สองมือของมันกำแน่นราวกับว่ากำลังพยามข่มโทสะในใจอย่างถึงที่สุด

“เอาล่ะ ข้าก็พิสูจน์ให้พวกเจ้าได้เห็นกันแล้วว่าฮูหยินรองนั้นตายด้วยดักแด้อัคคีตามที่วิญญาณนางบอกจริง

ส่วนเรื่องที่พวกเจ้าจะเชื่อในสิ่งที่วิญญาณฮูหยินรองบอกว่าใครเป็นผู้สังหารนางหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับสติปัญญาของผู้พิทักษ์ฟ้าแล้ว” ประโยคสุดท้ายหนิงเทียนจงใจกล่าวออกกับซางไห่

ใบหน้าของซางไห่เวลานี้กลายเป็นปั่นยาก มันนั้นมีอายุมาหลายร้อยปียังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน คำพูดของมันแต่ละคำนั้นล้วนออกมาอย่างยากลำบาก

“เรื่องนี้....แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่วิญญาณของฮูหยินรองบอกได้อย่างสนิทใจเท่าไรนัก

แต่มีเรื่องหนึ่งที่ถูกไขออกอย่างกระจางแล้ว การตายของฮูหยินรองนั้นไม่ได้เกี่ยวกับทักษะจิตอัคคีของตระกูลจินแต่อย่างใด ที่นางเสียชีวิตนั้นเป็นเพราะดักแด้อัคคีกัดกินภายในร่างของนาง”

กล่าวจบมันสั่งการไปยังทหารของมัน “ยังไม่รีบปล่อยตัวนายน้อยจินอีก”

ทหารในชุดคลุมรีบปล่อยตัวจินเหล่าต้าทันทีและขณะที่มันกำลังจะเก็บอาคมกักพลังทั้งแปดนั้น เสียงของจินเหล่าต้าดังขึ้น

“ไม่จำเป็น” จากนั้นมันโปรยผงเหล็กสีดำออกทั่วห้อง ทันทีที่ผงเหล็กที่เป็นอาคมประดิษฐ์ ตกกระทบก้อนศิลา อาคมกักพลังทั้งแปดมันวูบดับแสงลงกลายเป็นหินธรรมดาเท่านั้น

ส่งผลให้เวลานี้กลิ่นอายลมปราณในแดนวีรชนของทั้งสามคละคลุ้งไปทั่วห้องโถง

“ที่ข้าต้องทนอยู่ภายใต้สิ่งประดิษฐ์ชั้นต่ำแบบนี้เป็นเพราะข้ารู้สึกผิดที่ทำให้นางตายเท่านั้น” จินเหล่าต้ากล่าวออกขณะเดียวกันมันใช้สองมือปัดไปที่แขนเสื้อที่เปื้อนดำจากรอยมือของทหารในชุดคลุม

ซางไห่มองไปยังการกระทำของจินเหล่าต้าด้วยสายตาหรี่แคบ ศิลาอาคมกักพลังทั้งแปดนั้น เมืองฉางผิงต้องใช้ งบประมาณนับล้านเหรียญทองในการซื้อมันมาจากสมาคมการค้าจ้าวสมุทร

แต่ไหนเลยสิ่งประดิษฐ์เช่นนี้กลับถูกบุคคลที่ถูกขนานนามว่า ‘เสเพลอันดับ1’ ทำลายได้อย่างง่ายดาย

มันกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม “นายน้อยจินท่านนับว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง”กล่าวจบมันหันมองไปยังหนิงเทียน “วันนี้ผู้เยาว์ทั้งสอง ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก”

จินเหยาจางเค้นเสียงต่ำ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัว”

ในขณะที่กลุ่มของหนิงเทียนเดินผ่านหน้าหานเจิงออกไปนั้น มันกำสองมือด้วยความโกรธ สายตาอาฆาตมองไปยังแผ่นหลังของหนิงเทียน

เรื่องในวันนี้ทำให้มันเสียหน้าไม่พอมันยังสูญเสียดักแด้อัคคีไปอีกด้วย

“อาจารย์พวกเราจะปล่อยมันไปอย่างนี้เหรอ..”ฉางอวี้กล่าวถามด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

“ไม่มีทาง โดยเฉพาะเจ้าเด็กที่ชื่อหนิงเทียนนั้น ข้าจะทำให้มันต้องเสียใจที่เข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่น” น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ระหว่างทางเดินกลับหมู่ตึกตระกูลจิน จินเหล่าต้านั้น ครุ่นคิดมาตลอดทาง ก่อนที่มันจะรวบรวมความกล้ากล่าวขึ้น

“พี่ชายหนิงเทียน ท่าน...ท่านสามารถปรุงโอสถเรียกวิญญาณได้จริงหรือ...” มันกล่าวถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก

ได้ยินคำถามของหลานมันแม้แต่จินเหยาจางเองก็หันหน้ามามองไปยังหนิงเทียนราวกับกำลังรอฟังคำตอบอยู่

หนิงเทียนหัวเราะออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

“แม้แต่เจ้าก็เชื่อในเรื่องไร้สาระอย่างนั้นหรือ?”

“ท่านหมายความว่า!!!?” จินเหล่าต้ากล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ

“ถูกต้อง โอสถเรียกวิญญาณ มันไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว” หนิงเทียนกล่าวออกด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจนัก

“พี่ชายหนิงเทียน ข้าจินเหล่าต้าเป็นผู้โง่เขลา ท่านช่วยอธิบายให้ข้ากระจ่างได้หรือไม่” จินเหล่าต้าโค้งศรีษะลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“หึ คนโง่เขลาจะสร้างอาคมประดิษฐ์ระดับสูงได้อย่างไร เอาเถอะเห็นแก่ที่เจ้าให้ข้าได้เห็นอาคมประดิษฐ์ระดับสูงข้าจะอธิบายให้เจ้าได้ฟัง

ตั้งแต่คร่าแรกที่พวกมันยกร่างของสตรีนางนั้นมา ข้าก็ได้กลิ่นไหม้ที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของดักแด้อัคคีแล้ว

จากนั้นข้าจึงกุเรื่องโอสถเรียกวิญญาณเพื่อจะมุ่งความผิดไปให้ฉางอวี้ก็เท่านั้น” หนิงเทียนอธิบายด้วยสีหน้าสบายๆ

“ท่านท่าน....แล้วอุณภูมิร้อนและบรรยากาศที่เยือกเย็นจับจิตนั้นมาจากไหนกัน” จินเหล่าต้ายังกล่าวถามด้วยใบหน้าตกตะลึงเมื่อได้ยินความจริง

หนิงเทียนยิ้มออกและหันหน้าไปยังเสี่ยวซวง เวลานี้จินเหล่าต้าพึ่งจะสังเหตุเห็นถึงเสี่ยวซวง ด้วยใบหน้าที่ขาวใสของนางต่างจากคร่าแรกที่เป็นด่างดำทั่วหน้า

มันทำให้ดวงตาของจินเหล่าต้าเปิดค้าง ปากที่อ้ากว้างไม่ยอมหุบ ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเขินอาย

“เหมาะสมแล้ว เหมาะสมแล้ว ข้านั้นมีตาไว้ประดับใบหน้าจริงๆ เสียทีที่เรียกตัวเองว่าเสเพลอันดับ1 ข้าไม่สามารถมรับรู้ได้เลยว่าพี่นางฟ้า จงใจปลอมตัวให้อัปลักษณ์......

แต่เดียวก่อนพี่ชายหนิงเทียน ท่านกำลังจะบอกว่า บรรยากาศที่ชวนหัวลุกนั้นเกิดขึ้นจากพี่นางฟ้านะหรือ”

จินเหยาจางเห็นหลานของมันกำลังปล่อยไก่ตัวใหญ่ออกมามันจึงรีบกล่าวเตือน

“เหล่าต้า สหายน้อยนางนี้แม้จะอายุมากกว่าเจ้าปีเดียว แต่นางนั้นอยู่ในแดนแห่งปราชญ์ขั้นที่7แล้ว”

ได้ยินคำกล่าวของปู่มัน จินเหล่าต้ารีบถามออกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ท่านปู่ที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริง”

“เจ้าเด็กนี้ ไม่เชื่อคำพูดของปู่เจ้าหรืออย่างไร”

จินเหล่าต้าได้ยินปู่ของมันย้ำอย่างแน่ชัดมันหันไปมองเสี่ยวซวงด้วยแววตาเคารพอย่างที่สุด “พี่นางฟ้าให้อภัยข้าด้วยที่เคยเรียกท่านว่าพี่สาวหน้าดำ” มันรีบกล่าวออกอย่างสำนึกผิด

เสี่ยวซวงเพียงแต่ปลายตามองมันเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาอย่างไม่สนใจ อันที่จริงแล้วสิ่งที่หนิงเทียนกล่าวออกมานั้นไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด

เสี่ยวซวงนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศร้อนระอุเพราะทักษะฟ้ากำเนิดของนางเท่านั้น แต่บรรยากาศที่เย็นเยือกชวนหัวลุกในเวลานั้นเกิดจากจิตสังหารของหนิงเทียนที่แผ่กระจายออกจนทั่วห้องต่างหาก

จินเหล่าต้ายังไม่คลายความสงสัยในใจ มันจึงกล่าวถามมออกอีกครั้ง

“พี่ชายหนิงเทียน แล้วท่านทำให้ศพของฮูหยินรองขยับได้อย่างไรและท่านถอนดักแด้อัคคีออกมาได้อย่างไร??” จินเหล่าต้ากล่าวถามออกมาเป็นชุด

ถึงมันจะไม่ชอบการปรุงโอสถแต่ตัวมันนั้นถูกบิดาของมันบังคับให้อ่านตำราปรุงยามานับร้อยชนิด

มันจึงล่วงรู้ถึงความยากลำบากในการถอนดักแด้อัคคีออกมาเป็นอย่างดี แม้แต่บิดามันลงมือเองยังมีโอกาสสำเร็จไม่ถึง2ใน10ส่วน

หนิงเทียนแย้มยิ้มพร้อมกล่าวออก “คำตอบของเจ้านั้นง่ายนิดเดียว เพียงเพราะข้าคือแพทย์อัจฉริยะอันดับ1”

จากนั้นมันยังคงกล่าวต่อไป “ข้ายังมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปทำเช่นนั้น..ข้าขอตัวก่อน”

ขณะที่หนิงเทียนกำลังแยกตัวออกไป สุ่มเสียงของจินเหยาจางดังขึ้น

“สหายน้อยเจ้าได้ยั่วยุฉางอวี้กับหานเจิงเพียงเพราะปัญหาของตระกูลจิน ในระหว่างที่อยู่ในเมืองฉางผิงนั้นเจ้าสามารถพักอยู่ในตระกูลจินเราได้อย่างสบายใจ

ไม่ว่าจะเกิดเหตุใดตระกูลจินของเราจะปกป้องเจ้าเสมือนปกป้องบุตรหลานคนนึงให้ถึงที่สุด” มันกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกชวนฟัง

หนิงเทียนโค้งศีรษะเล็กน้อยพร้อมประสานมือเชิงขอบคุณจากนั้นมันหันหลังกลับพร้อมเดินจากไป

ขณะเดียวกัน จินเหล่าต้ากล่าวกับปู่ของมัน “ท่านปู่ข้าจะไปเป็นเพื่อนพี่ชายหนิงเทียน ขอให้ท่านปู่แจ้งข่าวให้ท่านพ่อทราบเพื่อคลายความกังวลใจด้วยและเมื่อพี่ชายหนิงเสร็จธุระแล้วพวกเราจะกลับไปที่ตระกูลจินพร้อมกัน”

จินเหยาจางยิ้มออกพร้อมกล่าวไล่หลังหลานของมัน “เจ้าอย่าได้สร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก”

จินเหล่าต้าวิ่งตามหนิงเทียนและเสี่ยวซวงไปทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกเพื่อรั้งทั้งสองไว้ “ช้าก่อน ช้าก่อน”

“เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก?”หนิงเทียนรู้สึกไม่อยากจะพูดอะไรออกมาอีกแล้ว

“ข้าจินเหล่าต้า ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณพี่ชายหนิงเทียนอย่างเป็นทางการเลย ขอให้พี่ชายรับการคาราวะจากข้าด้วย”

กล่าวจบจินเหล่าต้า ยกสองมือขึ้นป้องกันพร้อมทั้งโค้งศีรษะและหลังลงต่ำ มันแสดงความขอบคุณอย่างไม่คิดถึงยศศักดิ์ของมันเลย

จินเหล่าต้านั้นเป็นถึงว่าที่ผู้นำตระกูลจินคนต่อไป มันยังควบตำแหน่งอัจฉริยะอันดับ2แห่งฉางผิงและยังเป็นบุคคลในดินแดนแห่งปราชญ์ที่อายุน้อยที่สุดในเมืองอีกด้วย

แต่เวลานี้มันกลับทำความเคารพแก่หนิงเทียนจากใจจริง

“ถึงข้าจะไม่ช่วยเจ้า เจ้าก็สามารถเอาตัวรอดได้เองอยู่แล้ว และที่ข้าช่วยเจ้าเพียงเพราะข้าต้องการดักแด้อัคคี” หนิงเทียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของมันยังมองชมไปยังทัศนียภาพรอบๆเมืองฉางผิง

“พี่ชายท่านยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว ไหนเลยข้าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เช่นนั้นได้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันสองศิษย์อาจารย์รวมหัวกันโยนความผิดมาให้ข้าถึงขนาดนั้น” จินเหล่าต้ากล่าวตอบในขณะที่มันยกมือเกาไปที่ศีรษะ

“ที่เจ้ากล่าวปฎิเสธซางไห่ว่าเจ้าไม่มีความสามารถหลอมละลายตันเถียนของนางนั้นเป็นเรื่องจริงที่เจ้าไม่ได้โกหก เพราะว่าเจ้าไม่ได้มีธาตุไฟเหมือนนักปรุงโอสถคนอื่นๆของตระกูลจิน”

ใบหน้าของจินเหล่าต้าถอดสี มันยังคงกล่าวต่อ “พี่ชายหนิงข้าเป็นบุตรหลานของตระกูลจิน จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่ได้หลอมรวมธาตุไฟเข้าสู่ร่าง”

“เจ้าคิดจะปิดบังข้า? ได้ข้าอยากรู้ว่าถ้าข้าบอกเรื่องที่เจ้าหลอมรวมธาตุทองที่ส่งเสริมต่อการสร้างอาคมประดิษฐ์แก่หัวหน้าตระกูลจิน จะเป็นอย่างไร”

จินเหล่าต้ายิ้มแห้งๆออกมาพร้อมกล่าวตอบ “ข้าบังอาจเกินไปแล้วที่คิดจะปกปิดมันต่อหน้าพี่ชายหนิง” มันรีบกล่าวเปลี่ยนเรื่องทันที

“พี่ชายท่านมีธุระอันใดบอกให้น้องชายของท่านคนนี้ได้หรือไม่”

หนิงเทียนนั้นคิดอยู่ชั่วขณะ การที่มันจะเปิดเผยเป้าหมายของมันต่อผู้อื่น คนผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มันไว้ใจได้

มันยังจับจ้องไปยังจินเหล่าต้าอย่างไม่วางตา ราวกับจะมองทะลุไปยังก้นบึ้งของจิตใจ ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวออก

“ข้าต้องการรู้เรื่องของตระกูลมู่อย่างละเอียด”

จินเหล่าต้าได้ยินเช่นนั้นมันยกยิ้มอย่างภาคภูมิ ก่อนจะทุบไปที่หน้าออกของตัวเอง ท่านถามได้ถูกคนแล้ว

“ข้านั้นเป็นชายในฝันของคุณหนูสี่ ตระกูลมู่ 'มู่เฉียน' แค่เพียงข้าเอ่ยปากนางสามารถบอกทุกข้อสงสัยของพี่ชายหนิงได้ทุกเรื่อง”

“เจ้ามีความสามารถเช่นนั้น?”หนิงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แน่นอน ข้านั้นไม่ได้ฉายา เสเพลอันดับหนึ่งมาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด”เมื่อมันกล่าวถึงฉายาของมัน สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความภาคภูมิเป็นอย่างมาก

มันยังคงกล่าวต่อ “พี่ชายหนิงเทียน พวกเราไปหาอะไรกินในเหลาอาหารก่อนเถอะข้าจะค่อยๆเล่าข้อมูลของตระกูลมู่ให้ท่านได้ฟัง”

พวกมันทั้งสองใช้เวลาเดินเท้าไม่นานนัก ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่เหลาอาหารชิงเยี่ยน มันถือว่าเป็นเหลาอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางผิงแล้ว

หนิงเทียนมองไปยังป้ายที่สลักคำว่าเหลาอาหารชิงเยี่ยน พร้อมทั้งส่ายศีรษะ “ไม่ใช่เหลาอาหารนี้หรอกหรือที่สร้างเรื่องให้แก่ข้า”

เวลาต่อมาทั้งสองเดินเข้าไปภายในร้าน และสั่งการกับเสี่ยวเอ้อเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เสี่ยวเอ้อเชิญทั้งสองไปที่โต๊ะและรีบเช็ดด้วยผ้าทำความสะอาดอย่างเคร่งครัดในหน้าที่

ขณะที่หนิงเทียนนั่งลง มันมองไปยังทัศนียภาพข้างนอกก่อนจะกล่าวออก “เจ้าเล่าเรื่องภายในตระกูลมู่ให้ข้าฟัง”

จากนั้นจินเหล่าต้าได้เริ่มที่จะอธิบายเรื่องราวต่างๆของตระกูลมู่เท่าที่มันได้รู้มา

“ตระกูลมู่นับเป็น1ใน3ของเมืองฉางผิงก็จริงแต่ด้วยวัยเยาว์รุ่นปัจจุบันของตระกูลที่มีแต่สตรีทำให้อำนาจของตระกูลมู่นั้นตกต่ำที่สุดใน3ตระกูล

ถ้าไม่เพียงเพราะหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน มู่ซวนเฟิง เป็น1ใน10ยอดยุทธในแดนวีรชน พวกมันอาจจะตกจากการเป็นสามตระกูลใหญ่ไปแล้ว”

“หืมม์ ตระกูลมู่ตกต่ำถึงเพียงนี้”หนิงเทียนอุทานออกมาก่อนจะถามต่อ “เจ้ารู้จักมู่เสวี่ยหรือไม่?”

“พี่ชายหนิงท่านกล่าวถามเช่นนี้ไม่ใช่คิดที่จะเข้าร่วมงานประลองเลือกคู่ในอีก10วันข้างหน้าหรอกหรือ” จินเหล่าต้าถามออกขณะที่มองไปยังเสี่ยวซวงที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ด้านข้างของหนิงเทียน

“ถ้าไม่จำเป็น ข้าก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับชีวิตนางนัก”หนิงเทียนระบายลมหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกล่าวต่อ “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า”

“ข้านั้นรู้จักนางเพียงผิวเผินเท่านั้น เพราะนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่ และนางก็ไม่ค่อยจะได้ออกมาจากจวนตระกูลมู่เลย

ข่าวลือในตัวนางนั้นมีมากมายนัก นอกจากใบหน้าที่งดงามดุจนางฟ้าแล้ว บ้างก็มีข่าวลือว่านางเป็นขยะที่สามารถบ่มเพาะพลังได้ บ้างก็บอกว่านางป่วยด้วยโรคร้ายอย่างหนัก”

“ไม่ใช่ว่านางเป็นบุตรสาวของผู้นำตระกูล?” หนิงเทียนกล่าวออกอย่างสงสัย

“พี่ชายหนิงเทียน เรื่องนี้เป็นเพียงอดีตไปแล้วเท่านั้น คุณหนูใหญ่มู่เสวี่ยนางเป็นบุตรสาวคนโตของผู้นำตระกูลจริง

แต่เมื่อสองปีก่อนบิดาของนาง ถูกสังหารจากการก่อกบฏของตระกูลใต้อาณัติ ในส่วนของรายละเอียดลึกนั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก”

‘บิดาของนางถูกสังหาร ด้วยเหตุนี้จึงออกตามหาปู่ของนางสินะ’หนิงเทียนคิดอยู่ภายในใจก่อนจะกล่าวถามออก “เวลานี้ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันเป็นอะไรกับนาง?”

“มู่ซวนเฟิง เป็นลุงของนาง แต่จากที่ข้ารับรู้มา มู่ซวนเฟิงก็ปฎิบัติกับนางเหมือนดั่งลูกสาวของตัวเอง มันใช้เงินและทรัพยากรอย่างมาก

ในการจัดงานประลองเลือกคู่ครั้งนี้ให้แก่นาง” จินเหล่าต้ากล่าวจบ ก่อนมันจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ มันจึงรีบกล่าวต่อ

“เอาอย่างนี้เป็นไร อีก3วันตระกูลจินของเราต้องไปทำการค้ากับตระกูลมู่ ข้าจะพาพี่ชายหนิงเทียนไปยังตระกูลมู่ด้วยกัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด