ตอนที่แล้วEp.11 - มรดกและหินสกิล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.13 - การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกมนุษย์

Ep.12 - กลับสู่โลกจริง


กำลังโหลดไฟล์

Ep.12 - กลับสู่โลกจริง

แผ่นศิลาโลกวิญญาณสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในโลกวิญญาณ

ศิลาแต่ละแผ่นมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป โดยแผ่นศิลาทั้งห้าที่ปรากฏขึ้นในค่ายแห่งนี้ เพียงแค่วางมือของผู้เล่นลงไป ก็จะเกิดปฏิกิริยาตอบรับกัน และส่งคำอธิบายออกมาว่ามีหน้าที่อะไร

[แผ่นศิลาเสบียงของก็อบลิน] มีสินค้าให้เลือกมากถึง 10-20 รายการ นอกจากผลเบอร์รี่สีแดงและฟ้า ซึ่งเป็นผลไม้วิญญาณทั้งสองชนิดแล้ว ยังมีสมุนไพรระดับต่ำอีกหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีเมล็ดของต้นผลเบอร์รี่ก็อบลินที่ยังใช้การอะไรไม่ได้ ที่เหลือก็เป็นอาหารจำพวกเนื้อกระต่ายและเนื้อกบ

[แผ่นศิลาอาวุธของก็อบลิน] ก็เหมือนกับร้านขายอุปกรณ์ อาทิเช่น ‘หน้าไม้ก็อบลินสภาพเสียหาย’ ‘ดาบสั้นก็อบลินคุณภาพต่ำ’ ‘กระบองไม้ก็อบลินสภาพเก่า’ ซึ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นอาวุธสีเทาขุ่นทั้งนั้น และทั้งหมดมีราคา 5 หินคริสตัลต่อชิ้น

แต่ยังไม่หมดเท่านี้ ในร้านค้ายังมี ‘ม้วนคัมภีร์สัญญาแต้มวิญญาณ’ สำหรับปาร์ตี้อีกด้วย ที่เหลือก็จะเป็น ‘หน้าไม้ก็อบลินสภาพปกติ’ ‘ดาบสั้นสภาพปกติ’ และวัสดุใช้แล้วทิ้งอื่นๆ ก็สามารถหาซื้อได้

[แผ่นศิลาแหล่งผลิตของก็อบลิน] หน้าที่หลักคือการผลิตและแปรรูป คุณสามารถแปรรูปหินคริสตัลเทาให้กลายเป็นหินคริสตัลขาว และสามารถย่อยสลายหินคริสตัลขาวให้กลายเป็นหินคริสตัลเทาก็ได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ยังมีสูตรอาหารหรือเครื่องมือง่ายๆที่เกี่ยวข้องกับการผลิตขั้นต้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่นหลอดน้ำยาสำหรับใส่โพชั่น ฯลฯ

[แผ่นศิลาย่อยสลายของก็อบลิน] แผ่นศิลานี้ไม่มีของขาย มีไว้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ มันสามารถช่วยย่อยสลายสิ่งที่ไม่ต้องการให้กลายเป็นวัสดุหรือหินคริสตัลจำนวนหนึ่งได้ กล่าวว่าเป็นสถานีรีไซเคิลขยะคงไม่ผิดกระมัง?

[แผ่นศิลาเก็บของของก็อบลิน] ศิลาแผ่นนี้คือโกดัง มีพื้นที่จัดเก็บ 15 ลูกบาศก์เมตร

หากคุณกังวลว่าเกิดไปตายนอกค่ายแล้วของจะดรอป หรือกระเป๋าส่วนตัวเต็ม ก็สามารถนำไอเท็มมาจัดเก็บที่นี่ได้

แน่นอน ถึงมันจะขึ้นชื่อว่าโกดัง แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงอย่างสมบูรณ์ หากมีอุบัติเหตุบางประการ เช่นฐานที่มั่นแห่งนี้ถูกพวกมอนสเตอร์บุกยึดอีกครั้ง ไอเท็มที่อยู่ในโกดังก็จะหายไปเช่นกัน

ต้องการเซฟโซนที่ปลอดภัยตลอดไปงั้นหรอ?

เสียใจด้วยนั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง!

มนุษย์สามารถเข้าครอบครองดินแดนของมอนสเตอร์หรือเผ่าพันธุ์อื่นๆได้ ในทางกลับกัน ดินแดนของมนุษย์ก็สามารถถูกยึดครองได้เช่นกัน!

สถานที่เดียวที่มนุษย์สามารถเรียกว่าเป็นเมืองแบบถาวรได้ นั่นคือเมืองในโลกแห่งความจริง!

ตราบใดที่โลกจริงยังไม่ล่มสลาย มนุษย์ก็จะไม่ถูกทอดทิ้งเป็นคนไร้บ้าน อย่างไรก็ตาม นับจากนี้เป็นต้นไป โลกจริงจะค่อยๆถูกโลกวิญญาณเข้าแทรกซึมอย่างช้าๆ การเปลี่ยนแปลงต่างๆจะเกิดขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย สามารถเกิดภัยคุกคามจากทางฝั่งโลกวิญญาณได้ตลอดเวลา

คนในทีมไม่นึกเลยว่าพอยึดฐานได้จะมีฟังก์ชั่นแบบนี้ด้วย

จ้าวหมิงถามฮังอวี่ว่า “แล้วไอเท็มที่วางขายในที่นี้จำกัดจำนวนรึเปล่า?”

“แน่นอนว่าจำกัด ถ้าซื้อถึงจำนวนที่กำหนดแล้วมันจะหายไป แต่สุดท้ายผ่านไปซักพักมันก็จะถูกรีเฟรชใหม่ ทว่าเสบียงที่ถูกรีเฟรชจะมีจำนวนไม่เท่าเดิม มากหรือน้อยต้องมาลุ้นเอาอีกที”

“ถ้าฟังจากที่นายพูด แสดงว่าผลเบอร์รี่สีแดงกับฟ้าน่าจะมีไม่มากนัก โชคดีที่ราคาของมันไม่แพง ใช้หินคริสตัลเทาก้อนหนึ่งก็สามารถซื้อได้ห้าลูกแล้ว” จ้าวหมิงแนะนำทุกคน “ฉันคิดว่าพวกไอเท็มใช้แล้วทิ้งพวกนี้มีประโยชน์มาก ถึงเวลาพอมีคนเข้ามาในค่ายมากขึ้น วัตถุดิบพวกนี้จะกลายเป็นของหายาก พวกเรารีบแลกเปลี่ยนผลเบอร์รี่เก็บสำรองไว้ให้มากที่สุดจะดีกว่า ถึงไม่ใช้เอง แต่ถ้านำมันกลับไปโลกจริง หรือเก็บไว้ขายต่อเพื่อเก็งกำไรหินคริสตัล ไม่ว่าอย่างไหนก็เป็นประโยชน์กับพวกเราทั้งนั้น”

คุณเห็นไหม?

ผู้ประกอบการก็ยังเป็นผู้ประกอบการ ความเฉียบแหลมทางธุรกิจของพวกเขายังคงไม่เสื่อมคลายแม้ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

แม้แต่เจียงหนานที่ยากจนหินคริสตัลมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่ ยังกัดฟันหยิบหินคริสตัลเทาออกมาสองสามก้อนเพื่อซื้อไอเท็ม

ส่วนอีกสามคนที่มีทรัพย์สินเหลือเฟือในมือ โดยเฉพาะหัวหอกอย่างฮังอวี่ที่ใครมาเห็นต่างก็ต้องรู้สึกอิจฉา เวลานี้เขานับทรัพย์สินของตัวเอง พบว่ามี 38 หินคริสตัลเทา และ 10 หินคริสตัลขาว!

สำหรับช่วงต้นเกม นี่ถือว่าเป็นเงินก้อนโต้อย่างไม่ต้องสงสัย!

ฮังอวี่จ่าย 30 หินคริสตัลเทาโดยตรง แลกเบอร์รี่แดง 50 ผล และเบอร์รี่ฟ้า 100 ผล และจ่ายอีก 2 หินคริสตัลเทาเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์สองเมล็ดตามลำดับ เขารู้สึกว่ามันน่าจะมีประโยชน์ในอนาคต

อันที่จริงฮังอวี่จะซื้อมากกว่านี้ก็ได้ แต่ด้านหนึ่งคือเขามีหินคริสตัลเทาไม่เพียงพอ อีกด้านหนึ่งพื้นที่จัดเก็บมีจำกัด  เขาต้องเว้นที่ว่างไว้ให้อย่างอื่นด้วยถูกไหม? ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณของผลเบอร์รี่ก็ยังน้อยจนน่าเวทนา

ถ้าฮังอวี่เหมาคนเดียวหมด แล้วไม่เหลือให้คนอื่นเลย เกรงว่าคงใจร้ายเกินไป เดิมทั้งสามตั้งใจจะแลกเปลี่ยนหินคริสตัลเทาให้กลายเป็นผลไม้ทั้งหมด แต่ไม่ทันแลกหมด ผลไม้ก็หายวับไปจากแผ่นศิลา

มีจำนวนจำกัดจริงๆด้วย!

จ้าวหมิงลองคำนวณดู คาดว่าผลเบอร์รี่แต่ละชนิดที่วางขายน่าจะมีไม่เกิน 300 ลูกต่อครั้ง

ฮังอวี่เดินไปยังแผ่นศิลาอาวุธของก็อบลิน เขาจ่าย 5 หินคริสตัลเทา แลกเปลี่ยนม้วนคัมภีร์สัญญาแต้มวิญญาณออกมา

จางเสี่ยวเฉียงถามด้วยความสงสัยว่า “ลูกพี่ เจ้าม้วนคัมภีร์นี่มันมีประโยชน์ยังไง?”

“นี่คือสัญญาแต้มวิญญาณที่ใช้ในการสร้างทีม” ฮังอวี่แนะนำฟังก์ชั่นของม้วนคัมภีร์  “ปกติแล้วเวลาเราล่ามอนสเตอร์ แต้มวิญญาณที่ได้รับจะถูกแจกจ่ายไปตามผลงานของดาเมจ ซึ่งหมายความว่าใครทำดาเมจมอนสเตอร์สูง ก็จะยิ่งได้รับแต้มวิญญาณมาก และนั่นไม่ยุติธรรมเลยสำหรับฝ่ายซัพพอร์ตของทีม”

จ้าวหมิงเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาต้องวิ่งไปอยู่แนวหน้าเสมอ ยอมทรมานจากการถูกโจมตี โดนทำร้ายเกือบถึงตายก็หลายครั้ง รับหน้าที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง!

ทว่าแต้มวิญญาณที่ได้หลังจบการต่อสู้ยังน้อยกว่าจางเสี่ยวเฉียงที่ขดตัวอยู่ข้างหลังและทำหน้าที่แค่นานๆครั้งขว้างลูกไฟซะอีก

ดวงตาของเจียงหนานเป็นประกาย “งั้นม้วนคัมภีร์นี้ก็จะช่วยให้พวกเราเท่าเทียมกันถูกไหม?”

“ถูกต้อง หลังจากลงชื่อในสัญญาแล้ว แต้มวิญญาณที่จะได้รับในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งหมดจะถูกบังคับแบ่งให้สมาชิกทุกคนอย่างเท่าเทียม มันดีสำหรับการทำงานเป็นทีมมาก แล้วยังเอื้อต่อการพัฒนาผู้เล่นในทีมคนอื่นๆด้วย”

พูดมากถึงขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ามันก็แค่ฟังก์ชั่นปาร์ตี้ในเกมหรอกหรอ?

จางเสี่ยวเฉียงไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ เพราะในเกมทั่วๆไป แค่ยื่นคำขอแล้วกดตอบรับก็สามารถเป็นปาร์ตี้เดียวกันได้แล้ว แต่ในโลกนี้ยังต้องมาลำบากลงชื่อในม้วนคัมภีร์อีก

อย่างไรก็ตาม กฏอันยุ่งยากนี้ หากมองอีกแง่มุมหนึ่ง คือมันกำลังสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวดและสมจริงของโลกวิญญาณ

ฮังอวี่ละสายตาจากคนอื่นๆ กวาดมองไปยังสูตรการผลิตระดับต่ำในแผ่นศิลาแหล่งผลิต สุดท้ายหยุดลงตรงรายการพิเศษ

[หินสกิลการผลิต : เทคนิครวบรวมวัตถุดิบเบื้องต้น] สีเทาคุณภาพสูง ราคาแลกเปลี่ยนคือ 5 หินคริสตัลขาว!

ถูกต้อง สถานที่แห่งนี้ คุณสามารถหาซื้อหินสกิลได้เช่นกัน!

ทว่านี่คือสกิลการผลิตขั้นต่ำสุดที่เป็นแค่สีเทาเท่านั้น มันไม่สามารถใช้ช่วยเหลือในการต่อสู้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ยังคงกัดฟันแลกเปลี่ยนมัน

สิ่งที่มีค่าที่สุดในค่ายก็อบลินก็คือหินสกิลนี้ อันที่จริงขอแค่เป็นหินสกิลชนิดอื่นก็ถือว่ามีค่ามาก หากได้เจอมันแล้ว ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ฮังอวี่แลกเปลี่ยนหินสกิล ตอนนี้เขาเหลือทรัพย์สินแค่ 5 หินคริสตัลขาวและ 1 หินคริสตัลเทา

หินสกิลเทคนิครวบรวมวัตถุดิบเบื้องต้นหายไปจากแผ่นศิลา บ่งบอกว่ามันมีวางขายเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น และจะรีเฟรชอีกครั้งในอีกหลายวันต่อจากนี้

[เทคนิครวบรวมวัตถุดิบเบื้องต้น] สกิลอิสระ , เลเวลสกิลปัจจุบัน 1 , แต้มวิญญาณ 0/300 , ความชำนาญ (1,000/1,000) ใช้ 1 แต้มวิญญาณ เพื่อรวบรวมวัตถุดิบเป้าหมาย โดยอัตราความสำเร็จในการรวบรวมจะขึ้นอยู่กับเลเวลสกิลและและเลเวลของเป้าหมายที่จะใช้งาน

สกิลการผลิตเป็นเรื่องยากมากที่จะอัพเลเวล ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การได้รับค่าความชำนาญมากถึง 1000 แต้ม จำเป็นต้องอัพเลเวลสกิลให้ไปถึงเลเวล 3 หรือสูงกว่านั้นเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่สังเกตเห็น ว่าทันทีที่เรียนรู้สกิล ค่าความชำนาญของเขาก็เต็มแล้ว! เต็มตั้งแต่แรกเลย!

นี่คือเอฟเฟกต์ของสกิลติดตัว ‘ความทรงจำของจอมปราชญ์’ และไม่ต้องสงสัยเลย ว่านี่นำมาซึ่งข้อได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง

มันช่วยประหยัดเวลาในการฝึกฝนสกิลของฮังอวี่ได้เป็นอย่างมาก สามารถนำเวลาที่เหลือในอนาคตไปเรียนรู้สกิลอื่นๆได้มากขึ้น

...

เวลาได้ล่วงเลยถึงยามค่ำคืน บนท้องฟ้าไม่ได้มืดมน มันเต็มไปด้วยดวงดาว

ภายใต้ภาพอันตระการตาเช่นนี้ ชวนให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกเทพนิยาย

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดีๆ จะพบว่าแสงดาวที่ส่องแสงเหนือศีรษะของทุกคนไม่ใช่ดวงดาวจริงๆ แต่เป็นกระแสวังวนที่เหมือนกาแลคซี คล้ายกับว่ากระแสวังวนนี้จะเชื่อมต่อกับโลกใบนี้ทั้งใบ

ห้ามลืมสิว่าที่นี่คือโลกวิญญาณ ไม่ใช่จักรวาลเดิมอีกต่อไป แล้วท้องฟ้าจะมีแต่ดวงดาวเหมือนบนโลกมนุษย์ได้อย่างไร?

แผ่นศิลาคืนชีพที่อยู่ตรงกลางค่ายก็อบลิน สาดแสงเพิ่มความสว่างในพื้นที่เล็กๆของค่าย และด้วยแสงที่โดดเด่นท่ามกลางป่าใหญ่ ไม่ช้าคงดึดดูดผู้คนจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามา

เพราะมีผู้ล่ามากมายในป่ายามค่ำคืน มันจะดีกว่าหากไม่เสี่ยงอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนั้น

แต่ในระหว่างนั้นเอง ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งพักผ่อนอย่างเบื่อหน่ายเพื่อฆ่าเวลาเล่น จู่ๆเสียงอันน่าเกรงขามก็ดังก้องในหัวของทุกคน

“การทดสอบกำลังจะสิ้นสุดลง ผู้เล่นโปรดออกจากโลกวิญญาณภายในสิบนาที”

ทั้งสี่คนสะดุ้ง  พวกเขาปิดตาลงเพื่อเรียกดูหน้าต่างข้อมูล และพบว่าเวลานี้ ตัวเลือก ‘กลับสู่โลกมนุษย์’ ที่เดิมเป็นสีเทาไม่สามารถกดเลือกได้ ตอนนี้สามารถกดได้แล้ว

นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว!

จางเสี่ยวเฉียงกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ในที่สุดฉันก็จะได้กลับไปกินไก่(เล่น PUBG) ต่อได้แล้ว!”

เจียงหนานน้ำตาคลอเบ้า  “โอ้พระเจ้า ประสบการณ์ในวันนี้มันมหัศจรรย์เหมือนกับฝันไปเลย!”

จ้าวหมิงเป็นคนที่สงบที่สุด เขาเอ่ยปากว่า “พวกเราควรแลกเบอร์ติดต่อกันไว้”

จางเสี่ยวเฉียงกล่าวขึ้นทันที “หมายเลข Wechat QQ ในมือถือฉันคือ XXXXXXXXXXX ลูกพี่ต้องโทรมานะ! จดไว้ด้วยห้ามลืมเด็ดขาด!”

“ไม่ต้องลำบากถึงขั้นจดเบอร์หรอก” เจียงหนานหลับตาลง “พวกเราสามารถใช้ฟังก์ชั่นบางอย่างบนมือถือในโลกใบนี้ได้ ฉันพึ่งลองมา ไม่ใช่แค่เว่ยป๋อ(weibo)หรือ Wechat เท่านั้นที่สามาถใช้ได้ แต่เหมือนจะโทรออกได้ด้วย ... แต่ถ้าเปิดใช้พวกมันจะต้องจ่ายด้วยแต้มวิญญาณไม่ก็หินคริสตัล”

ว่าจบเธอก็ลืมตาขึ้น หันมองฮังอวี่ด้วยสายตาคาดหวัง “พี่มหาเทพ พวกเรามาเพิ่มเพื่อนกัน!”

ใครๆก็ดูออก ว่าคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดคือฮังอวี่

หากปราศการนำทางของเขา ไม่ต้องกล่าวถึงผลกอบโกยที่เยอะขนาดนี้ เกรงว่าตอนนี้ทุกคนคงกำลังเปลือยกายอยู่ในป่า!

ฮังอวี่หลับตาลง จดจ่อกับหน้าต่างข้อมูล เมื่อเปิดตัวเลือกโทรศัพท์โลกวิญญาณ หน้าจอมือถือที่คุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา

ที่น่าแปลกก็คือ ซอฟต์แวร์สื่อสารและซอฟต์แวร์บางอย่างสามารถใช้ได้จริงๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นถ่ายภาพ หรือแม้แต่ธนาคารบนมือถือก็สามารถใช้งานได้

การสื่อสารระยะไกลจะต้องจ่ายแต้มวิญญาณจำนวนหนึ่ง ถ้างั้นแล้วการสื่อสารข้ามโลกเล่า? แน่นอนว่ามันก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่คุณต้องจ่ายด้วยหินคริสตัลโลกวิญญาณจึงจะโทรติด!

หลังจากที่ทั้งสี่เพิ่มเพื่อนกัน ทุกคนก็พากันคลิ๊กตัวเลือกกลับสู่โลกมนุษย์

ฮังอวี่รู้สึกว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในกระแสวังวน จากนั้นเขาก็กลับมายังอพาร์ตเมนต์เล็กๆที่แสนคุ้นเคย เสื้อผ้า ถุงเท้า ฯลฯ ที่เคยสวมในตอนแรกก็กลับมาเช่นกัน

ในโลกจริงเป็นเวลาช่วงเช้า ตอนนี้ก็น่าจะซักประมาณ 9-10 โมง

ฮังอวี่เข้าสู่โลกวิญญาณช่วงตอนเที่ยงคืน หรือก็คือใช้เวลาเกือบสิบชั่วโมงในโลกวิญญาณ

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เวลาในโลกจริงและโลกวิญญาณ  กระแสเวลาแทบจะเท่ากัน

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดั่งภาพฝัน ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับมันไม่ใช่เรื่องจริง

แต่ฮังอวี่กระจ่างแก่ใจ นี่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน โลกกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

ชีวิตที่เคยธรรมดาและสงบสุข มันได้หายไปอย่างสิ้นเชิง

--ประตูสู่ยุคใหม่ได้เปิดออกแล้ว!!