ตอนที่แล้วตอนที่24 ไอ้หนุ่มโลลิค่อน!?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่26 น้องสามแสนน่ารัก

ตอนที่25 ข้าต้องการเจ้า


ตอนที่25 ข้าต้องการเจ้า

เชาอาศัยใช้ใบหน้าหวานของเขาราวกับหยกขาวเพื่อหลอกล่อและดึงดูดเหยื่อสาวทีละคนให้เข้ามาหา!

นี่มันจิ้งจอกหน้าหยกชัดๆ!

หลี่หวงสรรหาคิดคำนิยามนี้ขึ้นสำหรับใช้อธิบายชายหนุ่มคนนี้โดยเฉพาะ! ไม่มีคำไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว!

สิ่งที่ทำให้หลี่หวงตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่คือ ไม่ว่านางจะทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน ก็ดูเหมือนกับว่านางวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือของหลิงฉางเจวี่ยผู้นี้อยู่ตลอด ต่อหน้าต่อตาเขา ความลับทั้งหมดที่เก็บซ่อนอยู่เบื้องหลังกลับหาใช่ความลับอีกต่อไป!

แต่สิ่งที่นางไม่สามารถเข้าใจได้เลยอย่างหนึ่งคือ ชายคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่!

อยากแต่งงานกับนาง? ไปเล่นตรงนู้นไป! อย่าว่าจะใช้คำว่าคนรู้จักเลย เพิ่งพบกันแค่สองสามครั้ง น่าจะเรียกว่าคนแปลกหน้าถึงจะเหมาะที่สุด

หรือยังไง? รักแรกพบงี้? ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่!

เพราะครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากัน หลี่หวงยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อยู่เลย!

แล้วจะเอาอะไรให้ไปรักไปหลง?

“ข้าต้องการเจ้า...”

ดวงตาคู่สวยของหลี่หวงหรี่แคบลงทันทีราวกับกำลังพบเจออันตราย

“เจ้าคือฮูหยินในนามของข้า”

หลิงฉางเจวี่ยที่เห็นปฏิกิริยาของนางก็ฉายแววผิดหวังวาบหนึ่ง และอดที่จะใช้ไม้แข็งมิได้

“ในนาม?”

หลี่หวงจับใจความสำคัญของประโยคดังกล่าวได้อย่างแม่นยำ

“ข้ามิเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทราบความหมายนี้”

“หึ...ความแกร่งกล้าของเจ้าหาใช่ชนชั้นต่ำทราม คาดได้ว่าสถานะศักดิ์คงไม่ธรรมดาเช่นกัน ที่ต้องการแต่งงานกับข้าก็เพื่ออยากให้โลกภายนอกเข้าใจผิดคิดว่า เจ้าเป็นพวกโรคจิตหลงรักเด็กสาว หรือไม่ก็แต่งงานกับขยะชิ้นหนึ่ง? เมื่อถึงตอนนั้นศัตรูของเจ้าที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็จะหมดความสนใจไปเองกระมัง? ข้ากล่าวถูกหรือไม่?”

คำกล่าวทั้งหมดถูกหลี่หวงชี้แจงโดยละเอียดในชั่วอึดใจ ทีแรกนางเองก็ใช่ว่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของชายคนนี้ แต่เมื่อได้ยินว่า แค่อยากแต่งงานในนามเท่านั้น หลี่หวงก็กระจ่างชัดในทันใด

หลิงฉางเจวี่ยปิดปาดเงียบไม่กล่าวอันใด

อย่างไรก็ตาม การที่เงียบไม่โต้แย้งเช่นนี้ก็ถือเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้วว่านางคิดถูก

“อันที่จริงแล้วเจ้ามีทางเลือกเดียวคือการตอบตกลง ข้าอยากรู้เสียจริงว่า ถ้าผู้คนรอบตัวเจ้าทราบความจริงทั้งหมด พวกเขาเหล่านั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? มีทั้งหม้อหลอมโอสถวิเศษที่คนทั่วหล้าปรารถนา ทั้งยังมีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ที่แสนหาได้ยาก แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้วจริงหรือไม่?”

เสมือนว่ามีคมมีดพุ่งเสียบอีกฝ่ายออกมาจากแววตาของหลี่หวง เจ้าหมอนี่กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างสบายใจจริงเชียว?

มันกำลังข่มขู่ข้า

และถ้าความจริงทั้งหมดที่นางพยายามเก็บซ่อนถูกเผยแพร่ออกไป นี่ถือเป็นหายนะ!

“เช่นนั้นข้าตอบตกลง”

ภายใต้สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ นางมิอาจปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบไปมากกว่านี้แล้ว เสียพรมจรรย์ยังดีกว่าเสียชีวิต นางคิดแบบนั้น

เมื่อหลิงฉางเจวี่ยเห็นหลี่หวงตอบตกลงแทบจะในทันทีเช่นนี้ เขาก็อดหัวเราะไม่ได้

สาวน้อยคนนี้น่ารักเสียจริง

ทันใดนั้นเขาก็หยิบสิ่งของสองชิ้นออกมาจากแหวนมิติ

“นี่คือของหมั้น”

“....”

หลี่หวงกลอกตามองบนใส่หลิงฉางเจวี่ยไปหนึ่งกรุบ นางเพิ่งตอบตกลงไป แล้วมีหรือจะเอาของกำนันพวกนี้?

หลี่หวงคว้าของทั้งสองชิ้นมาในมือโดยไม่มีเกรงใจ

เป็นกระบี่หนึ่งเล่ม และตำราเพลงกระบี่อีกหนึ่งเล่ม

“อีกไม่นานเจ้าจะต้องกลับเมืองหลวงพร้อมข้า”

“เข้าใจแล้ว”

หลี่หวงกำลังจดจ่อให้ความสนใจกับสิ่งของทั้งสองสิ่งในมือ จึงเอ่ยตอบหลิงฉางเจวี่ยไปแบบส่งๆ

หลินฉางเจวี่ยจับจ้องใบหน้าอันน่ารักของหลี่หวงก็อดที่จะเอื้อมมือขึ้นลูบหัวไม่ได้

หลี่หวงก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบได้ตามใจชอบ เพราะถึงอย่างไรขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์

นางไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในเวลานี้ แต่เมื่อใดที่ระดับพลังบ่มเพาะของนางใกล้เคียงกับอีกฝ่ายแล้ว เมื่อนั้นมันตาย!

แต่พอหลี่หวงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง นางก็พบว่าหลินฉางเจวี่ยหายไปตัวไปเสียแล้ว

หมอนี่จากไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

“เหยาอวี้ เจ้าทราบหรือไหมว่า อีกฝ่ายจากไปตั้งแต่ตอนไหน?”

“ไม่รู้สิ”

เหยาอวี้ที่ได้ฟังดังนั้นพลันนึกสงสัยเช่นกันว่า ทำไมจู่ๆข้าถึงหายวับจากไปในเสี้ยวพริบตา

แต่จะอย่างไรเหยาอวี้ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะเขาสัมผัสได้ว่า ชายคนดังกล่าวมิได้มีความเกลียดชังต่อเจ้านายของมันอะไรเลย

“ทั้งสองชิ้นนี้ล้วนแต่เป็นของดี”

เหยาอวี้เหลือบมองสิ่งของทั้งสองภายในมือหลี่หวงพร้อมเอ่ยทัก

“หื้ม? เจ้ารู้จัก?”

“กระบี่เทพฤทัย กับตำรากระบี่ฤทัยรู้แจ้ง”

กลับเป็นเจ้าวิหคเพลิงตัวน้อยที่กระโดดมาเกาะไหล่หลี่หวง และอาสากล่าวขึ้นแทนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“เอ๋?”

มันชื่อกระบี่เทพฤทัย?

ความสามารถหลักของนักอัญเชิญคือการสำแดงใช้พลังปราณ ต่อให้เป็นการต่อสู้ในระยะประชิด ก็ยังสามารถใช้ไม้กายาสิทธิ์ป้องกันตัวเองได้ นั่นหมายความได้ว่า การที่ทุกคนใช้ไม้กายาสิทธิ์ในการต่อสู้นับเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ที่ให้กระบี่มามันหมายความว่ายังไง?

“ฮ่าฮ่า นายท่านโง่จัง! นายท่านโง่จัง!”

เจ้าวิหคเพลิงตัวน้อยชูนิ้วก้อยออกมาจิ้มแก้มนุ่มนิ่มของหลี่หวงไปทีสองที

“เห็นหรือไม่? หาใช่ข้าพยายามใส่ความว่าท่านโง่ แต่ขนาดคนอื่นเองยังด่าท่านโง่เลย เพราะท่านมันโง่จริงๆ!”

เหยาอวี้หัวเราะเยาะไปทีหนึ่งพลางยักไหล่ให้

“หื้ม? เจ้าพูดอีกทีสิ? หูข้างซ้ายที่อื้อไปหายดีแล้วกระมัง? อยากโดนบ๋องหูขวาด้วยหรือไม่?”

น้ำเสียงของหลี่หวงดูเย็นชืดลงในพริบคตา

สงสัยไอ้เด็กเปรตตัวนี้ไม่รู้จักหลากจำ

“เปล่า! เปล่า! ข้ามิได้กล่าวอะไรทั้งนั้น...”

เหยาอวี้กลืนน้ำลายอึกหนึ่งแสนยากลำบาก หันวับไปจับจ้องเจ้าวิหคเพลิงที่เอาแต่ปั้นสีหน้าไร้เดียงสา

“กระบี่เทพฤทัย เป็นหนึ่งในศาสตราวุธเทวะที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปม่านเมฆา ได้รับสมยานามว่า สุดยอดกระบี่แห่งใต้หล้า ส่วนตำราเพลงกระบี่ฤทัยรู้แจ้งเองก็ถือเป็นวิชาคู่กายของกระบี่เล่มนี้ ทั้งสองสิ่งล้วนเป็นของวิเศษ ตราบใดที่ท่านฝึกปรือเพลงกระบี่ฤทัยรู้แจ้งแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปร่ำเรียนวิชากระบี่อื่นให้เสียเวลาแล้ว เมื่อใดที่ฝึกปรือสำเร็จ แค่ย่างท่าเท้าผู้คนทั่วสารทิศก็ยำเกรงแล้ว”

เจ้าวิหคเพลิงน้อยกล่าวอธิบายต่อ

“แล้วข้ายังต้องใช้ไม้กายาสิทธิ์อยู่หรือไม่? เพราะเดิมทีข้าตั้งใจจะฝึกกระบี่ให้มีวิชาติดตัวเฉยๆ”

“ไม้กายาสิทธิ์? เจ้าโง่! มีของดีขนาดนี้แล้วยังจะอยากใช้ไม้กายาสิทธิ์อีกงั้นรึ? ประโยชน์ของไม้กายาสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวคือ ช่วยปรับสมดุลระหว่างพลังปราณในร่างกายนักอัญเชิญให้เสถียรและง่ายต่อการใช้คาถา ส่วนที่เหลือไม่มีอะไรดีเลยนอกจากใช้เกาหลัง! แล้วที่สำคัญที่สุด พลังวิญญาฯของเจ้าเองก็มีมหาศาลและแข็งแกร่งมาก สามารถควบคุมพลังปราณในร่างกายได้สบายๆ แล้วยังจะคิดใช้ไม้กายาสิทธิ์อีกรึไง? นี่แหละ...ก็เพราะเป็นแบบนี้จะไม่ให้ข้าด่าว่าโง่ได้ยังไง!”

“…”

พอพูดแบบนี้ฟังแล้วมันก็มีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ

“รีบหยดโลหิตให้กระบี่เล่มนี้ยอมรับเป็นเจ้านายได้แล้ว”

เหยาอวี้เร่งเร้า

หลี่หวงพยักหน้าและกัดนิ้วจนฉีกเป็นแผลเล็กๆ หยดเลือดหนึ่งหยดลงไปตัวกระบี่โดยตรง

ทันทีทันใดพลันปรากฏประกายแสงสลัวขึ้นจากตัวกระบี่วูบวาบ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาสงบอีกครั้ง

หลี่หวงรู้สึกได้ว่า ภายใต้จิตสำนึกของตัวนางได้เชื่อมโยงกับกระบี่เทพฤทัยเรียบร้อยแล้ว

“คุณหนูใหญ่ บ่าวมีข่าวมาแจ้ง”

ขณะที่หลี่หวงกำลังจะตั้งท่าทดสอบกระบี่ ทันใดนั้นเสียงของคนรับใช้ก็ดังขึ้นจากด้านนอก

“เข้ามา”

หลี่หวงเก็บกระบี่เทพฤทัยและตำราเพลงกระบี่ลงในแหวนมิติส่วนตัวของตนทันที ส่วยเหยาอวี้กับเจ้าหงค์เพลิงตัวน้อยต่างก็แยกย้ายกันกลับที่ใครที่มัน

เมื่อคนรับใช้เปิดประตูเข้ามา ก็พบว่าหลี่หวงกำลังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์อยู่

“คุณหนูใหญ่ ท่านประมุขมีคำสั่งให้ท่านไปพบที่โถงเรือนหลักโดยเร็วที่สุด”

สีหน้าของคนรับใช้ผู้นี้ดูจริงจังอย่างมาก แถมไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ด้วย ข้าขอเดาว่าอาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง?

“ไปกันเถอะ”

คนรับใช้รีบเร่งนำทางหลี่หวงไปยังโถงเรือนหลักทันที ตั้งแต่ที่ระดับพลังบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้น แม้แต่เวลาเดินเฉยๆนางยังสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนเบาหวิวต่างจากก่อนหน้าลิบลับ ต่อให้เดินรอบเมืองก็ไม่น่าจะเหนื่อย

ณ โถงเรือนหลัก ในขณะนี้เต็มไปด้วยเสียงดังอึกทึกครึกโครม เมื่อนางมาถึงก็พบฮูหยินใหญ่หานซิงกำลังร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดหย่อน ขณะที่ฮูหยินรองซูซือยืนอยู่เคียงข้างด้วยสีหน้าเย็นชา แต่พินิจจากท่าทางแล้วดูค่อนข้างภาคภูมิใจ ส่วนจวิ๋นรั่วเองก็ยืนอยู่ไม่ห่างอย่างเงียบงัน สีหน้าก็ไม่ค่อยสู้ดีนักเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลี่หวงย่างเท้าตรงเข้ามาอย่างแช่มช้า เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดิม

“หลี่หวง! ช่วยป้าหานด้วย! ช่วยอี้เอ๋อร์ด้วยเถิด! ขอร้องล่ะ!”

เมื่อเห็นหลี่หวงมาถึง หานชิงก็รีบวิ่งออกไปคว้ามือของนางเอาไว้พร้อมเอ่ยปากขอร้องไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าหลี่หวงเป็นฟางเส้นสุดท้ายของตนแล้ว จนสุดท้ายนางทรุดตัวล้มลงกันพื้นอย่างทุลักทุเล กอดชายกระโปรงของหลี่หวงไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเดียว

“...เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาม?”

หลี่หวงสับสนอย่างมากในขณะนี้ แต่พอสงบสติอารมณ์ลงได้ นางก็พบว่าใจกลางฝูงชนมีเด็กคนหนึ่งที่กำลังนอนโทรม มีกลิ่นอายพิษกระจายออกมา!

“อี้เอ๋อร์ถูกวางยาพิษ! หมอจากหอโอสถเองก็ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้ เจ้า...เจ้าช่วยเชิญนักหลอมโอสถท่านนั้นมาช่วยชีวิตอี้เอ๋อร์ได้หรือไม่?”

จวิ๋นจ้านเอ่ยกล่าวขึ้นเสียงหนึ่ง ตอนนี้คนที่มีสีหน้าแย่ที่สุดคงหนีไม่พ้นเขานี่แหละ

เพราะอี้เอ๊อร์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา!

ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องเชิญหลี่หวงมาแบบนี้

หลี่หวงแหวกฝูงชนออกไป ก็เห็นจวิ๋นอี้ที่กำลังนอนสลบไสลอยู่ในอ้อมแขนของจวิ๋นจ้าน ที่แท้ต้นต่อกลิ่นอายพิษทั้งหมดก็มาจากจวิ๋นอี้นี่เอง!

“โอ๊ย..ข้าอยากจะหัวร่อท้องแข็ง นักหลอมโอสถแต่ละท่านล้วนมีสถานะสูงส่งและหยิ่งยโสยิ่งนัก คนอย่างคุณหนูใหญ่มีหรือจะไปรู้จักผู้คนระดับนั้นได้อย่างไร...”

ฮูหยินรองที่อยู่ด้านข้างกล่าวเยาะเย้นขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด