ตอนที่แล้วตอนที่21 สัตว์อสูรคล้ายมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่23 ไม่มีสมอง

ตอนที่22 สตรีพิษ


ตอนที่22 สตรีพิษ

หลีหวงโกรธมาก นางโกรธมากจริงๆ!

ก็เอาแต่นางไม่หยุดไม่หย่อน ใครจะไปรู้ว่าบุปผาวารีสูญแท้จริงแล้วก็คือ ไอซ์แพลนหรือศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า เซมบรีแอนทีมัม!

เหยาอวี่ยกมือกุมศีรษะด้วยเจ็บปวด จับจ้องเจ้านายตัวเองพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

สีหน้าการแสดงออกดูก็พึงทราบว่าไม่พอใจ

จะโทษข้าได้อย่างไร? ก็ทั่วผืนพิภพเขาเรียกกันแบบนี้ หาใช่ภาษาต่างดาวแบบที่เจ้าเรียก!

หลี่หวงยืนมองเหยาอวี้ที่ลอยเคว้งชักสีหน้าอย่างเงียบๆ นางเห็นก็ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ

แต่อย่างไน หลี่หวงไม่ได้คิดที่จะปลอบเหยาอวี้ผู้น่าสงสารเลยแม้แต่น้อย แถมยังถลึงตาใส่อีก

นางหันไปสั่นกระดิ่งทันที

“ข้ามีบุปผาวารีสูญ”

สุ้มเสียงที่สุดแสนจะไม่แยแสของหลี่หวงดังกึกก้องทั่วทั้งโรงประมูล ได้ทำลายบรรยายกาศที่เงียบสงัดของทุกคนทันใด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ห้องรับรองบนชั้นที่สี่อย่างร้อนรน ราวกับพยายามมองผ่านกระจกทึบทะลุเข้าไป!

ความคิดภายในใจของทุกคนเอ่ยดังเป็นเสียงเดียวคือ

‘คนที่อยู่ในห้องรับรองชั้นที่สี่จักต้องวิปลาสเพียงใด! ถึงมีสิ่งที่ทุกคนทั่วทั้งโรงประมูลไม่รู้จัก! สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่?!’

ซีเล่อพิธีกรสาวสวยเองก็ตกใจเช่นกัน แต่หลังจากทำงานสายนี้มาเป็นเวลานาน ชั่วอึดใจต่อมานางก็กลับมาได้สติอีกครั้ง

“แขกผู้มีเกียรติ ณ ห้องรับรองหมายเลขหนึ่งชั้นที่สี่ เนื่องจากท่านมีบุปผาวารีสูญตามที่กำหนด หลังจากนี้ผู้ขายสัตว์อสูรจะขอไปตรวจสอบอีกที ก่อนนำส่งสิ่งของประมูล การประมูลในวันนี้สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณสหายทุกท่านที่ให้ความสนใจ”

ห้องรับรองหมายเลขสอง

“พี่เก้า! พี่สะใภ้เก้าจิตใจเหี่ยมโหดไม่น้อยเลย...”

หลิงเฟิงรู้สึกว่า หากสิ่งที่เด็กสาวนางนี้สนใจคือสัตว์อสูรที่เปรียบเสมือนเด็กน้อยโดนจับตัวมา นี่แสดงว่าจิตใจของนางก็เหี้ยมมิใช่น้อย ไม่คิดจะสงสารอสูรตัวน้อยเลยหน่อยรึ? คิดได้แบบนั้นทั่วทั้งร่างของหลิงเฟิงถึงกับสั่นสะท้านขนลุกซูว

“เจ้าต่างหากที่อ่อนโยนเกินไป...”

หลิงฉางเจวี่ยเอ่ยตอบออกมา

หลิงเฟิงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง พี่เก้าของเขาก็เป็นไปด้วยอีกคนรึเนี่ย? พอจะเอ่ยปากค้านก็พลันนึกถึงมะเหงกที่ตนเพิ่งได้รับไปและหัวปูดไม่หาย ก็พลันสงบปากสงบคำลงอย่างเชื่อฟัง

“จะว่าไป…พี่เก้า บุปผาวารีสูญคืออะไร?”

หลิงเฟิงเอ่ยถามขึ้นทันทีเจือน้ำเสียงสงสัย

“บุปผาวารีสูญเป็นบุปผาพิษสีฟ้า รูปร่างคล้ายน้ำแข็ง เป็นพืชตระกูลเถาวัลย์”

“บุปผาพิษ?”

“ถูกต้อง ทุกส่วนของมันล้วนเร้นแฝงไปด้วยพิษร้ายแรง อาหารโปรดของมันคือเลือดสด หากพืชชนิดนี้เจริญเติบโตที่ใด ต้นไม้หรือพืชในบริเวณโดยรอบจะถูกดูดสารอาหารจนเหือดแห้งตายลงไป แต่สำหรับสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็งแล้ว บุปผาวารีสูญถือเป็นวัตถึดิบที่ขาดไม่ได้เลยในการเลื่อนระดับชั้น”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง! ไม่แปลกใจเลยเสียว่า เหตุใดนักอัญเชิญผู้นั้นถึงต้องการบุปผาวารีสูญ ที่แท้ก็เพื่อนำไปเลื่อนระดับชั้นให้สัตว์อสูรนำแข็งของตนนี่เอง! ไม่สิ...เดี๋ยวก่อน...ในเมื่อพี่เก้าบอกว่า ทุกส่วนของมันมีพิษร้ายแรง แล้วไฉน...พี่สะใภ้เก้าถึงมีเจ้าสิ่งนี้ได้ล่ะ?”

หลิงเฟิงถึงกับปั้นสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็เหลือบมองหลี่หวงที่กำลังนั่งจัดกลีบของบุปผาวารีสูญให้เข้าที่เข้าทางก่อนนำส่งให้อีกฝ่าย พลางดื่มชาอย่างสบายอารมณ์

แววตาของหลิงเฟิงที่จับจ้องเปี่ยมล้นไปด้วยความเป็นห่วง นางกล้าจับไปได้อย่างไร? เดี๋ยวก็โดนพิษร้ายเล่นงานเอาหรอก!

“นางเป็นสตรีพิษ มีผู้ใดบ้างที่เพาะเลี้ยงบุปผาวารีสูญได้ราวกับกำลังเล่นสนุกอยู่แบบนี้กัน?”

หลิงฉางเจวี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้จักนิสัยของนางตั้งแต่วันแรกที่พบเจอกันแล้ว

บุปผาพิษดอกนั้นที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของนาง ทั้งยังเผยจิตสังหารสุดเฉียบคมออกมาเป็นระยะ เพียงเท่านี้หลิงฉางเจวี่ยก็มั่นใจได้ทันทีว่า เด็กสาวนางนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือพิษมือฉกาจแน่นอน!

“สตรีพิษ? นางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน! นอกเสียว่า ร่างกายของนางมีคุณสมบัติร้ายพิษมิรุกราน แต่การจะมีคุณสมบัติเช่นนี้ได้ร่างกายจะต้องผ่านพิษมาไม่น้อยกว่าหลายสิบปี แต่นี่...นางกลับไม่โดนพิษจากบุปผาวารีสูญได้อย่างไร?”

หลิงฉางเจวี่ยหัวเราะเสียงเบากล่าวว่า

“ตอนที่ข้าพบนางครั้งแรก อีกฝ่ายยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อยู่เลย”

หลิงเฟิงเบิกตากว้าง พร้อมสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ....

ห้องรับรองหมายเลขหนึ่ง

หลี่หวงสวมชุดคลุมสีดำพร้อมหมวกปิดบังใบหน้ามิดชิด นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ดูแลก็พาชายชุดดำคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาในห้องรับรับแห่งนี้

อย่างไรดสีย ชายผู้นั้นสวมผ้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้ามิดชิดเช่นกัน มองผ่านตาข่ายคลุมเห็นเพียงแววแสงประกายเล็กน้อยที่สาดสะท้อนออกจากนัยน์ตาของชายคนนั้น

ทีแรกก็ปกติดีอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าหลี่หวงที่เป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อย ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ

ทว่าแววตาของหลี่หวงกลับดูเฉยเมยไม่มีสะทกสะท้านแต่อย่างใด ราวกับว่าสายตาของเด็กสาวนางนี้เจนจัดผ่านพ้นประสบการณ์ทางโลกมาแล้วมากมาย

“แล้วของล่ะ?”

ชายคนนั้นเองถามขึ้นอย่างเย็นชา

เสียงของอีกฝ่ายฟังแล้วค่อนข้างแหบแห้งมาก หลี่หวงที่ได้ยินดังนั้นพึงทราบได้ทันทีว่า อีกฝ่ายน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอะไรสักอย่างมาก

แต่...

นางเป็นสตรีพิษ หาใช่แพทย์เทวดาที่จะใจดีเสนอตัวไปรักษาให้เสียแรงเปล่า

เพียงเสี้ยวความคิดเคลื่อนขยับ ทันใดนั้นก็มีบุปผาสารีสูญดอกหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง

บุปผาวารีสูญช่วงลำตัวเป็นเถาวัลย์จึงพันรอบข้ามือของนาง ราวกับลูกน้อยที่ไม่อยากพลัดจากกับแม่เท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองแห่งนี้กลับดูไม่สู้ดีนัก

ผู้ดูแลถึงกับรีบร่นถอยออกไปไกลห่าง จับจ้องหลี่หวงด้วยความหวาดกลัว

ชายในชุดคลุมสีดำจับจ้องอีกฝ่ายเจือแววตากระอักกระอ่วน ทั้งๆที่เขาเป็นคนต้องการมันแท้ๆแต่กลับส่อแววกลัวหนึ่งส่วน

นี่ช่าง...น่าอายโดยแท้!

ตอนนี้เขายืนยันแน่ใจแล้วว่า บุปผาวารีสูญตรงหน้าเป็นของจริง แต่ทว่า...เขากลัวที่จะสัมผัส

“ท่านคือ...สตรีพิษกระมัง?”

ชายชุดคลุมดำกล่าว

“จะเอาไม่เอา?”

หลี่หวงสบตาอีกฝ่ายเขม็ง พร้อมเค้นเสียงเย็นเอ่ยถามคำหนึ่ง

“...”

หญิงสาวนางนี้สามารถกำราบพิษของบุปผาวารีสูญได้อย่างอยู่หมัด หากนางเอาจริงใช้พิษขึ้นมาจะน่ากลัวปานใด?

“คุณหนู มีวิธีใดเล่าถึงสามารถกำราบบุปผาวารีสูญได้? ไม่ทราบว่า...พอมีวิธีที่จะทำให้มันปลอดภัยกว่านี้หรือไม่?”

ผู้ดูแลที่เห็นชายชุดคลุมดำกล้าๆกลัวๆ จึงอาสาเอ่ยถามขึ้นแทน

“...”

หลี่หวงเบนสายตามองไปยังบุปผาวารีสูญในมือ พร้อมโบกมือไปทีหนึ่ง ทันใดนั้นส่วนดอกที่เคยบานสะพรั่งก็หุบลงในทันใด พร้อมส่วนเถาวัลย์ที่คลายอ่อนลง กลายมาดูไม่มีพิษภัยเท่าก่อนหน้า

“รับไปสิ”

หลี่หวงยื่นมือส่งบุปผาวารีสูญออกไปให้ตรงหน้า

ชายชุดคลุมดำเร่งรับถุงผ้าไหมลายวิจิตใบหนึ่งออกมาใส่มันทันที

แต่เห็นได้ชัดว่า เขายังคงไม่ได้สติจากที่ได้เห็นท่าทางการแสดงออกของหลี่หวง

และเป็นเสียงอันเย็นชาของหลี่หวงอีกครั้งที่ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์

“ใช้มันภายในหนึ่งเดือน หลังจากนั้นพิษของมันจะเสื่อมสภาพลง”

“ขอบพระคุณอย่างยิ่ง”

ชายคนนั้นโค้งคำนับให้อย่างสุภาพนอบน้อม

จากนั้นเขาก็จากออกไปทันทีด้วยความเร่งรีบ

“คุณหนู นี่คือของที่ประมูลได้และเงินที่ได้จากการประมูลโอสถของท่าน”

ผู้ดูแลเดินตรงเข้ามาพร้อมกับมือไม้ที่สั่นเทา ยื่นบัตรสีทองคำให้หลี่หวง

“ทางเรขออนุญาติหักค่าดำเนินการ ดังนั้นยอดเงินในบัตรคงเหลือจะอยู่ที่200เหรียญผลึกมณี กับอีก450เหรียญม่วงทอง”

“ส่วนสัตว์อสูรืทื่ท่านประมูลได้ ทางเราได้ยกมาให้แล้ว และก็...”

เอ่ยถึงจุดนี้ ผู้ดูแลก็หยิบถาดแผ่นหนึ่งจากคนรับใช้และยื่นให้ตรงหน้าหลี่หวง

“นี่เป็นของที่แขกผู้มีเกียรติห้องเคียงข้างมอบให้ท่าน”

หลี่หวงถึงกับเบิกตาโต นี่มันแหวนมิติที่นางต้องการทีแรก!

“เอากลับไปเถิด”

หลี่หวงส่ายหน้าผลักถาดกลับไป หาใช่ว่านางถือตัวหยิ่งผยอง แต่นางถูกสอนให้ไม่รับของจากคนแปลกหน้า

ทว่าผู้ดูแลยังกล่าวต่ออีกว่า

“แขกผู้มีเกียรติที่อยู่ห้องเคียงข้างกล่าวว่า อีกฝ่ายทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของท่าน ดังนั้น...โปรดรับไว้ด้วย”

ใจหนึ่งผู้ดูแลก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน ไฉนนายน้อยถึงต้องทำขนาดนี้ให้นางด้วย?

หรือเป็นไปได้ไหมว่า...นายน้อยจะสนใจนางผู้นี้?!

โอ้...บ้าไปแล้ว!

ทว่าในความเป็นจริง หลิงเฟิงกลับไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหลี่หวงเลย เขาเพียงโกหกผู้ดูแลไปเท่านั้น

หลี่หวงใจเต้นแรงตื่นตาตื่นใจอย่างมากที่ได้รับแหวนมิติวงนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงขนาดนั้น นางเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน นางหยิบแหวนวิติขึ้นมาจากถาดและหยดเลือดใส่ทันทีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

“เช่นนั้นขอตัวก่อน”

ผู้ดูแลเห็นหลี่หวงรับแหวนวงนั้นเสร็จสรรพ เท่านี้ก็ถือว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปทีหนึ่ง!

รีบปิดประตูเดินจากออกไปทันที ทิ้งให้หลี่หวงและสัตว์อสูรอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

“เหยาอวี้?”

หลี่หวงตะโกนเรียก เวลามีคนนอกเข้ามาเหนาอวี้ก็จะลอยตัวกลับเข้าห้วงมิติก่อนทันที

“เรื่องนี้เจ้าต้องจัดการดูแลเอง ข้าช่วยอะไรไม่ได้นัก”

เสียงของเหยาอวี้ดังก้องอยู่ในห้วงความคิด น้ำเสียงเร้นแฝงความสุขใจบนความโชคร้ายของนาง

อะไรคือความสุขใจบนความโชคร้ายของนางงั้นรึ? ก็...สัตว์อสูรตัวน้อยนั่นไง

ภายในกรงปราณสัตว์อสูรตัวน้อยกำลังหลับปุ๋ยอยู่...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด