ตอนที่ 85 ร่วมมือกัน?
เย่เทียนยิ้ม “คุณคืออาจารย์เย่เทียน ฉันเสียมารยาทแล้ว”
เย่เทียนมองไปที่นักต้มตุ๋นเมื่อเขาพูด บนตัวของผู้ชายคนนี้มีอารมณ์คล้ายกำลังเสแสร้งอยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังหลอกแต่ก็ทำเป็นเหมือนจริง ด้วยความมั่นใจและการหลอกแบบนี้จึงเป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะแยกออก
นักต้มตุ๋นเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าอยากได้ลายเซ็นก็ไปซะ ฉันไม่มีเวลา”
นักต้มตุ๋นหันซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเขาก็จะออกไป
ได้เงินมา 200,000 แล้ว จะอยู่ให้โดนเชือดทำไมล่ะ
เย่เทียนรู้ทันความคิดนักต้มตุ๋นเขาจึงคว้าข้อมือของนักต้มตุ๋นแล้วดันเข้าห้อง ดวงตาของเขาร้อนผ่าว “อาจารย์เย่เทียน ฉันชอบคุณมานานแล้วมีหลายอย่างที่จะพูดกับคุณ อย่าพึ่งไปเลยนะ”
“เฮ้ย! แกจะผลักฉันทำไม ปล่อยฉัน!” นักต้มตุ๋นพูดด้วยความร้อนรน
ปล่อย?
ใครมันจะยอมปล่อยล่ะ!
เย่เทียนไม่เพียงผลักนักต้มตุ๋นเข้าห้องแต่ยังล็อคประตูด้วย
ตั้งแต่กินยาทุกชนิด ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเย่เทียนก็ไม่สามารถเทียบได้กับคนทั่วไปโดยเฉพาะยาศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ไม่ต้องพูดถึงนักต้มตุ๋นเลย ต่อให้นักต้มตุ๋นมาสักสิบคนเขาก็มั่นใจว่าสามารถชนะได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อนักต้มตุ๋นเห็นว่าหนีไม่ได้ เขาจึงกังวลแล้วเริ่มพูด “น้องชาย ฉันจะบอกความจริงให้นายฟัง ฉันไม่ใช่อาจาจรย์เย่เทียนที่นายตามหา! ปล่อยฉันไปเถอะนะเดี๋ยวฉันให้ 10,000 หยวน!”
หือ?
ยอมรับเร็วขนาดนี้เลย?
ไม่มีความสามรถเอาซะเลย!
หัวใจของเย่เทียนเต้นแรงเพราะอยู่ๆเขาก็นึกสนุกได้ “ทำไมไม่เอาอย่างนี้ล่ะ ฉันจะให้เงินนาย 20,000 แต่นายต้องอยู่ที่นี่และแกล้งเป็นเย่เทียน”
“เอ่อ...อะไรนะ?”
นักต้มตุ๋นอยู่ในความงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าเย่เทียนหมายความว่ายังไง
ตอนนี้ผู้กำกับเคาะประตูแล้วเข้ามา เขาพูดด้วยความเคารพ “อาจจารย์เย่เทียน ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดมาครบแล้ว รายการของเราจะเริ่มถ่ายในเร็วๆนี้ คุณ...เอ๋ คุณเป็นใคร?”
เขาพบเย่เทียน
เย่เทียนตัวจริง “ฉันเป็นผู้ช่วยของอาจารย์เย่เทียนและเป็นลูกศิษย์ของเขาด้วย”
ผู้กำกับพยักหน้าว่าเข้าใจ
“อ่า...รอฉันห้านาทีเดี๋ยวตามไป” นักต้มตุ๋นพูด
“โอเค!”
ผู้กำกับเดินออกไป
นักต้มตุ๋นมองเย่เทียนและลดเสียงลง “น้องชาย นายหมายความว่ายังไง? อยากได้เงินเพิ่มเหรอ?”
เย่เทียนวางมือบนไหล่นักต้มตุ๋นแล้วยิ้มอย่างสดใส “นายไม่คิดว่ามันน่าสนุกเหรอ? หลังถ่ายรายการเสร็จเราจะแบ่งเงิน 1 ล้านเท่าๆกัน”
นักต้มตุ๋นรู้ตัวแล้วว่าผู้ชายคนนี้อยากเข้าร่วมทีมต้มตุ๋นกับเขาด้วย
“แต่ฉันร้องเพลงไม่เป็น แถมไม่รู้ว่าต้องแสดงความเห็นยังไงด้วย”
“ไม่ต้องห่วง ให้ฉันจัดการเอง” เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายแน่ใจ?” นักต้มตุ๋นเลิกคิ้วขึ้น
“ขี้ขลาดเกินไปแล้ว นายจะพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ได้ไง”
นักต้มตุ๋นพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไงแล้วการทำเงินแค่ 200,000 แล้วจากไปเขาไม่เต็มใจจริงๆ เขาเจอเรื่องใหญ่แบบนี้ในชีวิตแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้มีคำถามที่สำคัญกว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตัวจริงมา?
“สบายใจได้”
เย่เทียนยิ้มและพูดว่า “เพราะเขาจะไม่มา”
“ทำไม” เมื่อพูดจบนักต้มตุ๋นก็นึกได้ทันที “บ้าเอ๊ย นายมันก็เหมือนกับฉัน จะมาปลอมตัวหลอกด้วยใช่ไหม? ส่วนอาจารย์ตัวจริงนั่น...” นักต้มตุ๋นทำท่าปาดคอ
“ฉันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แค่ย้ายเขาไปที่อื่น”
“นี่มันผู้เชี่ยวชาญนี่หว่า!” นักต้มตุ๋นยกนิ้วโป้งให้ “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มธุรกิจใหญ่กันเถอะ!”
ทั้งสองลงมาด้านล่าง
เวทีได้ถูกจีดเตรียมไว้แล้ว
ทีมงานรายการเตรียมเก้าอี้สองตัวสำหรับเย่เทียนและนักต้มตุ๋นให้นั่งใกล้กัน
คนที่นั่งด้านซ้ายของเย่เทียนเป็นชายวัยกลางคนมีใบหน้าคุ้นเคย เย่เทียนจำเขาได้หลังคิดเพียงเล็กน้อย หลี่ต้าไห่นักร้องระดับชาติ เป็นเทเนอร์มีชื่อเสียงบนงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
ซ้ายมือคือซ่งชิวหราน นักร้องชื่อดังและเป็นศิลปินเก่า
มีที่ว่างอีกที่หนึ่งแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร
“คุณเย่เทียน คุณเรียนจบมาจากที่ไหนเหรอ?” หลี่ต้าไห่ถามเย่เทียนอย่างเหล่มองเย่เทียน
เมื่อเย่เทียนกำลังจะคำตอบ นักต้มตุ๋นก็พูดขึ้น “เซิ่งอิน”
“โอ้? เซิ่งอิน? จบปีไหนล่ะ? ทำไมฉันไม่เคยเห็นคุณเลย” หลี่ต้าไห่ถามอย่างสงสัย
เย่เทียนกลอกตา ฉันล่ะอยากจะบีบคอนักต้มตุ๋นจริงๆ การหลอกของนายจะแย่กว่านี้ได้อีกไหม? ครอบครัวของหลี่ต้าไห่เป็นอาจารย์คณะดนตรีของเซิ่งอิน จะหลอกคนทั้งทีทำไมไม่ยอมหาข้อมูลมาก่อน?
นักต้มตุ๋นพูดอะไรไม่ออก เย่เทียนจึงตอบแทน “อาจารย์ของฉันจบมาจากมหาลัยนานาชาติเซิ่งอิน…”
“โอ้! ที่แท้เป็นมหาลัยนานาชาติเซิ่งอินนี่เอง!” หลี่ต้าไห่ก็พูดขึ้นทันทีว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อน ผู้กำกับบอกว่าคุณร้องเสียงแหลมE8ได้”
“E8 คืออะไร?” นักต้มตุ๋นกระซิบ
เย่เทียนตบข้อศอกของเขา “เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อาจารย์ของฉันร้องได้สบายๆ”
หลี่ต้าไห่หรี่ตาลง มุมปากของเขายกขึ้น “งั้นช่วยร้องให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
ซ่งชิวหราน “อย่าไปพูดให้เปลืองน้ำลายเลย ฉันไม่รู้จริงๆว่าผู้กำกับคิดอะไรอยู่ถึงได้ไปหยิบกะหล่ำปลีข้างทมางมาเก็บไว้ในห้องสมบัติ”
เป็นเรื่องปกติที่ซ่งชิวหรานและหลี่ต้าจะมีทัศนคติไม่ดีต่อเย่เทียน เพราะก่อนที่พวกเขาจะมาร่วมรายการนี้พวกเขาได้ข่าวว่ามีนักร้องชื่อดังอีกคน แต่ใครจะรู้ว่ากรรมการคนนั้นป่วยกะทันหันและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก่อนออกเดินทาง ทีมงานรายการขอให้พวกเขาแนะนำการเปลี่ยนที่ปรึกษา พวกเขาเอารายชื่อให้หลายชื่อแต่ผลที่ได้คืออ่อนเกินไปหรือไม่ก็มีปัญหามากเกินไป สุดท้ายแล้วตำแหน่งนี้ก็ตกเป็นของเย่เทียนซึ่งเป็นคนที่ไม่รู้จัก แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีความสุขที่ต้องเสียโอกาสสร้างชื่อเสียงของตัวเองไปเปล่าๆ
“สองคนนี้กหลังดูถูกพวกเราอยู่ พวกเขาต้องการอะไร…” นักต้มตุ๋นลดเสียงลง
เย่เทียนยิ้มน้อยๆและไม่ได้ใส่ใจ
สาเหตุที่วงการบันเทิงเละเทะเป็นเพราะว่าวงการนี้ค่อนข้างปิดแน่น คนระดับบนมีทรัพยากรและเส้นสาย จึงทำให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้ยาก
10 ปีที่แล้วมีนักร้องมีชื่อเสียงปรากฏการณ์ขึ้นในจีน เพลงที่เขาร้องโด่งดังไปทั่วประเทศแต่เมื่อเขาเข้ามาในวงการร้องเพลงเขาก็ถูกกีดกันออกไป ด้วยเหตุนี้จึงเกือบทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ถูกกีดกันก็มีแค่สองเหตุผล เหตุผลแรกเขาไม่ได้มาจากภูมิหลังทางวิชาชีพ เหตุผลที่สองเขาโตมาจากครอบครัวยากจน
ในสังคมปัจจุบันนี้เป็นเรื่องยากสำหรับครอบครัวยากจนที่จะให้บุตรกลายเป็นคนมีชื่อเสียง
“ขออภัยที่ให้ทุกท่านรอนาน พอดีว่าเครื่องบินล่าช้านิดหน่อย”
ในเวลานี้เองชายหนุ่มแต่งตัวมีสไตล์เดินเข้าด้วยรอยยิ้ม หลังจับมือกับศิลปินเก่าทั้งสองเมื่อเขาเห็นเย่เทียนเขาก็สับสนไปหมด “เอ๋ เย่…”
เย่เทียนหันไปมอง
“เย่เทียน!” นักต้มตุ๋นยืนขึ้นและจับมือกับชายหนุ่ม “ผมรู้จักคุณ เฟยเฉิง!”
เทพแห่งดนตรีเฟยเฉิง!
เย่เทียนจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเชิญเขามาสอนสาวๆร้องเพลง
แต่เย่เทียนไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมาเป็นที่ปรึกษาของรายการนี้ด้วย
โลกวงการบันเทิงช่างแคบจริงๆ