ตอนที่แล้วตอนที่ 7 การมาเยือนของกุยแก การต้อนรับด้วยเท้าเปล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 ศึกหม่าอี้และความประหลาดใจของเตียวเลี้ยว

ตอนที่ 8 ความคิดเห็นและการทดสอบจากกุยแก


ตอนที่ 8 ความคิดเห็นและการทดสอบจากกุยแก

“เชิญเข้ามาข้างในก่อน”

เฉิงชงเดินนำกุยแกเข้าไปยังห้องโถง

คนรับใช้ได้ทำการรินน้ำชาที่มีกลิ่นหอม

“ข้าทราบมาว่าพี่เฟิ้งเซียวมาจากเองฉวน และเคยร่ำเรียนวิชาที่สถาบันเองฉวนอันมีชื่อเสียงระดับโลก”

“ตอนนี้คงจะออกมาจากสถาบันแล้วใช่หรือไม่?”

เฉิงชงเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง

กุยแกหัวเราะ

“น้องชายกล่าวได้ถูกต้อง ครั้งนี้ข้าขึ้นเหนือมาก็เพื่อเปิดหูเปิดตาว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใด”

“แต่โชคของข้าไม่ค่อยดีนักที่ต้องประสบภัยจากพวกกบฏโพกผ้าเหลืองเข้า!”

“หากไม่ใช่เพราะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้องเฉิงที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ เช่นนั้นชีวิตข้าคงสิ้นไปแล้วด้วยน้ำมือพวกกบฏโพกผ้าเหลือง!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กุยแกได้ยืดตัวขึ้น

ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปล่ง

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กบฏโพกผ้าเหลืองนั้นมีคนมากมายและน่าหวาดกลัว ข้าอยากได้ยินว่าน้องเฉิงมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”

เฉิงชงหัวเราะเบา ๆ

เขาทราบว่านี่คือการทดสอบของกุยแก

กุยแกต้องการจะดูว่าเฉิงชงควรค่าแกการติดตามหรือไม่!

“ภัยจากพวกกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นดูหนักหนาก็จริง แต่ก็เป็นเพียงก้อนเมฆก้อนหนึ่งที่กำลังลอยผ่านไปเท่านั้น”

“ทางราชสำนักเริ่มสั่งให้แม่ทัพในแผ่นดินเกณฑ์ทหารกันแล้ว ไม่ช้านาน ภัยจากกบฏผ้าเหลืองก็คงถูกปราบได้สำเร็จ”

กุยแกนั่งฟังเงียบ ๆ

ข้อสรุปนี้ถูกต้อง

แม้จะเป็นเพียงการคาดคะเน แต่ก็ไม่ต่างจากเรื่องจริง

ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ปราชญ์ที่มีความรู้ย่อมเห็นข้อนี้ชัดเจน

“แต่...”

การสนทนาของเฉิงชงเปลี่ยนไป

“กบฏโพกผ้าเหลืองไม่สามรถทำลายราชวงศ์ฮั่นได้ แต่พวกเขาได้ทำให้อำนาจของราชวงศ์ฮั่นได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง”

“อำนาจของเหล่าขุนนางในที่ต่าง ๆ ได้แผ่ขยายออกไปจนกลายเป็นอสรพิษขนาดใหญ่”

“เวลานี้ฮ่องเต้ยังคงกุมอำนาจอยู่ เหล่าองค์ชายจากที่ต่าง ๆ จึงไม่กล้าแสดงความเย่อหยิ่ง แต่พระองค์ก็เป็นเพียงมนุษย์ วันใดที่พระองค์สิ้นพระชนม์ โลกนี้จึงจะเข้าสู่ความโกลาหลอย่างแท้จริง!”

ดวงตาของกุยแกเปล่งประกายจากความตกตะลึง

นี่มันเหมือนสิ่งที่เราเคยคิดไว้!

เมื่อราชวงศ์ฮั่นปล่อยกวางหลุดมือ ทั่วโลกจะไล่ล่ามันทันที!

“น้องเฉิง อำนาจของราชวงศ์ฮั่นกำลังเสื่อมถอย เจ้าต้องการจะเป็นอิอิ๋น หรือฮั่วกวาง?”

*อิอิ๋นและฮั่วกวางน่าจะเป็นบุคคลทางประวัติศาสตร์ของจีน หากอยากทราบประวัติให้พิมพ์ชื่อค้นหาได้ในกูเกิ้ลได้เลยนะครับ

กุยแกเอ่ยคำถามสุดท้าย

เขาอยากทราบว่าเฉิงชงจะมีบทบาทอย่างไรในโลกอันยุ่งเหยิงนี้

เป็นขุนนางที่ภักดี หรือเป็นขุนนางที่ทรงอำนาจ!

เฉิงชงหัวเราะดังลั่น จากนั้นเขาได้ลุกขึ้นยืนพร้อมเผยดวงตาอันเย็นเยียบ

“ข้าไม่ได้อยากเป็นอิอิ๋น หรือฮั่วกวาง แต่ข้าอยากจะเป็นฮั่นเกาจู่!”

*ฮั่นเกาจู่คือจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฮั่น

“เฟิ้งเซียว เมื่อท่านได้เดินทางไปทั่วแผ่นดินแล้วน่าจะตระหนักได้ดีว่าภายในวีรบุรุษนั้นเน่าเสีย พยัคฆ์และหมาป่าก็ถูกจองจำอยู่ในวัด อสรพิษและเหล่าแมลงก็จมอยู่ใต้โคลนตม ราชวงศ์ฮั่นเองก็ไร้ซึ่งหนทางเยียวยาแล้ว!”

“มันจะดีกว่าหากจุดไฟเผาโดยตรง เผาราชวงศ์เก่าให้พินาศ จากนั้นจึงค่อยสร้างยุคใหม่อันรุ่งเรืองขึ้น!”

คำพูดทุกคำราวกับฟ้าผ่า!

มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด!

หากผู้อื่นได้ยินคำพูดเช่นนี้จะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่นอน จากนั้นอาจจะถูกประณามจากทั่วแผ่นดิน!

เหตุผลที่เฉิงชงกล้าที่จะพูดเพราะเขารู้จักกุยแกดี

กุยแกไม่ใช่ซุนฮก เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและไม่ได้เคารพอำนาจของจักรพรรดิ

คำพูดเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้ทำให้กุยแกรังเกียจ มันยังสะท้อนถึงตัวตนของเขาด้วย!

“พูดได้ดี!”

กุยแกปรบมือพร้อมเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

เขาหัวเราะออกมาสุดเสียง

“คำตอบของน้องเฉิงถูกใจข้านัก ถือว่าข้าอ่านคนไม่ผิด!”

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เราได้เดินทางขึ้นเหนืออย่างยากลำบากเพื่อไปยังโยวโจว ปิ้งโจว และจี้โจว ไม่ใช่เพราะเราต้องการหานายที่คู่ควรหรอกหรือ?

เฉิงชงนั้นในแง่ของจิตใจ วิสัยทัศน์ ความทะเยอทะยาน และความสามารถล้วนถูกตาเราที่สุด!

ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกว่าได้พบนายที่แท้จริงก็ปรากฏขึ้นมาในใจของเขา

ยังจะลังเลสิ่งใดอยู่อีก?

นี่คือจุดหมายปลายทางของเราแล้ว!

ทันใดนั้น กุยแกได้คำนับเฉิงชงอย่างไม่มีความลังเลใจ

“หากไม่คิดจะทอดทิ้งข้าคนนี้ เช่นนั้นข้าจะขอติดตามท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่!”

“การได้ใช้กลยุทธ์ร่วมกับท่าน พวกเราย่อมสามารถพิชิตใต้หล้านี้ได้!”

เฉิงชงเผยรอยยิ้ม

จากนั้นได้เข้าไปสวมกอดเพื่อพยุงกุยแกขึ้น

“เฟิ้งเซียว!”

“นายท่าน!”

ทั้งสองมองหน้ากันพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน

“เฟิ้งเซียว ยามนี้ข้ายังไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ดังนั้นคงจะมอบตำแหน่งใดให้ไม่ได้”

“ข้าต้องขอติดค้างท่านไว้ก่อน”

เฉิงชงกล่าวเบา ๆ

กุยแกโบกมือโดยไม่สนใจ

เขาไม่ได้มองหาชื่อเสียงลาภยศ

เขาเกิดในตระกูลขุนนางแห่งเองฉวน หากต้องการตำแหน่ง เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“นายท่าน ท่านเอาชนะใจชาวบ้านได้โดยการปราบกบฏโพกผ้าเหลือง และสามารถปกป้องอำเภอจงหลิงไว้ได้!”

“รายงานเรื่องนี้จะถูกส่งไปยังราชสำนักภายในไม่กี่วันนี้ ฝ่าบาทย่อมประทานรางวัลให้วีรบุรุษที่กล้าลุกขึ้นสู้กับกบฏโพกผ้าเหลือง ด้วยความดีความชอบของนายท่าน มันคงไม่มีปัญหาที่จะเป็นนายอำเภอของจงหลิง และอำเภอจงหลิงนี้จะเป็นที่มั่นแรกของนายท่าน”

“การเดินทางแรกคือทำให้อำเภอจงหลิงเป็นฐานที่มั่นที่อุดมสมบูรณ์ก่อน บริหารให้ดี และค่อย ๆ ขยายดินแดนให้ทั่วเขตเยี่ยนเหมิน!”

“จากนั้นจึงเข้ายึดปิ้งโจวต่อไป จงมองดูโลกนี้ให้เหมือนกับพยัคฆ์ ตราบใดที่มีการเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฮั่น พวกเราย่อมมีโอกาสเข้าตะครุบ!”

ตอนนี้เขาตัดสินใจร่วมมือกับเฉิงชงแล้ว กุยแกจึงไม่ปิดบังสิ่งใดอีก

เขาเริ่มจากเอ่ยถึงทัศนคติของเฉิงชงและเริ่มวางแผน

เฉิงชงพยักหน้า

กุยแกเป็นกุนซืออันต้น ๆ อย่างแท้จริง

ความคิดของเขาชัดเจนมาก

แม้ว่าจะทุ่มเทให้กับอำเภอเล็ก ๆ แต่สายตาของเขาก็ยังจับจ้องแคว้นใหญ่ทั้งสิบสี่แห่งของราชวงศ์ฮั่น

“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”

“อำเภอหม่าอี้เองก็ถูกคุกคามโดยกบฏโพกผ้าเหลือง ข้าจะนำทหารสองร้อยนายไปสนับสนุน”

“มันจะเริ่มวันพรุ่งนี้!”

กุยแกอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินการตัดสินใจอันแน่วแน่นี้

แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดแต่อย่างใด

วันนี้เขาได้เห็นพลังจากค่ายกลลึกลับของเฉิงชงด้วยตาตัวเอง

กองกำลังสองร้อยคนภายใต้ค่ายกลนั้น พละกำลังก็ทัดเทียมได้กับสองพันคน!

การจะต่อกรกับกบฏโพกผ้าเหลืองย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!

“เมื่อนายท่านตัดสินใจแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด”

“พวกกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจชาวบ้าน การปราบพวกมันย่อมเป็นหนทางดีที่จะชนะใจชาวบ้าน”

“หม่าอี้และจงหลิงอยู่ไม่ห่างจากกันนัก ข้าสนับสนุนการตัดสินใจของนายท่านอย่างเต็มที่”

เฉิงชงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในขณะที่ข้าไม่อยู่ ข้าคงต้องมอบหมายกิจการบ้านเมืองให้เฟิ้งเซียวดูแลแล้ว”

“ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง นายท่านไม่ต้องกังวล”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด