ตอนที่ 8 ความคิดเห็นและการทดสอบจากกุยแก
ตอนที่ 8 ความคิดเห็นและการทดสอบจากกุยแก
“เชิญเข้ามาข้างในก่อน”
เฉิงชงเดินนำกุยแกเข้าไปยังห้องโถง
คนรับใช้ได้ทำการรินน้ำชาที่มีกลิ่นหอม
“ข้าทราบมาว่าพี่เฟิ้งเซียวมาจากเองฉวน และเคยร่ำเรียนวิชาที่สถาบันเองฉวนอันมีชื่อเสียงระดับโลก”
“ตอนนี้คงจะออกมาจากสถาบันแล้วใช่หรือไม่?”
เฉิงชงเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง
กุยแกหัวเราะ
“น้องชายกล่าวได้ถูกต้อง ครั้งนี้ข้าขึ้นเหนือมาก็เพื่อเปิดหูเปิดตาว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใด”
“แต่โชคของข้าไม่ค่อยดีนักที่ต้องประสบภัยจากพวกกบฏโพกผ้าเหลืองเข้า!”
“หากไม่ใช่เพราะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้องเฉิงที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ เช่นนั้นชีวิตข้าคงสิ้นไปแล้วด้วยน้ำมือพวกกบฏโพกผ้าเหลือง!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กุยแกได้ยืดตัวขึ้น
ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปล่ง
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กบฏโพกผ้าเหลืองนั้นมีคนมากมายและน่าหวาดกลัว ข้าอยากได้ยินว่าน้องเฉิงมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
เฉิงชงหัวเราะเบา ๆ
เขาทราบว่านี่คือการทดสอบของกุยแก
กุยแกต้องการจะดูว่าเฉิงชงควรค่าแกการติดตามหรือไม่!
“ภัยจากพวกกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นดูหนักหนาก็จริง แต่ก็เป็นเพียงก้อนเมฆก้อนหนึ่งที่กำลังลอยผ่านไปเท่านั้น”
“ทางราชสำนักเริ่มสั่งให้แม่ทัพในแผ่นดินเกณฑ์ทหารกันแล้ว ไม่ช้านาน ภัยจากกบฏผ้าเหลืองก็คงถูกปราบได้สำเร็จ”
กุยแกนั่งฟังเงียบ ๆ
ข้อสรุปนี้ถูกต้อง
แม้จะเป็นเพียงการคาดคะเน แต่ก็ไม่ต่างจากเรื่องจริง
ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ปราชญ์ที่มีความรู้ย่อมเห็นข้อนี้ชัดเจน
“แต่...”
การสนทนาของเฉิงชงเปลี่ยนไป
“กบฏโพกผ้าเหลืองไม่สามรถทำลายราชวงศ์ฮั่นได้ แต่พวกเขาได้ทำให้อำนาจของราชวงศ์ฮั่นได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง”
“อำนาจของเหล่าขุนนางในที่ต่าง ๆ ได้แผ่ขยายออกไปจนกลายเป็นอสรพิษขนาดใหญ่”
“เวลานี้ฮ่องเต้ยังคงกุมอำนาจอยู่ เหล่าองค์ชายจากที่ต่าง ๆ จึงไม่กล้าแสดงความเย่อหยิ่ง แต่พระองค์ก็เป็นเพียงมนุษย์ วันใดที่พระองค์สิ้นพระชนม์ โลกนี้จึงจะเข้าสู่ความโกลาหลอย่างแท้จริง!”
ดวงตาของกุยแกเปล่งประกายจากความตกตะลึง
นี่มันเหมือนสิ่งที่เราเคยคิดไว้!
เมื่อราชวงศ์ฮั่นปล่อยกวางหลุดมือ ทั่วโลกจะไล่ล่ามันทันที!
“น้องเฉิง อำนาจของราชวงศ์ฮั่นกำลังเสื่อมถอย เจ้าต้องการจะเป็นอิอิ๋น หรือฮั่วกวาง?”
*อิอิ๋นและฮั่วกวางน่าจะเป็นบุคคลทางประวัติศาสตร์ของจีน หากอยากทราบประวัติให้พิมพ์ชื่อค้นหาได้ในกูเกิ้ลได้เลยนะครับ
กุยแกเอ่ยคำถามสุดท้าย
เขาอยากทราบว่าเฉิงชงจะมีบทบาทอย่างไรในโลกอันยุ่งเหยิงนี้
เป็นขุนนางที่ภักดี หรือเป็นขุนนางที่ทรงอำนาจ!
เฉิงชงหัวเราะดังลั่น จากนั้นเขาได้ลุกขึ้นยืนพร้อมเผยดวงตาอันเย็นเยียบ
“ข้าไม่ได้อยากเป็นอิอิ๋น หรือฮั่วกวาง แต่ข้าอยากจะเป็นฮั่นเกาจู่!”
*ฮั่นเกาจู่คือจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฮั่น
“เฟิ้งเซียว เมื่อท่านได้เดินทางไปทั่วแผ่นดินแล้วน่าจะตระหนักได้ดีว่าภายในวีรบุรุษนั้นเน่าเสีย พยัคฆ์และหมาป่าก็ถูกจองจำอยู่ในวัด อสรพิษและเหล่าแมลงก็จมอยู่ใต้โคลนตม ราชวงศ์ฮั่นเองก็ไร้ซึ่งหนทางเยียวยาแล้ว!”
“มันจะดีกว่าหากจุดไฟเผาโดยตรง เผาราชวงศ์เก่าให้พินาศ จากนั้นจึงค่อยสร้างยุคใหม่อันรุ่งเรืองขึ้น!”
คำพูดทุกคำราวกับฟ้าผ่า!
มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด!
หากผู้อื่นได้ยินคำพูดเช่นนี้จะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่นอน จากนั้นอาจจะถูกประณามจากทั่วแผ่นดิน!
เหตุผลที่เฉิงชงกล้าที่จะพูดเพราะเขารู้จักกุยแกดี
กุยแกไม่ใช่ซุนฮก เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและไม่ได้เคารพอำนาจของจักรพรรดิ
คำพูดเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้ทำให้กุยแกรังเกียจ มันยังสะท้อนถึงตัวตนของเขาด้วย!
“พูดได้ดี!”
กุยแกปรบมือพร้อมเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
เขาหัวเราะออกมาสุดเสียง
“คำตอบของน้องเฉิงถูกใจข้านัก ถือว่าข้าอ่านคนไม่ผิด!”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เราได้เดินทางขึ้นเหนืออย่างยากลำบากเพื่อไปยังโยวโจว ปิ้งโจว และจี้โจว ไม่ใช่เพราะเราต้องการหานายที่คู่ควรหรอกหรือ?
เฉิงชงนั้นในแง่ของจิตใจ วิสัยทัศน์ ความทะเยอทะยาน และความสามารถล้วนถูกตาเราที่สุด!
ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกว่าได้พบนายที่แท้จริงก็ปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
ยังจะลังเลสิ่งใดอยู่อีก?
นี่คือจุดหมายปลายทางของเราแล้ว!
ทันใดนั้น กุยแกได้คำนับเฉิงชงอย่างไม่มีความลังเลใจ
“หากไม่คิดจะทอดทิ้งข้าคนนี้ เช่นนั้นข้าจะขอติดตามท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่!”
“การได้ใช้กลยุทธ์ร่วมกับท่าน พวกเราย่อมสามารถพิชิตใต้หล้านี้ได้!”
เฉิงชงเผยรอยยิ้ม
จากนั้นได้เข้าไปสวมกอดเพื่อพยุงกุยแกขึ้น
“เฟิ้งเซียว!”
“นายท่าน!”
ทั้งสองมองหน้ากันพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“เฟิ้งเซียว ยามนี้ข้ายังไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ดังนั้นคงจะมอบตำแหน่งใดให้ไม่ได้”
“ข้าต้องขอติดค้างท่านไว้ก่อน”
เฉิงชงกล่าวเบา ๆ
กุยแกโบกมือโดยไม่สนใจ
เขาไม่ได้มองหาชื่อเสียงลาภยศ
เขาเกิดในตระกูลขุนนางแห่งเองฉวน หากต้องการตำแหน่ง เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“นายท่าน ท่านเอาชนะใจชาวบ้านได้โดยการปราบกบฏโพกผ้าเหลือง และสามารถปกป้องอำเภอจงหลิงไว้ได้!”
“รายงานเรื่องนี้จะถูกส่งไปยังราชสำนักภายในไม่กี่วันนี้ ฝ่าบาทย่อมประทานรางวัลให้วีรบุรุษที่กล้าลุกขึ้นสู้กับกบฏโพกผ้าเหลือง ด้วยความดีความชอบของนายท่าน มันคงไม่มีปัญหาที่จะเป็นนายอำเภอของจงหลิง และอำเภอจงหลิงนี้จะเป็นที่มั่นแรกของนายท่าน”
“การเดินทางแรกคือทำให้อำเภอจงหลิงเป็นฐานที่มั่นที่อุดมสมบูรณ์ก่อน บริหารให้ดี และค่อย ๆ ขยายดินแดนให้ทั่วเขตเยี่ยนเหมิน!”
“จากนั้นจึงเข้ายึดปิ้งโจวต่อไป จงมองดูโลกนี้ให้เหมือนกับพยัคฆ์ ตราบใดที่มีการเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ฮั่น พวกเราย่อมมีโอกาสเข้าตะครุบ!”
ตอนนี้เขาตัดสินใจร่วมมือกับเฉิงชงแล้ว กุยแกจึงไม่ปิดบังสิ่งใดอีก
เขาเริ่มจากเอ่ยถึงทัศนคติของเฉิงชงและเริ่มวางแผน
เฉิงชงพยักหน้า
กุยแกเป็นกุนซืออันต้น ๆ อย่างแท้จริง
ความคิดของเขาชัดเจนมาก
แม้ว่าจะทุ่มเทให้กับอำเภอเล็ก ๆ แต่สายตาของเขาก็ยังจับจ้องแคว้นใหญ่ทั้งสิบสี่แห่งของราชวงศ์ฮั่น
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”
“อำเภอหม่าอี้เองก็ถูกคุกคามโดยกบฏโพกผ้าเหลือง ข้าจะนำทหารสองร้อยนายไปสนับสนุน”
“มันจะเริ่มวันพรุ่งนี้!”
กุยแกอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินการตัดสินใจอันแน่วแน่นี้
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดแต่อย่างใด
วันนี้เขาได้เห็นพลังจากค่ายกลลึกลับของเฉิงชงด้วยตาตัวเอง
กองกำลังสองร้อยคนภายใต้ค่ายกลนั้น พละกำลังก็ทัดเทียมได้กับสองพันคน!
การจะต่อกรกับกบฏโพกผ้าเหลืองย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!
“เมื่อนายท่านตัดสินใจแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด”
“พวกกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจชาวบ้าน การปราบพวกมันย่อมเป็นหนทางดีที่จะชนะใจชาวบ้าน”
“หม่าอี้และจงหลิงอยู่ไม่ห่างจากกันนัก ข้าสนับสนุนการตัดสินใจของนายท่านอย่างเต็มที่”
เฉิงชงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในขณะที่ข้าไม่อยู่ ข้าคงต้องมอบหมายกิจการบ้านเมืองให้เฟิ้งเซียวดูแลแล้ว”
“ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง นายท่านไม่ต้องกังวล”