ตอนที่ 7 การมาเยือนของกุยแก การต้อนรับด้วยเท้าเปล่า
ตอนที่ 7 การมาเยือนของกุยแก การต้อนรับด้วยเท้าเปล่า
ที่ว่าการอำเภอจงหลิง
นายอำเภอแห่งนี้ได้หอบข้าวของหนีเอาตัวรอดไปแล้ว ในเขตสำนักงานจึงว่างเปล่า
ในฐานะผู้นำคนใหม่ของอำเภอจงหลิง เฉิงชงจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
เจี้ยงเฟิงเข้ามารายงาน
“ตามคำสั่งจัดการของนายท่าน กลุ่มเชลยโพกผ้าเหลืองได้รับการตั้งถิ่นฐานใหม่แล้ว”
“กลุ่มที่ต้องการทำสวนได้ถูกแยกออกไปยังพื้นที่รกร้าง”
“ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกองทัพได้รับการจัดลำดับอย่างละเอียด ซึ่งมีทั้งหมดประมาณหนึ่งพันเจ็ดร้อยคน!”
“นอกจากนี้หากรวมกับพี่น้องเดิมของพวกเรา ทหารภายใต้การบัญชาของนายท่านจะมีถึงสองพันคน!”
“อย่างไรก็ตามยังคงมีช่องว่างทางทรัพยากรอย่างเช่นอาวุธ และชุดเกราะ”
เฉิงชงพยักหน้า
เขาพึงพอใจกับผลลัพธ์อย่างมาก
“เจ้าทำได้ดี”
“ข้าจะหาวิธีเกี่ยวกับอาวุธและยุทโธปกรณ์เอง”
“อย่างไรก็ตาม พวกกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นเป็นภัยต่อชาวบ้านอย่างแท้จริง มันยังมีกบฏโพกผ้าเหลืองอื่น ๆ อยู่ใกล้แถบนี้อีกหรือไม่?”
เจี้ยงเฟิงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ
“ตามที่ลูกน้องของข้าทราบมา ยังคงมีกบฏโพกผ้าเหลืองอาละวาดอยู่”
“นอกจากกองทัพห้าพันคนที่โจมตีพวกเราแล้ว ยังมีกองทหารอีกเกือบหนึ่งหมื่นเข้าโจมตีอำเภอเมืองหม่าอี้ที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยหกสิบลี้!”
*อำเภอเมืองหม่าอี้น่าจะเป็นอำเภอหลักในเขตนี้ เพื่อไม่ให้อ่านเยอะขัดตา ผมจะพิมเป็นอำเภอหม่าอี้แทนนะครับ
“การป้องกันของอำเภอหม่าอี้นั้นคล้ายกับจงหลิงของพวกเรา ที่นั่นมีทหารรักษาการณ์เพียงห้าร้อยนาย และสถานการณ์ยามนี้อันตรายอย่างมาก!”
ทหารรักษาการณ์ห้าร้อยนายย่อมไม่มีโอกาสต้านทานกองกำลังนับหมื่นของโจรโพกผ้าเหลืองได้
เพราะไม่ใช่ทุกแห่งจะมีอัจฉริยะอย่างเฉิงชงปรากฏตัว!
“อำเภอหม่าอี้?”
เฉิงชงพยักหน้าเบา ๆ
แววตาของเขาแข็งกร้าวเล็กน้อย
“เจ้าไปเตรียมการกับพี่น้องสามร้อยคนของพวกเรา ทิ้งหนึ่งร้อยคนไว้รักษาการณ์ที่เมืองนี้!”
“นอกจากนั้นให้ส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับค่ายกลไปยังทหารที่เข้าร่วมทัพใหม่ พวกเขาจะต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุด”
“สำหรับพี่น้องอีกสองร้อยคนที่เหลือ พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังอำเภอหม่าอี้พรุ่งนี้!”
เจี้ยงเฟิงตกใจเมื่อได้ยิน
“นายท่านกำลังหมายความว่าจะไปช่วยอำเภอหม่าอี้ใช่หรือไม่?”
“แต่แค่สองร้อยคนจะไม่น้อยไป...”
เฉิงชงเหลือบมองไปที่เขา
“มีค่ายกลแล้วยังน้อยอีกหรือ?”
เจี้ยงเฟิงสะดุ้งพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ถูกต้อง
ทหารนั้นมีค่ากว่าพรสวรรค์
ด้วยพลังของค่ายกล พวกเขาก็คือกองทหารชั้นยอด
ทั้งสองร้อยคนนั้นสามารถสู้ได้เหมือนสิบต่อหนึ่ง!
มันอาจจะทำลายการรุกรานของกบฏโพกผ้าเหลืองได้หากร่วมมือกับกองทหารรักษาการณ์ของอำเภอหม่าอี้!
“ตกลง! ข้าจะรีบเตรียมการให้เดี๋ยวนี้!”
เจี้ยงเฟิงกล่าวตอบและรีบจากไป
เฉิงชงมองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือสงคราม!
มีเพียงสงครามเท่านั้นที่จะเพิ่มแต้มสงครามได้
กองทัพของกบฏโพกผ้าเหลืองไม่ได้แข็งแกร่งนัก มันจึงเป็นเป้าหมายที่ดีในการล่าแต้มสงคราม
อีกอย่างหากจำไม่ผิด
ในประวัติศาสตร์สามก๊ก แม่ทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างเตียวเลี้ยวได้เกิดที่อำเภอหม่าอี้
ณ ตอนนี้ เตียวเลี้ยวน่าจะยังคงอยู่ในอำเภอหม่าอี้
เขาเป็นคนซื่อตรงและรักบ้านเกิดเป็นอย่างมาก
การส่งทหารไปช่วยอำเภอหม่าอี้ มันจะทำให้เตียวเลี้ยวโปรดปรานเฉิงชงเพิ่มขึ้นแน่นอน
บางทีเตียวเลี้ยวอาจจะยอมมารับใช้โดยตรง!
นั่นคือแม่ทัพที่มีฝีมือร้ายกาจ และจะมีบทบาทอย่างมากในอนาคตของยุคสามก๊ก!
ขณะกำลังนึกถึงเรื่องนี้ ได้มีผู้ติดตามเดินเข้ามารายงาน
“นายท่าน!”
“มีปราชญ์คนหนึ่งขอเข้าพบ!”
เฉิงชงขมวดคิ้ว
วันนี้เขาพบปราชญ์มามากกว่าสิบคน
พวกเขาทั้งหมดล้วนชอบเยินยอและเอาแต่ยกย่องเฉิงชง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นบ่อยครั้งเข้า หูของเขาถึงกับชา
เขาโบกมือพร้อมกล่าวเบา ๆ
“วันนี้ข้าเหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน ทิ้งข้อมูลเอาไว้แล้วบอกให้เขากลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาใหม่!”
ผู้ติดตามพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นได้วางข้อมูลของปราชญ์คนดังกล่าวไว้บนโต๊ะและจากไป
เฉิงชงเงยหน้าขึ้นและเหลือบไปมอง ทันใดนั้นดวงตาของเขาถึงกับเบิกกว้าง
“ชาวเมืองเองฉวน กุยแกฉายากุยเฟิ้งเซียวขอเข้าพบ”
กุยแก กุยเฟิ้งเซียว?
เป็นเขาจริงหรือ?
นี่คือยอดกุนซืออันดับต้น ๆ ในยุคสามก๊ก!
ในฐานะที่ปรึกษาทางการทหารของโจโฉ เขาคือผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้โจโฉเป็นใหญ่ได้!
เหตุใดบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ถึงมายังจงหลิง?
เฉิงชงไม่มีเวลานึกถึงเรื่องนี้ เขารีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปโดยไม่ทันแม้แต่จะสวมรองเท้า
ใครจะทราบว่าแท้จริงกุยแกเป็นคนนิสัยสันโดษและหัวสูง
มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่เขายอมเข้าพบด้วยตนเอง
การส่งจดหมายขอเข้าพบเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
เมื่อมาถึงประตูเองเช่นนี้ จะให้เฉิงชงพลาดได้อย่างไร?
ณ ประตูที่ว่าการอำเภอ
เฉิงชงเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
กุยแกกำลังยืนรออยู่หน้าประตู
เมื่อเฉิงชงเห็นกุยแก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นี่คืออาลักษณ์ชุดขาวที่เราพบเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่หรือ?
ดูเหมือนว่ากุยแกคนนี้จะสังเกตดูเรามาหลายวันแล้ว
ที่ผ่านมาก็คงแอบสังเกตการณ์เราอยู่ในความมืดสินะ
มาดูกันว่าเฉิงชงผู้นี้จะเป็นวีรบุรุษที่เขาอยากติดตามหรือไม่!
“พี่เฟิ้งเซียว(ชื่อรอง/ชื่อเล่น) คงรอนานแล้ว!”
เฉิงชงยกมือทั้งสองข้างขึ้นประกบกันเพื่อเป็นการทักทาย
กุยแกยิ้มตอบ
เมื่อเห็นเท้าเปล่าของเฉิงชง เขาจึงได้เผยแววตาประหลาดใจ
“น้องชาย รองเท้าของเจ้าอยู่ที่ใดแล้ว?”
เฉิงชงหัวเราะเช่นกัน
“เมื่อได้ยินว่าพี่เฟิ้งเซียวมาถึงประตูด้วยตัวเอง ข้าจะสวมรองเท้าได้อย่างไร?”
ร่างกายของกุยแกกระตุกเล็กน้อย ภายในดวงตาของเขารู้สึกได้ถึงบางอย่าง
เขาเห็นว่าความตื่นเต้นของเฉิงชงนั้นดูจริงใจอย่างมาก และมั่นใจว่ามันไม่ใช่การแสดงโดยเจตนา
มาทักทายด้วยเท้าเปล่า
น่านับถือนัก
มันจะต้องเป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมแน่นอน!