ตอนที่ 10 ภายในควรร่วมมือกับภายนอก
ตอนที่ 10 ภายในควรร่วมมือกับภายนอก
กองทัพของกบฏโพกผ้าเหลืองทำการโจมตี
ทหารติดอาวุธจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นลงราวกับคลื่นทะเล
ค่ายกลเกล็ดปลาของทหารจงหลิงราวกับเกาะโดดเดี่ยวที่ไม่ยอมจม
แม้ว่าจะถูกกระแสน้ำซัดเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงยืนนิ่งราวกับภูผา!
กองทัพของกบฏโพกผ้าเหลืองไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้อย่างแท้จริง
ฝ่ายพวกเขากลับถูกฟันตายไปทีละคน
ภายใต้การบัญชาของเฉิงชง ทหารจงหลิงเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งการรุกและการรับ
หลังจากต่อสู้ไปหนึ่งรอบ ทหารที่อยู่ด้านหน้าจะผลัดให้ทหารที่อยู่ด้านหลังเข้ามาแทน
สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะรักษาความแข็งแกร่งของร่างกายได้ตลอดเวลา และไม่เสียชีวิตจากความเหนื่อยล้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
“แค่สองร้อยคนเองไม่ใช่หรือ? ไอ้พวกบัดซบ!”
ชิวฉ่วยโกรธอย่างมาก
ในความคิดของเขา คนสองร้อยคนนี้แทบไม่มีสิ่งใดต้องกลัวเลย
เพียงแค่ปรับการโจมตีเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย
หลังจากจัดการกำลังเสริมเหล่านี้เสร็จจึงค่อยเริ่มโจมตีหม่าอี้อีกครั้ง และเข้ายึดเมืองให้ได้ในคราวเดียว
อะไรจะง่ายดายปานนั้น!
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ากองทหารสองร้อยคนจะรับมือยากเช่นนี้!
มันไม่สามารถพิชิตได้เลย!
ที่ด้านบนสุดของเมือง เตียวเลี้ยวได้มองลงมาด้วยความประหลาดใจ
นี่คือพลังของทหารชั้นยอดอย่างแท้จริง!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงกล้าบุกทะลวงเข้ามา!
แม้จะมองจากระยะไกล แต่ก็ทำให้เลือดลมของเตียวเลี้ยวเดือดพล่าน
เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะออกไปสู้รบร่วมกับเหล่าทหารชั้นยอด!
“นายอำเภอ ได้โปรดเปิดประตูด้วย!”
“พวกเราต้องรีบส่งคนลงไปช่วยปราบพวกกบฏผ้าเหลือง!”
เตียวเลี้ยวหันไปตะโกนเสียงดัง
“ไม่!”
นายอำเภอเมืองหม่าอี้ปฏิเสธอย่างหนักแน่น
เขาตัวสั่นเทาขณะมองลงไปยังด้านล่างที่อัดแน่นไปด้วยฝูงคน
“เปิดประตูเมืองไม่ได้เด็ดขาด จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกกบฏโพกผ้าเหลืองพุ่งเข้ามา?”
“เตียวเลี้ยว ข้าทราบดีว่าเจ้าอยากจะสร้างความดีความชอบ แต่พวกเราจะเอาความปลอดภัยของหม่าอี้มาเสี่ยงไม่ได้!”
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
ดวงตาของเตียวเลี้ยวเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกพร้อมตะคอกกลับด้วยความโกรธ
“ไอ้โง่!”
นายอำเภอเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แกกล้าด่าข้างั้นหรือ?”
เตียวเลี้ยวยกมือขึ้น จากนั้นได้คว้านายอำเภอโยนลงกำแพงเมืองไป
สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤต โอกาสในสนามรบนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
เขาไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับนายอำเภอ
จากนั้นเขาได้หันกลับไปมองทหารคนอื่น ๆ พร้อมกล่าวเสียงดัง
“พี่น้องทั้งหลาย มีกำลังเสริมมาช่วยอยู่ที่ใต้เมือง หากข้ามองดูพวกเขาต่อสู้เพียงลำพัง เช่นนั้นคงจะไม่ยุติธรรม!”
“หากกำลังเสริมแพ้ พวกกบฏโพกผ้าเหลืองย่อมบุกเข้ามาแน่นอน และหม่าอี้จะตกเป็นเป้าหมายเดียวของพวกมัน ทุกคนโปรดเข้าใจความเป็นความตายหากไม่เคลื่อนไหวตอนนี้!”
“หากมัวแต่มองดูพวกเขาต่อสู้อย่างไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ยังจะเรียกตัวเองว่าชายชาตรีได้อีกงั้นหรือ!”
ขณะกล่าว เตียวเลี้ยวได้ยกทวนขึ้น เลือดสดสีแดงของศัตรูที่ยังไม่แห้งได้ไหลลงสู่พื้นดิน
“วันนี้ข้า เตียวเลี้ยวจะขอออกจากเมืองเพื่อไปรบ ถึงแม้ข้าจะตายก็ไม่เสียใจ!”
“ออกไปดื่มด่ำโลหิตพวกมันพร้อมกับข้า!”
“สังหารพวกกบฏโพกผ้าเหลือง ปกป้องหม่าอี้!”
เสียงของเขาราวกับเสียงระฆังที่ก้องกังวาลไปทั่วกำแพงเมือง
ทหารของหม่าอี้ต่างเผยแววตาแน่วแน่อีกครั้ง
พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะออกจากเมืองไปสู้รบข้างกายเตียวเลี้ยว!
การป้องกันของเมืองเวลานี้ย่ำแย่อย่างมาก
หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาหลายวัน มันได้รับความเสียหายมากยิ่งขึ้น
พวกเขาเหลือทหารเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้น
แต่ทหารหนึ่งร้อยคนล้วนเป็นทหารม้าทั้งหมด
ในสนามรบมันมีผลอย่างมาก
ภูมิประเทศของหม่าอี้นั้นเหมาะที่จะใช้ความได้เปรียบนี้อย่างยิ่ง!
เตียวเลี้ยวควบม้าที่มีขนสีเหลืองอร่ามวิ่งออกไปอย่างห้าวหาญ!
จากนั้นจึงตามมาด้วยทหารม้าอีกร้อยคน
เกือกม้าทำให้เกิดฝุ่นควันฟุ้งกระจาย
เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของชิวฉ่วยถึงกับเปลี่ยนสี
นี่คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด
กองทหารราบสองร้อยคนด้านหลังยังไม่ได้ถูกปราบปราม
เวลานี้กลับมีทหารม้ามาจากด้านหลังมาเพิ่มอีกหนึ่งร้อย!
“ตั้งรับ ตั้งรับ! จับพวกมันให้ได้!”
“เราต้องไม่ปล่อยให้พวกมันทำเสียกระบวน!”
แม่ทัพกบฏโพกผ้าเหลืองคำรามอย่างบ้าคลั่ง
สิ่งที่ต้องห้ามมากที่สุดระหว่างสงครามคือการเปลี่ยนแปลงรูปกระบวนทัพอย่างต่อเนื่อง
ช่วงลมหายใจก่อนสั่งให้พวกเขาโจมตี ช่วงลมหายใจต่อมาให้พวกเขาเข้าล้อมทหารจงหลิง และตอนนี้ยังให้ตั้งรับทหารม้าของหม่าอี้?
เหล่าทหารโพกผ้าเหลืองต่างพากันเลือดขึ้นหน้า!
ภายใต้ระเบียบที่วุ่นวายนี้ มันทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาลดลงทุกขณะ!
กระบวนทัพที่กำลังจะเริ่มจัดใหม่ถูกทำลายโดยเตียวเลี้ยวทันที!
“ใครขวางข้าตาย!”
เสียงคำรามของเตียวเลี้ยวทรงพลังอย่างมากขณะเหวี่ยงทวนไปมาราวกับการร่ายรำ
เขาสังหารทหารโพกผ้าเหลืองตรงหน้าอย่างดุเดือดเพื่อเปิดเส้นทาง
และมุ่งหน้าไปยังชิวฉ่วย
ชิวฉ่วยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
เขาพยายามยกดาบในมือขึ้นมาปัดป้อง
แต่การปัดป้องนี้ดูไร้สาระอย่างมากต่อหน้าเตียวเลี้ยว!
ทวนเหล็กของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้าขณะพุ่งทะลุช่องว่าง
มันแทงไปยังร่างของชิวฉ่วยทันที!
ร่างอันไร้วิญญาณถูกชูขึ้นด้วยทวนเหล็ก
“ชิวฉ่วยสิ้นแล้ว! พวกเจ้ายังกล้าต่อต้านอีกงั้นหรือ?”
เสียงของเตียวเลี้ยวดังไปทั่วสนามรบ!
กองทัพของกบฏโพกผ้าเหลืองเข่าอ่อนขึ้นมาโดยพลัน จากนั้นก็เริ่มหลบหนีกันอย่างบ้าคลั่ง
ในสงครามครั้งนี้ แม้ว่าพวกกบฏโพกผ้าเหลืองจะมีข้อได้เปรียบเรื่องจำนวน แต่ก็ยังพ่ายแพ้ยับเยิน!
กองทัพพวกเขาได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่!
*ชิวฉ่วยคือยศชนชั้นปกครองของกองทัพซึ่งไม่ใช่ชื่อนะครับ