ตอนที่ 1 กบฏโพกผ้าเหลือง
ตอนที่ 1 กบฏโพกผ้าเหลือง
ในปี 184
เดือนกุมภาพันธ์ของปีแรกแห่งศักราชจงผิง
แคว้นปิ้งโจว เขตเยี่ยนเหมิน อำเภอจงหลิง
ขณะนี้กำลังเกิดความระส่ำระสาย
“รีบนำของมีค่าไปซ่อนเร็ว พวกกบฏโพกผ้าเหลืองกำลังมาทางนี้!”
“ข้าได้ยินมาว่าพวกกบฏโพกผ้าเหลืองเป็นกลุ่มคนที่เลวทรามยิ่งนัก พวกมันทั้งเผาและปล้นสะดมตลอดเส้นทางที่ผ่าน มันสร้างความเสียหายให้หมู่บ้านและอำเภอต่าง ๆ มานับไม่ถ้วนแล้ว!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพใหญ่ของกบฏโพกผ้าเหลืองมีนามว่าเตียวก๊ก เขาเป็นผู้ทรงภูมิที่แตกฉานคาถาอาคม แม้แต่ราชสำนักและทหารจากเมืองหลวงยังตกที่นั่งลำบาก”
“ท่านพี่ ข้าว่าเขาคงไม่หยุดแค่เพียงเท่านี้แน่!”
บนท้องถนน ผู้คนต่างพากันวิ่งออกมาอย่างตื่นตระหนกพร้อมตะโกนถึงคำร่ำลือต่าง ๆ
บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังนั้นราวกับว่าจุดจบกำลังจะมาถึง
เฉิงชงที่ยืนอยู่บนถนนกำลังมองดูผู้คนปลดปล่อยความหวาดกลัว
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา
เขาเป็นผู้ข้ามมิติ
เขามายังยุคสามก๊กนี้เมื่อสามวันก่อน
แต่ช่วงเวลาที่เขามาถึงนั้นไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ทันทีที่มาถึง เขาก็ทราบว่าตนกำลังอยู่ในช่วงมหาอำจาจของกบฏโพกผ้าเหลือง!
แต่ก็ยังมีข่าวดีคือ เขาทราบข้อมูลเหล่านี้ชัดเจน
มีกองทัพของกบฏโพกผ้าเหลืองถึงห้าพันคนซึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองจงหลิง
และใช้เวลาอีกสามวันเท่านั้นก่อนจะมาถึง!
กำแพงของอำเภอจงหลิงอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมมาเป็นเวลานาน ด้วยเจ้าหน้าที่และทหารเพียงสามร้อยนาย มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการต่อกรกับพวกกบฏโพกผ้าเหลืองเหล่านี้!
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!
ในฐานะผู้ชื่นชอบวรรณกรรมสามก๊ก เฉิงชงทราบดีถึงประสิทธิภาพของพวกกองกบฏโพกผ้าเหลือง
ในช่วงแรก ผู้ที่เข้าร่วมกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นเป็นเพียงกลุ่มคนยากไร้ที่ไม่สามารถหาอาหารประทังชีวิตได้เอง
แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่นานที่เหล่ากบฏ คนพาล และทรราชจำนวนนับไม่ถ้วนได้เข้ามาร่วมด้วย
เช่นนั้นจึงทำให้กองทัพกบฏโพกผ้าเหลืองเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว และอยู่เหนือการควบคุมของแม่ทัพเตียวก๊ก
การแตกแถว เผาหมู่บ้าน ปล้นสะดม ฆ่า ทุกอาชญากรรมราวกับก้อนมะเร็งที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ !
หากพวกเขาสามารถเข้ามายังเมืองจงหลิงได้ เช่นนั้นคงใช้เวลาไม่นานในการทำลายเมืองนี้
มันจะไร้ซึ่งความปรานี
เฉิงชงเองก็อาจจะตายได้ในความโกลาหลนี้เช่นกัน
เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา ชีวิตมนุษย์จึงไม่ต่างจากต้นหญ้าข้างถนน!
แต่กล่าวตามจริง เขาไม่เคยคิดที่จะวิ่งหนี
อย่างไรก็ตาม หายนะของกบฏโพกผ้าเหลืองนั้นได้แผ่ขยายไปแผ่นดิน และความรุนแรงภายใต้หายนะนั้นยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
สถานที่แห่งใดถึงจะปลอดภัยกับสถานการณ์เช่นนี้อีก ลุ่มแม่น้ำหรือว่าบนภูเขา?
“หลังจากข้ามมิติมาได้ เราก็ต้องมาตายในหมู่บ้านแรกเลยงั้นหรือ?”
เฉิงชงยิ้มอย่างขมขื่นให้กับตัวเอง
เขารู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย
“ติ๊ง! ตรวจพบความทุกข์ระดับสูงในใจของโฮสต์”
“เปิดระบบค่ายกลไร้เทียมทาน!”
“รางวัลครั้งนี้คือค่ายกลเริ่มต้น ค่ายกลเกล็ดปลาขั้นเทพเจ้า (ระดับที่1)!”
ทันใดนั้น เสียงอันไร้จิตวิญญาณได้ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉิงชงจึงอดไม่ได้ที่จะชะงักไปชั่วครู่
จากนั้นเขาได้เผยแววตาประหลาดใจ
มันคือระบบ!
ผู้กอบกู้มาแล้ว!
“แต่...”
ความลังเลเล็กน้อยได้ปรากฏผ่านดวงตาของเฉิงชง
เขารู้จักค่ายกลเกล็ดปลานี้
มันเป็นค่ายกลพื้นฐานอย่างมากของกองทัพ
แต่ค่ายกลเกล็ดปลาขั้นเทพพระเจ้านี้หมายความว่าอย่างไร?
หรือจะเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ของค่ายกลเกล็ดปลา?
ขณะที่จิตใจเกิดความสับสน แผงเวทมนตร์โปร่งแสงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
“หมายเหตุ: กองทหารทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ระบบนี้จะได้รับการพัฒนาและเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยการผสมผสานพิเศษของระบบ มันจะทำให้ค่ายกลนี้ไร้เทียมทาน!”
“โฮสต์จะเชี่ยวชาญค่ายกลนี้โดยอัตโนมัติ!”
...
“ค่ายกล: ค่ายกลเกล็ดปลาขั้นเทพเจ้า (ระดับที่1) !”
“รายละเอียดผล: ความฮึกเหิมเพิ่มขึ้น 10% พละกำลังเพิ่มขึ้น 15%!”
...
เฉิงชงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นคำอธิบาย
ร่องรอยแห่งความปีติยินดีปรากฏขึ้นผ่านดวงตาของเขาทันที
ผลที่เพิ่มขึ้นนี้ร้ายกาจเกินไป!
พละกำลังที่เพิ่มขึ้นสิบห้าจุดแม้จะดูไม่มาก แต่มันก็มีค่ามหาศาล
ความแข็งแกร่งของคนธรรมดานั้นประมาณยี่สิบ หรือสามสิบจุด
หากเพิ่มมาอีกสิบห้าจุด มันจะทำให้เพิ่มไปได้ถึงสี่สิบห้าจุด!
โดยพื้นฐานแล้ว มันทัดเทียมได้กับกลุ่มทหารที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน
หากนำไปใช้กับกองทหารที่เพียบพร้อมและทรงพลังอยู่แล้ว พวกเขาจะสามารถมีความแข็งแกร่งทัดเทียมแม่ทัพระดับสามได้เลย!
มันจะน่าสะพรึงเพียงใดหากนึกถึงกองทัพที่เต็มไปด้วยแม่ทัพระดับสาม!
สิ่งนี้ยังไม่ได้รวมค่าความฮึกเหิมในการรบ
การตัดสินแพ้ชนะของการรบระหว่างกองทัพนั้นมีเพียงสองเกณฑ์
หนึ่งคือพละกำลังสำหรับต่อสู้ กองทัพนั้น ๆ จะสามารถปลดปล่อยพลังของตนได้มากน้อยเพียงใด
อีกหนึ่งสิ่งคือความฮึกเหิมและแรงใจที่พร้อมจะเสี่ยงตายเมื่อเข้าสู่สนามรบ!
สู้แบบไม่กลัวตาย สู้แบบไม่คิดจะถอย สู้จนสิ้นโลหิตหยดสุดท้าย
สิ่งนั้นถึงจะคู่ควรแก่การเรียกว่ากองทัพอันเกรียงไกร!
ด้วยการเพิ่มขึ้นของสองสิ่งนี้ ค่ายกลเกล็ดปลาจึงเหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าขั้นเทพเจ้า!
“ถึงแม้ค่ายกลเกล็ดปลาขั้นเทพเจ้าจะดูซับซ้อน แต่การแบ่งออกเป็นสัดส่วนนั้นง่ายอย่างมาก”
“ยังมีเวลาอีกสามวันก่อนที่พวกกบฏโพกผ้าเหลืองจะมาถึง มันน่าจะมีเวลาเพียงพอสำหรับการท่องจำกระบวนรบอยู่”
“ด้วยค่ายกลนี้ แม้แต่กลุ่มคนชรา คนอ่อนแอ คนป่วย หรือคนพิการก็ยังสามารถระเบิดพลังต่อสู้ได้ไม่ด้อยไปกว่ากองทัพชั้นยอด!”
เฉิงชงนึกถึงประสิทธิภาพของค่ายกลเกล็ดปลาระดับเทพเจ้าในใจ ดวงตาของเขาได้เผยประกายยินดีขณะกล่าวพึมพำกับตัวเอง
การปรากฏของระบบครั้งนี้ได้ทำให้เขามีความหวังในการต่อกรกับเหล่ากบฏโพกผ้าเหลือง!
หากมีเขาอยู่ด้วย พวกกบฏโพกผ้าเหลืองแทบจะไม่มีโอกาสเข้าไปเหยียบเขตเมืองจงหลิงได้!
เขารีบลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังที่ว่าการของเมืองทันที
ไม่ว่าระบบจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ท้ายที่สุดก็ต้องใช้กำลังคน
เพื่อที่จะสามารถออกคำสั่งกองทหารของเมืองจงหลิง เขาต้องได้รับการสนับสนุนจากเจ้าเมืองเป็นอันดับแรก