ตอนที่แล้วเกมพิชิตโลกวิญญาณ Ep.1 - เริ่มเกมด้วยกางเกงตัวเดียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.3 - ทีมสี่คน

Ep.2 - อะไรที่ใช้สู้ได้ก็หยิบมาก่อน


Ep.2 - อะไรที่ใช้สู้ได้ก็หยิบมาก่อน

ฮังอวี่กวาดสายตามองคนทั้งสี่ตามลำดับ คนแรกเป็นคุณลุงวัยกลางคน ต่อมาเป็นชายหนุ่มผมทอง คนที่สามเป็นวัยรุ่นสาวสวย สุดท้ายเป็นชายอ้วนตัวกลมเป็นลูกบอล และเพราะอ้วนเกินไปจึงวิ่งหนีไม่สะดวก เลยเป็นเหตุให้รั้งท้าย ถูกทิ้งห่างจากคนอื่นๆ

ผู้ชายทุกคนล้วนอยู่ในสภาพสวมกางเกงตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนผู้หญิงสวมเพียงชุดกระโปรงชั้นใน(เดรสสั้นผ้าบางๆ) ต้องขอบอกว่า ขายาวขาวๆและหน้าอกที่เด้งไปมาของวัยรุ่นสาวช่างเตะตาซะเหลือเกิน เรียกได้เลยว่าเป็นอาหารตาชั้นยอด!

ยังไงก็ตาม ในสถานการณ์แบบนี้ ใครมันยังจะมีอารมณ์มาตั้งใจมองอีก!?

ยังไม่ทันขาดคำ ลูกศรสายหนึ่งพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ ชายอ้วนที่รั้งท้ายกรีดร้องน่าสังเวช ล้มลงเพราะถูกยิงจากด้านหลัง สีหน้าเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว  แต่ด้วยแรงฮึดที่ต้องการมีชีวิตรอด สุดท้ายสามารถดิ้นรนลุกขึ้น วิ่งหนีต่อได้

และแล้วสัตว์ประหลาดที่ถูกพูดถึงก็โผล่ออกมา

เห็นแค่เพียงสองเงาเขียวๆกระโจนตามออกจากพุ่มไม้ใหญ่

พวกมันเป็นอมนุษย์สูงประมาณ 1.40 เมตร หูแหลม ผิวสีเขียว ใบหน้าดุร้ายเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน!

ตัวหนึ่งมีร่างผอม ในมือถือหน้าไม้สั้น อีกตัวกำยำกว่าเล็กน้อย ถือกระบองไม้สีดำ

สัตว์ประหลาดทั้งสองตัวนี้มีขนาดเล็ก แต่การเคลื่อนไหวค่อนข้างปราดเปรียว เวลาส่งเสียงร้องฟังคล้ายกบ สีหน้าเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เพียงมองก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกใจสั่น

มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในยุคอันแสนสงบสุขและเต็มไปด้วยวิทยาการชั้นสูง พวกเขามีหรือจะเคยได้เห็นสิ่งมีชีวิตดุร้ายเช่นนี้แบบตัวเป็นๆ? แล้วจะไม่ให้หวาดกลัวได้อย่างไร?

ชายอ้วนแหกปากลั่น “ช่วยฉันด้วย! อย่าทิ้งฉัน!”

คนอื่นๆต่างหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เสียงกรีดร้องจากสหาย ทุกถ้อยคำจึงยิ่งเป็นดั่งเสียงกระตุ้นให้วิ่งเร็วขึ้น

ลุงวัยกลางคนและชายหนุ่มผมทองไม่แม้จะเหลียวหลังกลับมามอง ตรงกันข้าม พวกเขาวิ่งเร็วกว่าเดิม จะมีก็แต่สาวสวยที่ทนดูไม่ได้ หยุดฝีเท้าและหันกลับไป

ทว่าสิ่งที่เห็น มันทำให้เธอหวาดกลัวจนเกือบฉี่ราด ลูกศรดอกสองถูกสัตว์ประหลาดตัวเขียวยิงออกมา ปลายเหล็กแหลมทะลุผ่านหลังคอของชายอ้วน เลือดสาดกระจายไปทั่ว เสียงร้องขอความช่วยเหลือหยุดลง

ชายอ้วนล้มลงกับพื้น ศรแรกยิงทะลุหน้าอก ศรสองทะลุคอ! อีหรอบนี้ต่อให้เป็นหมอเทพเจ้าก็ไม่สามารถรักษาเขาได้  อีกทั้งตามปกติแล้ว โดนเข้าไปขนาดนี้คงต้องตายและไม่มีทางลุกขึ้นได้ไม่ใช่หรอ?

แต่ที่น่าฉงนก็คือ ชายอ้วนกลับอึดเป็นพิเศษ เขาไม่เพียงไม่หมดสติ แต่ยังยกมือขึ้นปิดคอเพื่อหยุดเลือด กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวดสองสามตลบ สุดท้ายสามารถดิ้นรนคืบคลานมาข้างหน้าได้อีกครั้ง

เขายังพยายามจะหนีต่อ ...

วินาทีถัดมา กระบองไม้หวดแหวกสายลม ฟาดลงกระแทกหัวเขาอย่างแรง เสียงโผล๊ะของกะโหลกแตกอันน่าขนลุกดังขึ้น สมองกระจายคล้ายลูกแตงโมระเบิด เศษเลือดเศษเนื้อปลิวว่อน กระเด็นไปไกลสุดถึง 5 เมตร

ไม่นึกฝันเลยว่าสัตว์ประหลาดผิวเขียวตัวเตี้ยที่ถือกระบองไม้สีดำจะครอบครองพละกำลังน่าสะพรึงเช่นนี้!

วัยรุ่นสาวหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด เธอชะงักไปเพียงสองวินาที แต่นั่นก็มากพอให้คนที่เหลือวิ่งออกมาไกลกว่า 20 เมตร

หรือให้พูดอีกอย่างก็คือ เป้าหมายต่อไปของสัตว์ประหลาดผิวเขียวทั้งสองตัวจึงมาตกอยู่ที่เธอโดยปริยาย

หวืออออ!

เธอหันหลังวิ่งต่อยังไม่ทันถึงสามก้าว ขาเรียวยาวขาวนวลผุดผ่องข้างหนึ่งก็ถูกคมศรเจาะทะลุ เสียบคาไว้อย่างนั้น ความเจ็บปวดแสนสาหัสแทบไม่ต่างจากโลกแห่งความจริง!

สาวสวยล้มลงกับพื้น กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สัตว์ประหลาดผิวเขียวปรี่เข้าหาเธออย่างรวดเร็ว มันยกกระบองไม้ที่เปื้อนไปด้วยเลือดเหนียวหนืดขึ้นเหนือหัว

วัยรุ่นสาวกำลังเดินตามรอยชายอ้วนไปติดๆ อีกเดี๋ยวเธอจะถูกระเบิดศีรษะและตายลงที่นี่

‘จบสิ้นแล้ว!’

ความหวาดกลัว ณ ขณะนี้ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ลมหายใจเธอติดขัด คล้ายถูกความสิ้นหวังฉุดดึงลงสู่ขุมนรก

เจียงหนานเป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่งที่มีหน้าตาและการศึกษาที่ดี ตั้งแต่เล็กจนโตเปรียบเสมือนไข่มุกของตระกูล ตอนอยู่มหาลัยเป็นดั่งเทพธิดาผู้งดงามซึ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่มาโดยตลอด แล้วไหนเลยจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าหวาดกลัวและเสี่ยงตายเช่นนี้?

ตัวเธอไม่เคยเฉียดใกล้ความตายขนาดนี้มาก่อน!

ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน เมื่อต้องเผชิญกับความตาย ก็ล้วนเล็กจ้อยและเปราะบาง

ขณะที่เจียงหนานกำลังสิ้นหวัง ร่างๆหนึ่งได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่ด้อยไปกว่านักวิ่งมืออาชีพ กระแทกเข้าใส่สัตว์ประหลาดผิวเขียว ผลักมันถอยออกไป

และในจังหวะเดียวกัน เขาได้ใช้ไม้ที่พึ่งเก็บได้แทงเข้าที่ลูกตาของมันอย่างโหดเหี้ยม

เกิดอะไรขึ้น?

สมองของเจียงหนานยังประมวลผลตามไม่ทัน แต่จากรูปการณ์แล้ว เหมือนจะมีคนมาช่วยเธอ

นี่เขาไม่กลัวสัตว์ประหลาดตัวเขียวนั่นเลยหรอ?

มองไปยังชายหนุ่มที่ดูมีอายุราวๆ 23-24 ปี รูปร่างปานกลาง ไม่อ้วนไม่ผอม ไม่สูงไม่เตี้ย หน้าตาไม่ได้หล่อเหลา นอกจากดูสะอาดสะอ้านและเป็นมิตรแล้ว ก็ไม่มีจุดเด่นใดๆอีกเลย

ฮังอวี่โพล่งคำหยาบออกมา “เชี่ยเอ๊ย! ก็แค่ก็อบลินไก่อ่อนสองตัว พวกเธอมีตั้งหลายคนทำไมขี้ขลาดแบบนี้!”

ใช่แล้ว ฮังอวี่รู้ว่าสัตว์ประหลาดผิวเขียวสองตัวนี้คืออะไร มันคือมอนสเตอร์ระดับต่ำที่เรียกว่าก็อบลิน!

ก็อบลินร่างกำยำที่ถือกระบองไม้เรียกว่า [ก็อบลินหน่วยเสบียง]

ส่วนก็อบลินตัวผอมบางที่ถือหน้าไม้สั้นเรียกว่า [ก็อบลินลาดตระเวน]

ยังไงก็ตาม เจ้าสองตัวนี้เป็นแค่มอนสเตอร์ในโลกวิญญาณระดับธรรมดาเลเวล 1 เท่านั้น  ไม่ใช่ศัตรูที่กำจัดได้ยากเย็นอะไร

ทว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ฮังอวี่เลยช่วยชายอ้วนไม่ทัน ช่วยได้แต่วัยรุ่นสาวแบบหวุดหวิด

ก็อบลินลาดตระเวน ยกหน้าไม้ขึ้นเตรียมเล็งลูกธนู มอนสเตอร์ระดับสามัญพวกนี้ไม่มีสติปัญญา ดังนั้นรูปแบบการโจมตีจึงเป็นแบบเดิมซ้ำๆ ตราบใดที่กะจังหวะดีๆ ก็มีโอกาสหลบได้ล่วงหน้า

การหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เจียงหนานเห็นภาพที่เธอไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต

หลังจากชายหนุ่มผู้กล้าพุ่งชนและแทงสัตว์ประหลาดตัวเขียว เขาก็เอี้ยวตัวโค้งหลบมาด้านหลังตามสัญชาตญาณ ตามมาติดๆด้วยลูกศรแหลมที่พุ่งผ่านไหล่ เจาะลงบนลำต้นไม้ที่อยู่ถัดไป

หลบการลอบโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

เธอไม่เคยเห็นใครที่กล้าหาญและเท่ขนาดนี้มาก่อนเลย! ภาพตรงหน้าทำให้เธอเกือบลืมความเจ็บปวดและหวาดกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง

ฮังอวี่ไม่เปิดโอกาสให้ก็อบลินลุกขึ้น ไม่อย่างนั้นหากพวกมันร่วมมือกันโจมตีทั้งใกล้ไกล สถานการณ์จะเลวร้ายมาก ต้องรีบจัดการตัวที่พึ่งล้มลงให้เร็วที่สุด

เขาพลิกตัวกลับมาเหยียบหน้าอกของก็อบลินหน่วยเสบียง ห้ามลืมนะว่าเขามีพรสวรรค์ของนักรบ ดังนั้นพละกำลังจึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก กระทืบแค่ทีเดียวก็สามารถทำร้ายจนซี่โครงหักไปหลายท่อน

ก็อบลินกระอักเลือดสีเขียวออกจากปาก แต่เจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่ตัวกินพืช มันร้องตะโกนเสียงแปร่ง พลางโบกกระบองไม้ตอบโต้กลับ

ฮังอวี่ขยับตัวหลบกระบองไม้อย่างว่องไว เอื้อมมือคว้ากิ่งไม้ที่ใช้ทิ่มตาซ้ายของมันแล้วกระชากออก จากนั้นแทงกลับเข้าไปใหม่ตรงตาขวาอย่างแม่นยำ

และเนื่องจากพละกำลังของเขามีมากเกินไป อาวุธชั่วคราวชิ้นนี้เลยรับแรงปะทะไม่ไหว แหลกคามือทันที แต่ครึ่งก้านแทงลึกเข้าไปในสมองของก็อบลินเรียบร้อยแล้ว

ก็อบลินหน่วยเสบียงตาย!

จากนั้น หมอกแสงจางๆลอยออกมาจากก็อบลินหน่วยเสบียง ค่อยๆซึมเข้าสู่ร่างกายของฮังอวี่ สั่นคลอนจิตวิญญาณของเขา

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหวืออออ! ดังขึ้นอีกครั้ง

ฮังอวี่คุกเข่าย่อตัวลง ลูกศรแหวกสายลม พุ่งเฉียดเส้นผมของเขาไป

สองเท้าของฮังอวี่ถีบลงพื้นอย่างแรง เสมือนเสือชีตาร์กระโจนเข้าหาเหยื่อ ร่างเขาพุ่งออกไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ม้วนตัวกลิ้งสองตลบ

เมื่อถึงตลบที่สาม เขาก็สามารถเข้าประชิดตัวก็อบลินลาดตระเวนได้สำเร็จ พร้อมใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ สไลด์ตัวตัดขาก็อบลินให้มันล้มลง

จังหวะต่อมา ฮังอวี่คว้าก้อนหินใหญ่ที่เต็มไปด้วยตะไคร่มอสขึ้น ฝั่งก็อบลินลาดตระเวนวางหน้าไม้ลง ชักดาบสั้นขึ้นมาจากสายห้อยตรงเอว

ฮังอวี่ยกหินใหญ่ขึ้นเหนือหัว แต่ดาบของก็อบลินไวกว่า มันแทงฉึก!เข้าที่ช่วงท้องเขา

เจ็บ!

เจ็บแปลบเหมือนถูกไฟลวกเลย!

ไอ้แคระตัวเขียวนี่ร้ายกาจจริงๆ แทงดาบเดียวเล่นเอาเอวแทบขาด!

อดทนสิ อดทนเข้าไว้ มันไม่ได้ส่งผลร้ายถึงขนาดนั้น ตอนนี้ฉันมีร่างไม่ต่างจากผีดิบแล้ว ถูกแทงแค่ครั้งเดียวฆ่าฉันไม่ได้หรอก!

ฮังอวี่พยายามพูดในใจ ฝืนทนต่อความเจ็บปวด เขาทุ่มหินก้อนใหญ่ในมือลง ทุบเข้าแสกหน้าก็อบลิน

“กล้าดียังไงมาแทงเอวฉัน! คอยดูเถอะฉันจะซัดหน้าแกให้เละ!”

ครั้งแรกผ่านไป

หินใหญ่ถูกยกขึ้นอีกครั้ง และการทุ่มลงครั้งที่สองก็เริ่มขึ้น

จนครั้งที่สาม ... เลือดสีเขียวก็สาดกระเซ็นไปทั่ว ภาพเหตุการณ์อันรุนแรงชวนแหยงนี้ไม่เหมาะจะบรรยายเป็นอย่างยิ่ง

ในที่สุดก็อบลินลาดตระเวนก็ตาย บนตัวมันปล่อยหมอกแห่งจิตวิญญาณออกมา ก่อนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของฮังอวี่

ฮังอวี่รู้สึกว่าร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย หมอกวิญญาณนี้เหมือนจะช่วยเพิ่มพลังได้

จบซักที!

ฮังอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก กวาดมองไปทางศพก็อบลินทั้งสอง และพบว่าแต่ละตัวมีบอลแสงลอยอยู่

หืม?

ถือว่าโชคของฉันไม่เลว สามารถดรอปของจากศัตรูได้ทั้งสองตัว ซึ่งตามปกติแล้วอัตราการดรอปของมอนสเตอร์สามัญไม่ค่อยสูงนัก

ฮังอวี่หยิบบอลแสงขนาดใหญ่จากศพก็อบลินลาดตระเวน ปรากฏดาบสั้นในมือเขา

ดาบเล่มนี้มีความยาวไม่ถึงสองฟุต รูปทรงดูเรียบง่าย ใบดาบค่อนข้างหยาบ แม้ดูไม่น่าใช้งาน แต่สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ถือเป็นอาวุธที่ดี

[ดาบสั้นก็อบลินคุณภาพต่ำ] เลเวล 1 , สีเทาคุณภาพต่ำ , การโจมตีทางกายภาพ +1 , ความทนทาน 10 (ต้องใช้หินคริสตัลเทาหนึ่งก้อนในการนำมันกลับสู่โลกมนุษย์)

ไม่เลวนี่นา!

แรกเริ่มจากกางเกง ไม่มีอุปกรณ์ต่อสู้ใดๆ แต่ไม่นานก็ดรอปอาวุธได้แล้ว บอกตามตรงว่าฮังอวี่พอใจมาก

เขาหันไปเก็บบอลแสงขนาดเล็กบนศพก็อบลินหน่วยเสบียง และพบว่ามันเป็นหินคริสตัลเทาขนาดเล็ก

แม้คราวนี้จะผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้รับอุปกรณ์ แต่หินคริสตัลจากโลกวิญญาณก็มีประโยชน์มากเช่นกัน

นี่คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแก่นแท้พลังวิญญาณในร่างของสิ่งมีชีวิตบนโลกวิญญาณแห่งนี้ สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย

ตัวอย่างเช่นใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายไอเท็มโลกวิญญาณ หรือก็คือมันจะกลายเป็นสกุลเงินสากลที่ใช้กันในอนาคต

ฮังอวี่โยนมันเก็บลงในกระเป๋า ก่อนหน้านี้ระหว่างการต่อสู้สมาธิเขาแน่วแน่เขาไม่วอกแวก ทุกการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะทำไปตามสัญชาตญาณ

แต่เมื่อผ่อนคลายลง จู่ๆอารมณ์ความรู้สึกเดิมก็กลับมา ทั้งเนื้อทั้งตัวเกิดอาการขนลุกเล็กน้อย

ให้ตายเถอะ! ทำไมจู่ๆฉันถึงได้กลายเป็นคนกล้าหาญแบบนั้น! วิญญาณจูล่งเข้าสิงรึยังไง อ๊าาา!

พวกก็อบลินไม่แข็งแกร่งก็จริง แต่การโจมตีก็ยังถือว่ารุนแรงอยู่ดี สำหรับมนุษย์สมัยใหม่ อย่าว่าแต่เจอมมอนสเตอร์ที่สามารถยิงทะลุหัวใจได้ด้วยศรดอกเดียวเลย  ขอแค่เจอหมาบ้าน้ำลายฟูมปากบนถนน ปฏิกิริยาแรกที่คิดได้ก็คือวิ่งหนีเอาชีวิตรอดแล้ว

มันคงไม่มีใครหรอกที่กล้ายืนดูหมาบ้าวิ่งเข้ามากัด ถ้าไม่หนีสิแปลก!

แม้ก็อบลินสองตัวนี้จะอ่อนแอมากแค่ไหน แต่มันก็ยังอันตรายกว่าหมาบ้าหลายเท่า

ทว่าฮังอวี่กลับตรงกันข้าม เขาดันพับแขนเสื้อขึ้นและกระโจนเข้าสู้กับมัน นี่ไม่ใช่การตอบสนองที่คนทั่วไปควรจะมี!

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะประสบการณ์มากมายจากในสมองใช่หรือไม่?

ด้วยความทรงจำเหล่านั้น ทำให้ฮังอวี่ไม่หวาดกลัวยามสู้กับมอนสเตอร์ เพราะเขามีทักษะและประสบการณ์การต่อสู้ขั้นพื้นฐาน จึงสามารถกำจัดมอนสเตอร์ทั้งสองตัวนี้ได้อย่างง่ายดาย ... ดูเหมือนนี่จะเป็นคำอธิบายเดียวที่เหมาะสมที่สุด!

ดูเหมือนว่าสกิลติดตัวที่ได้มาจะกลายเป็นไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดของเขา ประสบการณ์และความทรงจำที่ฮังอวี่มีเปรียบดั่งสมบัติล้ำค่า!

อย่างน้อยตอนนี้มันก็ช่วยให้เขานำหน้าคนอื่นๆไปหลายก้าว

ฮังอวี่รีบเก็บรวบรวมสินสงคราม ลุกขึ้นเดินไปหาวัยรุ่นสาว

หลังจากตรวจดูบาดแผล ต้องบอกเลยว่าน้องสาวคนนี้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใด ความงดงามของเธอก็สามารถทำให้ดวงตาของผู้ที่มองมาสว่างไสวได้ทันใด

เธอดูอายุประมาณ 20 ปี สูงราวๆ 1.65 เมตร ผมสีดำยาวประบ่า ผิวขาวเนียนราวหิมะ ใบหน้าประณีต มีแววตาแสนอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ของสาวงาม

ชุดกระโปรงชั้นในทรงเรียบแทบไม่อาจปิดบังรูปร่างอันอวบอิ่มของเธอได้  ขาคู่นั้นแทบจะสมบูรณ์แบบ มันเรียวยาวและได้สัดส่วนมาก

ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตา มองยังไงก็เป็นเทพธิดา!

เฮ้อ .. ในโลกแบบนี้ก็ยังมีบางคนที่สามารถใช้หน้าตาหากินได้  ฮังอวี่ได้แต่ถอนหายใจในความอยุติธรรมของโชคชะตา

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวกำลังหวาดกลัว และเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขา เมื่อถูกทรมานด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด ณ เวลานี้ดอกฟ้าเช่นเธอช่างดูน่าสงสารจับใจ

“หุบปากซะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว เธออยากจะเรียกสัตว์ประหลาดตัวอื่นเข้ามาอีกรึไง?” ฮังอวี่กรอกตาอย่างอารมณ์เสีย

“บาดแผลเล็กน้อยของเธอไม่ร้ายแรงอะไร รีบลุกขึ้นเร็ว!”

‘นี่น่ะเหรอที่บาดแผลเล็กน้อย? ฉันถูกยิงขาทะลุเป็นรูนะ!’

เจียงหนานน้อยเนื้อต่ำใจ แต่คำพูดของฮังอวี่ทำให้เธอกลัว จึงหุบปากลงทันที

จบสิ้นแล้ว

ป่าแห่งนี้อันตรายมาก ตัวเธอเองที่ได้รับบาดเจ็บในสภาพนี้ แล้วจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างไร?

ผู้รอดชีวิตสองคนที่สับฝีเท้าหนีหายไปตอนแรกย้อนกลับมา

เมื่อพวกเขาเห็นศพสัตว์ประหลาดตัวเขียวทั้งสอง และร่างของฮังอวี่ที่เปรอะไปด้วยเลือดเขียวหนืด สีหน้าท่าทีของทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยความตกใจและชื่นชมอย่างสุดซึ้ง

ให้ตายเถอะ! เจ้าหมอนี่ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า เขาทำได้อย่างไร!

คนบ้าอะไรสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดสองตัวด้วยมือเปล่า!