ตอนที่แล้วข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 21 สาวน้อยหว่านเอ๋อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 23 ซูหยานกล่าวเตือน

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 22 แม่ใจดีกับพ่อที่เคร่งครัด


กำลังโหลดไฟล์

ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 22 แม่ใจดีกับพ่อที่เคร่งครัด

อาหารเย็นจบลงด้วยเสียงหัวเราะเริงร่าของเหล่าเพื่อนร่วมงานจากศาลาว่าการ

หลังจากกล่าวคำร่ำลากับเพื่อนร่วมงานด้วยรอยยิ้มอย่างขอไปที คงหนิงก็ขี่ม้าสีเหลืองพุทรากลับไปบ้านของเขาที่ตรอกฮว๋ายชู่

แม้ว่าเขาจะยังมีข้อสงสัยและคำถามมากมายภายในใจที่อยากจะพูดคุยกับหญิงสาวนามว่าหว่านเอ๋อ แต่ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว ถ้ายังไม่รีบกลับบ้านอีก ใครเล่าจะรู้ว่าปีศาจภายในบ้านจะออกมาหาเขาหรือไม่?

หากเขาและหว่านเอ๋อตอนที่อยู่ด้วยกันถูกพบโดยปีศาจแมงป่อง......แค่คิดถึงสถานการณ์เช่นนั้น หนังศีรษะของคงหนิงก็รู้สึกชาวาบ

พรุ่งนี้ค่อยเดินทางไปหาหญิงสาวผู้นั้น

หลังจากตัดสินใจ คงหนิงก็ขี่ม้าสีเหลืองพุทราไปตามถนนอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปยังตรอกฮว๋ายชู่

ในยามค่ำคืน เขตชานหลานทั้งมืดมิดและเงียบกริบ

บนถนนโล่งๆ มีเพียงไม่กี่ร่างเท่านั้นที่ยังเดินเตร่อยู่ บ้านส่วนใหญ่ไม่เต็มใจจะจุดไฟเนื่องมาจากความยากจนข้นแค้น ทำให้บรรยากาศโดยรอบมืดสนิท

เมื่อมองไปรอบๆ ภายในเขตเมืองที่มืดมิดก็มีแสงสว่างจากแสงไฟเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้น

มีเงาดำนั่งอยู่ท่ามกลางความมืด เพลิดเพลินกับความเย็นสบายยามค่ำคืน กระซิบคำพูดคุยกัน ไม่ได้ส่งเสียงดัง คงหนิงเคยชอบความเงียบสงบเช่นนี้มาก แต่ยามนี้เมื่อเขาได้เห็นมัน เขากลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

ชาวเมืองเหล่านี้ แม้ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับอากาศเย็นยามค่ำคืน พวกเขาก็ไม่เคยพูดเสียงดัง มีแต่เสียงกระซิบ ดูเหมือนว่าการทำเสียงดังจะเป็นการดึงดูดบางสิ่งที่น่ากลัวเข้ามา

และคงหนิงที่ขี่ม้าตัวผอมสีเหลืองพุทราอยู่ในเมือง ก็เหมือนจะดึงดูดสายตาแปลกๆ มาคู่หนึ่ง

ใต้ร่มเงาต้นไม้ หลังประตู ในคูน้ำ....... ภายในความมืดสลัว ดูเหมือนจะมีดวงตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่เขา

มันทำให้ผมบนหนังศีรษะลุกวาบอย่างอธิบายไม่ถูก

จนกระทั่งคงหนิงขี่ม้าสีเหลืองพุทราไปถึงถนนฮว๋ายชู่และเห็นต้นฉัตรจีนสูงใหญ่ที่หน้าบ้านพลิ้วไหวไปมาในยามราตรี เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ใต้ต้นฉัตรจีน พ่อและแม่กำลังเพลิดเพลินกับอากาศเย็นสบายอยู่เช่นกัน

เห็นชายแปลกหน้าร่างกายกำยำที่ดูคุ้นตา เขากำลังพูดอะไรบางอย่างกับพ่อของคงหนิงด้วยความโกรธ

เมื่อคงหนิงเข้ามาถึงตรงทางเข้าตรอก ใต้แสงจันทร์อันเย็นเยียบ เขาก็เห็นบาดแผลบนร่างกายของชายร่างกำยำผู้นั้น

ชายร่างกำยำผู้นี้ดูเหมือนจะป่วยด้วยโรคร้ายแรงบางอย่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลสีดำประหลาด มีรอยแผลสีดำแปดรอย กระจายไปตามใบหน้า หลัง แขน และขา ดูเหมือนว่าโรคผิวหนังชนิดนี้จะร้ายแรงมาก ดูเน่าเปื่อยฟอนเฟะ เพียงแค่มองดูก็เจ็บแทนแล้ว ไม่รู้ว่าชายร่างกำยำผู้นี้ทนมาได้อย่างไร

เมื่อคงหนิงปรากฏตัวที่ตรอกฮว๋ายชู่ เขาก็ได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของชายร่างกำยำ

“......รังแกกันเกินไปแล้ว! พวกเจ้าไม่คิดจะสนใจอะไรจริงๆ หรือ?”

เสียงกีบเท้าของม้าสีเหลืองพุทราเหยียบลงบนแผ่นหินอ่อน ทำให้ชายร่างกำยำหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงหันมามองที่คงหนิง

ที่ทางเข้าตรอกฮว๋ายชู่ คงหนิงมองดูชายแปลกหน้าร่างกำยำผู้นี้ด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายดูคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนจะเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่ง แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน

ขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เห็นชายร่างใหญ่จ้องมองมาที่ตนด้วยสีหน้ามืดมน จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

คงหนิงมองไปที่ชายแปลกหน้าร่างกำยำผู้นี้ด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยาบคายเกินไปหน่อย

มีคนแบบนี้ในเขตของเราด้วยหรือ?

ในเมืองเล็กๆ อย่างเขตชานหลาน คงหนิงคุ้นเคยกับชาวบ้านทุกคน แต่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของคนผู้นี้มาก่อน

ชายผู้นั้นยังคงตะโกนใส่พ่อของคงหนิง......

หลังจากเบี่ยงตัวลงจากหลังม้า คงหนิงก็จูงม้าสีเหลืองพุทราเข้าไปหาพ่อแม่ของเขา ขมวดคิ้วจ้องมองชายร่างกำยำเดินออกไป พร้อมกับกล่าวว่า

“ท่านแม่ ชายผู้นี้เป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาสร้างปัญหาให้บ้านของเรา”

คงหนิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

แม่ที่มีรอยยิ้มใจดีประดับดวงหน้า กล่าวว่า “ไม่เป็นไร แค่มิตรสหายที่อารมณ์ร้อนนิดหน่อย ไม่มีอันตรายอะไรหรอก หนิงเอ๋อยุ่งมาทั้งวันคงจะเหนื่อยแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”

คำพูดแสนอ่อนโยนของมารดาสามารถสงบอารมณ์ของคงหนิงได้อย่างรวดเร็ว

เขายิ้มออกมา ความไม่พอใจเวลามีคนมาขู่ฆ่าพ่อของตนเองก็หมดสิ้นไป แล้วพูดว่า “งั้นก็คงไม่เป็นไร”

พูดจบ คงหนิงก็จูงม้าสีเหลืองพุทราเตรียมจะเข้าไปในลาน

แต่ในขณะนั้น จู่ๆ บิดาผู้เงียบเชียบที่นั่งอยู่ใต้ต้นฉัตรจีนก็พูดขึ้น

“เดี๋ยวก่อน” ผู้เป็นพ่อซึ่งเงียบขรึมมาโดยตลอด ไม่เคยปริปากพูดสิ่งใด กลับเอ่ยปากขึ้นมา “มานี่สิ ข้ามีบางสิ่งจะต้องบอกเจ้า”

เมื่อเห็นเช่นนี้ คงหนิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็เดินไปหาพ่อของตนอย่างเชื่อฟัง นั่งลงตรงหน้า

ภายใต้แสงจันทร์เย็นยะเยือก สายลมพัดโชย ใบไม้บนต้นฉัตรจีนสั่นไหวอยู่เหนือศีรษะของทั้งสามคนพ่อแม่ลูก

พ่อที่ดูไร้อารมณ์มองไปที่คงหนิงแล้วกล่าวว่า “พ่อได้ยินว่าเจ้าสังหารปีศาจไปถึงสองตัว”

“เอ่อ.......ก็ใช่ สังหารปีศาจไปแล้วสองตัว” คงหนิงสับสนเล็กน้อย “ท่านพ่อ มีปัญหาอะไรหรือไม่?”

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบวันก่อนหรอกหรือ? ทำไมท่านพ่อถึงเพิ่งมานึกได้เอาตอนนี้? การรับรู้ของท่านไม่ช้าเกินไปหน่อยหรือ......

คงหนิงพร่ำบ่นในใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า ยังคงรับฟังพ่อของตนด้วยความเคารพ

ใต้ต้นฉัตรจีน บิดาผู้ไร้อารมณ์กล่าวว่า “วันนี้ลูกกลับมาช้านะ คราวหน้าอย่าได้กลับดึกอีก รีบกลับบ้านก่อนมืด อย่าได้ออกนอกลู่นอกทาง”

น้ำเสียงของพ่อนั้นเข้มงวดและเย็นชา

แม่ที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อของเจ้าเป็นห่วงเจ้าน่ะ......หนิงเอ๋อสังหารปีศาจตั้งสองตัวก่อนหน้านี้ เรื่องนี้รู้กันไปทั่วทั้งเมือง แม้จะทำให้โดดเด่นมาก แต่ใครจะรู้เล่าว่าปีศาจทั้งสองนั้นมีมิตรสหายอีกหรือไม่? หากปีศาจตนอื่นต้องการแก้แค้นเจ้า มันจะอันตรายเอาได้”

“งั้นก็รีบกลับบ้าน ให้กลับก่อนมืด ถ้าเจ้ากลับมาช้าแม่ก็เป็นห่วง”

พ่อผู้เข้มงวดกับแม่ที่แสนใจดี ความห่วงใยของเฒ่าทั้งสองทำให้คงหนิงอบอุ่นหัวใจ

ชาติก่อนเขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ความรักของพ่อแม่นับเป็นสิ่งสวยงามที่หาได้เฉพาะในฝันเท่านั้น

หลังจากข้ามมิติมาโลกนี้ แม้ว่าจะมีปีศาจอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ชีวิตความเป็นความตายแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่การมีพ่อแม่คอยห่วงใย ทุกสิ่งก็คุ้มค่าแล้ว

คงหนิงพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ได้เลย ท่านพ่อท่านแม่ ต่อจากนี้ข้าจะกลับก่อนมืด จะไม่อยู่ข้างนอกอีกในอนาคต”

เมื่อพูดจบ คงหนิงกำลังจะลุกกลับเข้าห้อง

แต่ในตอนนั้นเอง ผู้เป็นพ่อที่นิ่งเงียบอยู่ ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“วันสารทจีน......”

พ่อที่อยู่ใต้ต้นไม้พูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า “เมื่อเทศกาลวันสารทจีนสิ้นสุด หากเจ้ายังออกไปเตร็ดเตร่อยู่ภายนอก อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า”

คงหนิงดูประหลาดใจ และแม่ของเขาก็พูดเสริมด้วยรอยยิ้ม

“สิ่งที่พ่อเจ้าพูดนั้นหมายถึง เหลือเวลาอีกสิบวันก่อนจะถึงวันสารทจีน หากเวลาผ่านไปหลายวันแล้วไม่มีปีศาจมาหาถึงหน้าประตู แสดงว่ามันปลอดภัยแล้ว และเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันอีก”

“ดังนั้นหนิงเอ๋อ อย่างน้อยก็อดทนไว้ก่อนจะถึงวันสารทจีน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าค้างคืนนอกบ้าน ให้กลับบ้านก่อนมืด อย่าได้ปล่อยให้แม่เป็นห่วงเจ้า.......ทำได้ไหม?”

การซักถามที่อ่อนโยนและห่วงใยกระตุ้นหัวใจของคงหนิง

เขาพยักหน้าแล้วพูดอย่างจริงจัง “หนิงเอ๋อทราบแล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไม่ค้างแรมด้านนอกก่อนวันสารทจีนอย่างแน่นอน”

หลังจากยืนยันกับเฒ่าทั้งสองอย่างจริงจังแล้ว คงหนิงก็จูงม้าสีเหลืองพุทราเข้าไปในลานบ้าน

ในโลกอันเลวร้ายที่เหล่าปีศาจอาละวาด ทวยเทพสาบสูญ ความอบอุ่นที่เหลืออยู่ก็คือพ่อแม่ของเขาเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องไม่ทำให้ผู้เฒ่าทั้งสองเป็นกังวล

คงหนิงยึดมั่นในความกตัญญู และเชื่อว่าเขาทำตามคุณธรรมข้อนี้ได้อย่างดี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด