ตอนที่แล้วตอนที่ 217+218 การล่มสลายของตระกูลจาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 221+222 ใช้เงิน

ตอนที่ 219+220 เลื่อนการประชุม


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 219 เลื่อนประชุม

พวกเขาทั้งคู่เป็นเพียงผู้เริ่มเรียน และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับหลักสูตรตามทฤษฎีเหล่านี้ เธอพบว่ามันยากมากที่จะทำความเข้าใจ แล้วทำไมเจียงเหยาถึงได้บอกว่ามันง่าย มันง่ายจริง ๆ เหรอ?

เจียงเหยาไม่ได้จดบันทึกในระหว่างการบรรยาย มันน่าประทับใจมากที่เธอผ่านการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนที่สูง

เหวินเสวี่ยฮุ่ยหวนคิดถึงช่วงเวลาที่ทรมานเมื่อเธอต้องจดบันทึกอย่างจริงจังในทุกคาบเรียน และเธอรู้สึกว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรมในการสร้างเลย

เจียงเหยามีรอยยิ้มติดที่ริมฝีปากจาง ๆ โดยไม่พูดอะไร เธอมีความยากลำบากเช่นเดียวกับเหวินเสวี่ยฮุ่ยในโรงเรียนมัธยมปลาย เธอไม่ใช่อัจฉริยะตั้งแต่เกิด เช่นเดียวกับนักเรียนมัธยมปลายคนอื่น ๆ เธอจดบันทึกในทุกคาบเรียนและแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำอีก ชีวิตในโรงเรียนมัธยมของเธอนั้นยากพอ ๆ กับในเวลานั้น

“การมีเพื่อนเก่งแต่เกิดนี่เป็นเรื่องที่โชคร้ายที่สุดสำหรับฉัน คนเกียจคร้านในการเรียน ฉันต้องการให้เธอรู้ว่าฉันจะทำร้ายเธออย่างสาสม” เหวินเสวี่ยฮุ่ยพูดแล้วชี้ไปที่กระเป๋าของเจียงเหยา " “โทรศัพท์ของเธอดังแหนะ”

“โอ้ เจียงเหยาพูดและดึงโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาช้า ๆ ไม่น่าเป็นไปได้ที่ลู่ชิงสีจะโทรหาเธอในเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเป็นใคร

เมื่อดูจากหมายเลขที่ไม่คุ้นบนหน้าจอ มันมาจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก แต่เป็นเบอร์จากหนานเจียง เจียงเหยากดตอบรับ

ผู้โทรมาคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลนั่นเอง เขาโทรมาแจ้งเจียงเหยาว่าการประชุมผู้ถือหุ้นจะจัดขึ้นวันนี้เวลา 15.30 น. ที่โรงพยาบาล

“ตอนสามโมงครึ่งเหรอคะ ฉันไม่ว่างค่ะ เลื่อนเป็นหกโมงและให้คนมารับฉันที่ทางเข้าด้านหน้ามหาวิทยาลัยเวลา 4 โมง 40 นะคะ” เจียงเหยาพูดอย่างเย็นชา พวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่? เธอซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการประชุมเลย ทำไมผู้ถือหุ้นรายย่อยถึงได้กล้าตัดสินใจจัดประชุมด้วยตัวเอง?

พวกเขายังไม่กล้าบอกเธอเกี่ยวกับการประชุม แทนที่จะถามความคิดเห็นของเธอก่อน!

พวกเขากำลังพยายามที่จะเอาชนะเธอหรือจะคว่ำบาตรเธอกันแน่? ทำไมต้องรีบร้อน?

“คุณเจียง 5 โมงเย็นช้าไปหน่อยไหมคะ คุณว่าไหม? ทำไมคุณไม่...” ผู้อำนวยการพูดติดอ่าง พยายามเจรจากับเจียงเหยา

“ฉันมีเรียนถึง 4 โมง 20 ค่ะ ฉันจะกลับไปที่หอพักเพื่อเตรียมตัวก่อน ถึงจะเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปที่โรงพยาบาล ฉันยืนยันเวลาที่ห้าโมงคะ ถ้ารอไม่ไหวก็เลื่อนไปเป็นวันเสาร์! ผู้ถือหุ้นรายย่อยกลุ่มนั้นจะมาขยันประชุมอะไรกันตอนนี้คะ? ฉันในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ได้พูดถึงการประชุมเลย บอกพวกเขาว่าถ้ารอถึง 5 โมงเย็นไม่ไหว ฉันก็ไม่ไปค่ะ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะประชุมกันแบบไหน ถ้าฉันไม่อยู่!”

เจียงเหยาวางสายทันที เธอไม่ให้โอกาสผู้อำนวยการได้พูดอีก

เธอรู้สึกถึงความโกรธที่แผดเผาในตัวเธอทันทีที่ผู้อำนวยการมาแจ้งเกี่ยวกับการประชุมผู้ถือหุ้น พวกเขาไม่มีแม้แต่จะส่งคนมาถามเธอก่อนกำหนดวันเวลาประชุม ซึ่งพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้จริงจังกับเธอ พวกเขาเชื่อว่าเธอยังเด็กเกินไปท่จะรู้อะไรดีไม่ดี

เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ ผู้อำนวยการก็หันไปหาผู้ถือหุ้นสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาและพูดด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก “คุณเจียงต้องการเลื่อนประชุมเป็นห้าโมงเย็นครับ”

“อะไรนะ!?” คุณฉินคำรามและทุบโต๊ะอย่างโกรธจัด “เธอเป็นใครถึงมากำหนดเวลาประชุม? จะคุยอะไรกันตอน 5 โมงเย็น จะชวนมากินข้าวเย็นและกลับเลยอย่างงั้นรึ”

“คุณฉิน คุณเจียงยังเป็นนักศึกษา เธอมีเรียนตอนบ่าย เธอยังแนะนำว่าเราสามารถเลื่อนการประชุมไปเป็นวันเสาร์ได้นะครับ”

ผู้อำนวยการปาดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากอย่างประหม่า นับตั้งแต่ตระกูลฉีได้โอนสิทธิ์ชของตัวเองให้คุณเจียง เขารู้สึกว่าตำแหน่งของเขาในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้สั่นคลอนและวุ่นวาย

ในขั้นแรก เขาคิดว่าทันทีที่มีการลงนามในข้อตกลงการโอนหุ้น คุณเจียงจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทันทีเข้ารับตำแหน่งประธานในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากนั้นก็ไล่เขาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ ด้วยความประหลาดใจของเขา คุณเจียงไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น แต่ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเหล่านี้ เหมือนมีมดอยู่ในกางเกงของตัวเอง

“บ้าเอ๊ย เด็กสาวนั้นช่างโง่เหลือเกิน!”

คนฉลาดสามารถตีความข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางอย่างจากสีหน้าและน้ำเสียงของบุคคลเมื่อพวกเขาคุยโทรศัพท์กัน แม้ว่าผู้อำนวยการจะถ่ายทอดข้อความของเจียงเหยาอย่างไพเราะ แต่คุณเฟิงซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยสามารถบอกได้ว่าเวลาที่ผู้อำนวยการคุยกับเด็กสาวหน้าซื่อคนนั้นทางโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอก็ไม่น่าพอใจและไม่ดีเท่าไหร่

นายเฟิงและนายฉินเป็นผู้ริเริ่มการประชุมผู้ถือหุ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์แบบไหนกับตระกูลฉี ซึ่งพวกเขาได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับเธอในทันที แต่พวกเขาก็เชื่อว่าหญิงสาวสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เด็กใหม่อย่างนั้นจะทำอะไรได้?

__

ตอนที่ 220 กินจุ

พวกเขาคาดเดาว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์พิเศษกับตระกูลฉี ไม่ว่าจะเป็นลูกนอกสมรสของนายฉีหรือนายหญิงของเขา ไม่อย่างนั้น ทำไมตระกูลฉีถึงได้ปิดปากเธอไว้แน่น จนไม่มีแม้แต่คำพูดใดเล็ดลอดออกมา พวกเขาไม่สามารถอธิบายความเอื้ออาทรของตระกูลฉีได้เช่นกัน

เจียงเหยาโยนเรื่องทั้งหมดออกนอกหน้าต่างหลังจากวางสาย ถ้าผู้อำนวยการจัดรถมารับ เธอก็จะไป ถ้าไม่ เธอก็ไม่ไป

ตอนนี้เธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงพยาบาล เธอมีอำนาจควบคุมสูงสุดในมือของเธอ อย่างไรก็ตาม ดูจากลักษณะแล้ว การเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ยังมีคนบ้าอำนาจบางคนที่พยายามจะขวางทางเธอ

เธอไม่พอใจผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ริเริ่มการประชุมโดยที่เธอไม่รู้ล่วงหน้า

เธอสงสัยว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นนักศึกษาหรอกหรือ! พวกเขาตั้งใจจัดประชุมเวลา 3 โมงครึ่ง เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถจัดการกับผู้ถือหุ้นวัยเยาว์คนนี้ได้หรือไม่ พวกเขาต้องการดูว่าจุดอ่อนของเธออยู่ที่ไหนและเธอมีกลอุบายอย่างไร

เจียงเหยาคิดไตร่ตรองถึงวิธีการยึดอำนาจควบคุมของผู้ถือหุ้นเหล่านี้ เธอคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดคือการซื้อหุ้นคืนทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อยเหล่านี้ และกลายเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเพียงผู้เดียว การทำเช่นนี้จะทำให้เธอมีอำนาจเด็ดขาดในโรงพยาบาลและไม่มีใครสามารถคัดค้านการตัดสินใจของเธอได้อีก

แม้ว่าความคิดนี้จะดีมาก แต่ก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะสามีที่ร่ำรวยและกล้าหาญของเธอ เธอคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เธอจะมีชีวิตที่ยากลำบากแบบไหน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลู่ชิงสีร่ำรวย แต่เธอไม่ต้องการพึ่งพาเขาไปเสียทุกเรื่อง

สิ่งสำคัญที่สุดของเธอในตอนนี้คือการหาเงินเพิ่ม

เธอตัดสินใจกำหนดมูลค่าเป็นตัวเงินของหุ้นที่คนเหล่านี้มีก่อน และดูว่าจะมีวิธีใดบ้างที่เธอสามารถสร้างเงินได้ตามต้องการ ถ้าเธอไม่มีหนทาง ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถามลู่ชิงสีก่อน เมื่อเธอเป็นเจ้าของโรงพยาบาล เธอสามารถใช้หารายได้และจ่ายเงินคืนให้เขาภายหลัง

คาบเรียนช่วงเช้าสิ้นสุดเวลา 11โมง 10 นาที เจียงเหยาและเหวินเสวี่ยฮุ่ยรอเพื่อนร่วมห้องที่เหลือของพวกเขาที่หน้าทางเข้าโรงอาหารหมายเลข 1 แล้วค่อยเข้าไปพร้อมกันทั้งหกคน

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในโรงอาหาร มัวซึ่งนอนหลับอยู่ในกระเป๋าของเจียงเหยาก็ตื่นทันที เขาซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋า ขณะมองผ่านช่องว่างเล็ก ๆ สังเกตผู้คนและอาหารของพวกเขา

“เจียงเหยา! เจียงเหยา! คนเสื้อสีดำคนนั้นถืออะไรอยู่ในมือ ซอสสีแดงนั่นคืออะไร? ฉันอยากได้ไอ้นั่น!”

มัวถึงกับเตะหลังเจียงเหยาด้วยขาของมัน กลัวว่าเธอจะไม่ได้ยิน

ตามแรงกระตุ้นของเขา เจียงเหยามองไปที่จานขณะที่ชายคนนั้นเดินผ่านพวกเขาไป ซอสสีแดงที่มัวพูดถึงคือซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน

“แน่ใจนะว่าจะกินได้” เจียงเหยาสงสัยออกมาดัง ๆ “ฉันคิดว่าแมวและสุนัขไม่สามารถกินอาหารที่มีซีอิ๊วหรือเกลือได้เสียอีก?”

เจียงเหยาไม่เคยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาก่อน แต่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอาหารมันและเค็มที่ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงกิน

“เธอจะเปรียบฉันกับสัตว์เลี้ยงด้อยค่าพวกนั้นได้อย่างไร ฉันกินอะไรก็ได้ถ้าฉันอยากจะกิน!” มัวจ้องเขม็งไปที่ชายที่เดินผ่าน โดยรู้สึกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในเวลาเที่ยงคือเวลาที่มีมันได้ติดมากับเจียงเหยา

ในที่สุดเจียงเหยาก็สั่งชุดอาหารให้ตัวเองและจัดจานเนื้อให้มัว เมื่อเธอเดินไปที่ที่เพื่อนร่วมห้องนั่งพร้อมกับถาดและกล่องข้าวในมือ สาว ๆ ทุกคนจ้องมาที่เธอราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนวิกลจริต

“เจียงเหยา ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้กินเยอะขนาดนี้เล่า?” โจวเสี่ยวเซี่ยพูดขณะที่ชี้ไปที่กล่องอหาร “นี่เป็นของกินที่จะเก็บไว้กินภายหลังเหรอ?”

“เจียงเหยา เธอ...” หลินเฉียวอยู่นั่งข้างเจียงเหยา เมื่อเธอพูด ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ ขยับจากกล่องอาหารไปที่ท้องของเธอและจ้องไปด้วยความงุนงง “เธอกำลังท้องเหรอ? ฉันจำได้ว่าตอนที่พี่สะใภ้กำลังท้อง เธอกินเยอะมาก เธอสามารถกินอาหารหลายมื้อต่อวัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด