ตอนที่แล้วSign in Buddha's palm 352 (II) ประตูเซียนพิโรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSign in Buddha's palm 353 (II) แผนรับมือ

Sign in Buddha's palm 353 (I) แผนรับมือ (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

Sign in Buddha's palm 353 (I) แผนรับมือ (ฟรี)

การหลบเลี่ยงสายตาสอดส่องจากดวงตาเทพเจ้าปีศาจด้วยสิ่งของภายนอกและการพึ่งพาพลังของตนเองเพื่อหลบซ่อนการตรวจสอบจากดวงตาเทพเจ้าปีศาจ.......เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์

ตัวอย่างเช่น ขอบเขตเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพที่ถือครองสมบัติล้ำค่าโดยกำเนิด นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างกลุ่มเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพได้ แต่เจ้าสามารถเรียกตนเองว่าเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพที่แข็งแกร่งได้หรือไม่

ย่อมไม่สามารถ!

กล่าวได้ว่าสมบัติล้ำค่าโดยกำเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้นแข็งแกร่ง!

แม้จะเป็นเซียนเทพปฐพีที่ถือครองสมบัติล้ำค่าโดยกำเนิดเหล่านี้ไว้ ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม!

ในตอนนี้นักพรตหมื่นกำเนิดอยู่ภายใต้อาณาเขตเทพสงคราม ไม่ได้รับรู้ถึงกลิ่นอายของสมบัติล้ำค่าใดๆ ทั้งสิ้น ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเหลือเกินที่สามารถซ่อนตัวจากสายตาที่สอดส่องลงมาจากดวงตาเทพเจ้าปีศาจได้อย่างง่ายดาย

ดวงตาเทพเจ้าปีศาจเป็นสมบัติที่สร้างโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดและมีความสามารถในการเฝ้าติดตามความเป็นไปบนโลก แม้ว่าผู้ใช้ดวงตาเทพเจ้าปีศาจจะไม่ใช่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แต่ด้วยพลังของสมบัติเพียงอย่างเดียวก็ทำให้สามารถรับรู้ทุกสิ่งได้

หวึ่ง!!!

ดวงตาเทพเจ้าปีศาจยังคงสอดส่องออกมาจากประตูเซียน เมื่อเทียบกับครั้งก่อน ที่เหล่าเจ้าลัทธิร่วมกันกระตุ้นใช้ดวงตาเทพเจ้าปีศาจเพื่อสอดแนมโลกมนุษย์ คราวนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สายตาที่แสนน่าสะพรึงกลัววนเวียนไปทั่วทั้งโลกราวครึ่งชั่วยาม ไม่นานนัก ในที่สุดมันก็ค่อยๆ กลับเข้าประตูเซียนไป

“แข็งทื่อเกินไปหน่อย”

ร่างซูฉินที่ยังคงเป็นภาพลวงตาอยู่ภายในอาณาเขตเทพสงครามมองดูดวงตาเทพเจ้าปีศาจอยู่เงียบๆ ส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย

หากเป็นการจ้องมองมายังโลกมนุษย์ของเทพเจ้าปีศาจจากโลกถ้ำปีศาจจริงๆ นับประสาอะไรกับซูฉินที่ซ่อนตัวอยู่ในอาณาเขตเทพสงคราม แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากวิหารการสงคราม หลบหนีเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่า เขาก็ย่อมถูกค้นพบ ท้ายที่สุดอาณาเขตเทพสงครามของซูฉินในปัจจุบันยังไม่ไปถึงขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ อย่างมากก็สร้างโลกมายาขึ้นมาได้เท่านั้น จะซ่อนตัวจากการจ้องมองของเทพเจ้าปีศาจได้อย่างไร

แม้ว่าดวงตาเทพเจ้าปีศาจจะด้อยกว่าเทพเจ้าปีศาจตัวจริงเบิกเนตรจ้องมองมา แต่สุดท้ายมันก็สร้างขึ้นโดยเหล่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดทั้งหลาย ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ต่อให้ไม่พบซูฉินก็ควรจะหาเบาะแสบางอย่างได้บ้าง แต่ภายในประตูเซียนยามนี้ เหล่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่สามารถกระตุ้นใช้พลังที่แท้จริงของดวงตาเทพเจ้าปีศาจได้เลย

“นายท่าน รีบไปกันเถิด ไม่เช่นนั้นในยามที่เหล่าเจ้าลัทธิทั้งหลายมาถึง......” นักพรตหมื่นกำเนิดจ้องไปที่ประตูหินโบราณขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ รีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

แม้ว่านักพรตหมื่นกำเนิดจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็รู้ว่าชีวิตของตนนั้นอยู่ในกำมือของซูฉินแล้วตอนนี้ ซูฉินสามารถทำให้โพรงภายในช่องว่างระหว่างคิ้วพังทลายได้ในความคิดเดียว จิตวิญญาณอาจดับสูญ และเขาก็จะไม่สามารถสถิตเข้าสู่ร่างใหม่ได้อีก

ดังนั้นในเวลานี้นักพรตหมื่นกำเนิดจึงนึกถึงและใส่ใจซูฉินไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างซูฉินและเหล่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์

จากมุมมองของนักพรตหมื่นกำเนิด ซูฉินนั้นทรงพลังโดยแท้จริง สามารถหลบเลี่ยงการจ้องมองของดวงตาเทพเจ้าปีศาจได้ แต่เมื่อเทียบกับเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบเล็กอย่างประตูเซียน มันก็ยังนับว่าห่างชั้นอยู่

เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีหน้าที่ดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถือครองสมบัติล้ำค่าโดยกำเนิด เว้นแต่จะปะทะเข้ากับทายาทสายตรงของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่ถือครองสมบัติล้ำค่าโดยกำเนิดเช่นเดียวกันเท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้......ส่วนคนอื่นๆ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้

“เจ้าลัทธิกำลังจะมา?”

ซูฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย ส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเขาจะมาไม่หรอก”

“จะไม่มางั้นหรือ?” นักพรตหมื่นกำเนิดตกตะลึงไปชั่วขณะ

“หากเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เต็มใจที่จะมา ครั้งนี้เขาก็คงมาด้วยตัวเองไปแล้ว ไม่ใช่ส่งพวกเจ้าที่เป็นเซียนเทพปฐพีขั้นกลับคืนต้นกำเนิดมาเช่นนี้” ซูฉินกล่าวออกเบาๆ

มันก็เหมือนในตอนนี้ที่ซูฉินไม่สามารถเข้าไปสู่ประตูเซียนได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกมนุษย์ เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ยอมเข้ามาในโลกมนุษย์โดยง่ายแน่ๆ

ในหมู่เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นจุดสูงสุดขั้นสถิตเทพ ตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ย่อมผ่านอุปสรรคขวากหนามมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย ใครจะปล่อยให้ตนเองไปตกอยู่ในอันตรายเล่า?

หากเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ใช้ดวงตาเทพเจ้าปีศาจ ซูฉินก็คงเดาว่าจ้าวแห่งลมและจอมดาบเก้าสัมผัสได้ส่งข้อมูลจากโลกมนุษย์ไปยังประตูเซียนได้สำเร็จก่อนจะตกตายไป

แต่ในท้ายที่สุดดวงตาเทพเจ้าปีศาจก็กวาดผ่านโลกมนุษย์อีกครั้ง

เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นใช้ดวงตาเทพเจ้าปีศาจอีกครั้ง เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลก และพยายามหาสาเหตุการตายของเจ้าแห่งลมและจอมดาบเก้าสัมผัส

…...

ภายในประตูเซียน

ด้านบนวังลอยฟ้า

เหล่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์รวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง การแสดงออกของพวกเขาดูหนักหน่วง

จ้าวแห่งลมและจอมดาบเก้าสัมผัสตกตายกันไปทีละคน ภายในใจของเหล่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุด และไม่ลังเลเลยที่จะใช้ดวงตาเทพเจ้าปีศาจอีกครั้งเพื่อสอดแนมโลกมนุษย์

เพียงแต่ว่า ผลจากการสอดแนมครั้งนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากครั้งก่อน แม้จะตรวจสอบไปหลายต่อหลายครั้ง แม้จะใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วยาม ก็ไม่พบอะไร

“มันเป็นฝีมือของใครกัน?!” เจ้าลัทธิต้าฉือกล่าวออกด้วยเสียงต่ำ

แม้ว่าทั้งสามคนที่เข้าสู่โลกมนุษย์ในครั้งนี้ไม่ใช่ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือ แต่อย่าลืมว่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือเป็นคนมอบสมบัติล้ำค่าออกไปหนึ่งชิ้น

การตายของจ้าวแห่งลมและจอมดาบเก้าสัมผัสนั้นหมายถึงสมบัติล้ำค่าได้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น

เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือจะแบกรับความสูญเสียดังกล่าวได้อย่างไร? ในเวลานับพันนับหมื่นปีที่ผ่านมา มีแต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือเท่านั้นที่ยึดครองสมบัติล้ำค่าของผู้อื่น เคยมีสมบัติล้ำค่าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือถูกแย่งชิงไปเสียเมื่อไหร่?

“อย่าได้ตื่นตระหนกไป”

“ถึงแม้ว่ามันจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่วิธีแก้ไขนั้นก็ง่ายดายเอามากๆ” เจ้าลัทธิไท่อินมองไปที่คนอื่นๆ แล้วกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

“โอ้?”

“แก้ได้ง่ายๆ?”

“เจ้าบอกวิธีแก้มาให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

ดวงตาของเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าฉือ เจ้าขุนเขาเทพพระพายรวมถึงคนอื่นๆ ล้วนเป็นประกาย มองไปที่เจ้าลัทธิไท่อิน

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด