ตอนที่แล้วตอนที่ 203+204 ให้ขี่หลังอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 207+208 อู๋จง

ตอนที่ 205+206 คนพิการ


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 205 คนพิการ

ลู่ชิงสีแบกเจียงเหยามายังลานจอดรถ กระทั่งเจียงเหยาสามารถเดินด้วยตัวเองได้ มีผู้คนมากมายเดินไปมา และยังมีผู้สูงอายุจำนวนมากถือตะกร้ามาจ่ายตลาด ถ้าพวกเขาเห็นหญิงสาวขี่หลังชายหนุ่มอยู่แบบนี้ พวกเขาคงคิดว่าพวกเขาละเมิดศีลธรรมในที่สาธารณะ

เช่นเดียวกับที่หญิงชราบอกพวกเขา แผงขายของที่อู๋จงหาง่ายมาก เมื่อเข้ามาที่ตลาดก็เจอแผงขายรองเท้าใกล้ ๆ ทางเข้าตลาดโดยไม่ต้องถามทาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงแผงลอย ก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

เจียงเหยาและลู่ชิงสีจับมือกับเดินเบียดเข้าไปฝูงชนเพื่อดูสถานการณ์ ปรากฏว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งของอู๋จงกล่าวหาว่าเขาทำรองเท้าเสียหาย ตอนนี้เรียกร้องให้อู๋จงจ่ายค่าชดใช้

คนรอบข้างทนไม่ไหว ต่างตะโกนออกไปว่า “ต้องซื่อสัตย์หน่อยสิ! เขาจะทำให้รองเท้าคุณเสียหายเพราะขัดมันนี่นะ? เขาหาเงินได้เพียง 2หยวนจากการขัดรองเท้าหนังให้คุณ หักค่าน้ำมันขัดเงา เขาก็ได้แค่หยวนเดียว นี่คุณยังจะให้เขาจ่ายค่าชดใช้คุณถึง 20 ดอลลาร์เลยเหรอ? คุณมันเป็นคนแบบไหนกัน?!”

“อีกอย่าง ดูรองเท้าของคุณสิ ดูก็รู้แล้วว่าใช้มานานแค่ไหน? นี่คิดจะให้เขาจ่ายค่ารองเท้าคู่ใหม่ให้หรือไง ขู่กรรโชกกันชัด ๆ!” ผู้คนที่ผ่านไปมากล่าวขึ้น

แม้จะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงเหยาก็เห็นว่ารองเท้าหนังของชายคนนั้นไมได้รับเสียหายจากการขัดเงินอย่างแน่นอน แค่ชำเลืองดูก็รู้แล้ว ว่ามันเสียหายจากการที่เขาเผลอเดินเตะเข้ากับอะไรบางอย่าง

เธอมองไปที่ลู่ชิงสี และดึงแขนเสื้อเขากระซิบบอก “ลูกค้าคนนั้นต้องเป็นนักเลงท้องถิ่นที่พยายามจะรีดไถคนอื่น!”

“ถ้าฉันบอกว่าเขาทำพัง ก็ต้องเป็นไปตามนั้น! ถ้าอยากปฏิเสธก็เอาหลักฐานมาสิ! รองเท้าหนังของฉันเสียจากเพราะเขา! ถึงจะไม่ใช่ของใหม่ แต่ฉันก็ต้องใช้เงินซื้อคู่ใหม่ทดแทนคู่ที่เสียหาย ต้องใช้เงินอีกยี่สิบเหรียญ!” ลูกค้าพูดขณะคีบบุหรี่ระหว่างริมฝีปากของเขา เมื่อเปิดปากพูดควันบุหรี่จึงพุ่งออกมาเป็นโขมง

เขาเตะแผงขายของอู๋จง ในขณะที่เขากำลังหงุดหงิดและต่อว่าอย่างนิสัยเสีย “แกมันไอ้พิการ! ถ้าไม่ยอมจ่ายยี่สิบเหรียญซะตอนนี้! พอถึงเวลานั้น รองเท้าของฉันคงมีราคาเพิ่งเป็นสอง สามร้อยเหรียญ!”

ฝูงชนรู้ว่าควรหลีกเลี่ยงปัญหาเมื่อได้ยินนักเลงอาละวาดมากขึ้น ฝูงชนมากกว่าครึ่งต่างแยกย้ายกันออกไป แต่ยังมีบางส่วนที่มุงดูด้วยความสนุก แม้จะมีคนสูงวัยสองสามคนที่ยืนอยู่และวิพากษ์วิจารณ์เขา

คนที่มาตลาดคือคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ อู๋จงอาศัยอยู่ที่นี่สองสามปีแล้ว ทุกคนต่างรู้จักเขา พวกเขารู้ว่าอู๋จงเป็นคนที่ซื่อสัตย์ แม้ว่าเขาจะเป็นคนเก็บตัว แต่เขาทำงานหนักและช่วยเหลือตัวเองได้ดี แม้จะเป็นคนพิการและไม่มีงานอื่นทำ เขาจึงได้เลือกมาตั้งแผงขัดรองเท้า ในบางครั้งเพื่อนบ้านจะมาตามเขาไปทำงานอื่นบ้างและคนที่รู้จักกันก็มักจะช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ

เพื่อนบ้านรู้ว่าจำนวนที่อู๋จงได้รับในแต่ละวันไม่มาก ในหนึ่งเดือนเขาไม่สามารถหาเงินได้ยี่สิบเหรียญเสียด้วยซ้ำ นักเลงที่เรียกร้องเงินถึงยี่สิบเหรียญก็มาเรียกร้องเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์นี้ ก็คงจะพอจ่ายได้!?

“ทำไมถึงพูดแต่เรื่องไร้สาระ? ถ้ามีเวลา ก็เข้ามาสิ” ลู่ชิงสีปล่อยมือจากเจียงเหยา และขอให้เธอรออยู่ที่ด้านข้างก่อนจะเดินตรงไปหาอู๋จง เขาพูดขึ้นว่า “อู๋จง ถึงแม้ขานายจะไม่แรงไม่พอ แต่ฉันว่าแค่หมัดของนายก็ชกหมอนี้ให้ตายได้ไม่ใช่เหรอ?”

ก่อนที่ทุกคนจะโต้ตอบ ลู่ชิงสีก็เตะนักเลงคนนั้นให้คุกเข่าลง “เฮ้ย เมื่อกี้แกเรียกใครว่าไอ้พิการวะ? หืม?”

“แกเป็นใคร!” นักเลงคุกเข่าลงด้วยความเจ็บปวด เขาตะโกนก่อนจะเงยหน้าขึ้น “เขามาแส่เรื่องของฉันทำไมวะ?”

__

ตอนที่ 206 ให้เกียรติ

ใบหน้าของลู่ชิงสีเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “แกรู้ไหมว่าคนที่แกเรียกว่าคนพิการนี่เป็นใคร? แล้วแกรู้ไหมว่าขาของเขาได้รับบาดเจ็บเพราะอะไร”

ในตอนนี้หัวใจของลู่ชิงสีเย็นชาและเวิ้งว้าง “ฉันจะบอกแกให้ อู๋จงเป็นทหารปลดประจำการ ขาของเขาได้รับบาดเจ็บจากข้าศึกระหว่างปฏิบัติหน้าที่! ถ้าไม่ใช่เพราะทหารอุทิศตนและกล้าหาญอย่างอู๋จง แกจะมีโอกาสได้มีชีวิตอยู่แบบนี้ไหม ตอนที่ทหารแข็งแรง พวกเขาหลั่งเลือดเพื่อปกป้องคนอย่างแก แม้ว่าพวกเขาจะปลดประจำการเพราะอาการบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็ไม่สมควรที่จะถูกนังเลงอย่างแกรังแก!”

ลู่ชิงสีทนไม่ได้ที่จะเห็นทหารปลดประจำการถูกรังแก

ความทุพพลภาพของอู๋จงคือเกียรติ รูปแบบของการเสียสละ! มันไม่มีทางเป็นเรื่องที่ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกไปได้

เขาไม่สามารถลืมได้เลยว่าอู๋จงได้เสียสละขาของเขาเพื่อช่วยชีวิตคนมากมายในภารกิจนั้น

“นายท่านลู่?” อู๋จงตกตะลึงเมื่อเห็นใครบางคนยื่นมือเข้ามาช่วยเขา เมื่อเขาจำชายหนุ่มคนนั้นได้ เขาก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

อู๋จงอายุมากกว่าลู่ชิงสีมาก ตอนที่ลู่ชิงสีเข้าร่วมกองทัพ เขาไม่ได้อยู่ค่ายเดียวกัน แต่ทั้งคู่ได้ร่วมมือกันในหลายภารกิจ พวกเขาเป็นคู่หูกันและกัน และได้ผ่านประตูนรกมาด้วยกันหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ในกอง อู๋จงติดนิสัยเรียกลู่ชิงสีว่านายท่านลู่ เหมือนคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เปลี่ยนการเรียกกระทั่งปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามลู่ชิงสีมักอยู่ที่เมืองจินโดเสมอ ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจที่เห็นลู่ชิงสีปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน

คำพูดของลู่ชิงสีทำให้อู๋จงน้ำตาไหล ในช่วงหลายปีหลังจากปลดประจำการ เขาถูกต่อว่า ว่าเป็นคนพิการนับไม่ถ้วน หลายคนถามเขาว่าขาของเขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร แต่เขาไม่เคยพูดว่าเขาเป็นทหารปลดประจำการ และเขาไม่ได้พูดว่าขาของเขาได้รับบาดเจ็บเพราะอะไร

เขารักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของเขาในฐานะทหาร เขาไม่เคยต้องการทำให้กองทัพเสียเกียรติและไม่เคยเต็มใจที่จะใช้ตัวตนของเขาในฐานะทหารปลดประจำการเพื่อแสวงหาความเห็นอกเห็นใจ

คำพูดของลู่ชิงสีทำให้คนรอบข้างแสดงความเคารพต่ออู๋จง ในตอนนั้น ทหารคือวีรบุรุษในดวงใจของทุกคน

“อู๋จง นายเป็นทหารปลดประจำการเหรอ? ทำไมไม่บอกพวกเราเล่า?” เพื่อนบ้านที่รู้จักเขาถามขึ้น

“พี่จง” ลู่ชิงสีหันหน้าไปพูดกับอู๋จง “รอแปบ ฉันจะมาหาพี่หลังจากที่ฉันได้สอนบทเรียนให้ไอ้นักเลงคนนี้เสียก่อน”

“ได้โปรด ไว้ชีวิตฉันด้วย...ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นทหารปลดประจำการ ฉันผิดไปแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว..” นักเลงรู้ว่าเขาไม่สามารถทำให้คนตรงหน้าขุ่นเคืองได้ ดังนั้นเขาจึงรีบขอโทษ เขารีดไถผู้คนมานับไม่ถ้วนและรู้ดีเกี่ยวกับประเภทของคนที่เขาสามารถคุกคามได้หรือไม่ได้เป็นอย่างดี

คนทั่วไปไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าที่คนตรงหน้าเขาสวมได้ และรัศมีที่เย็นเยียบและเฉียบคมราวกับใบมีดน้ำแข็งนี้

“นายท่านลู่ ปล่อยเขาไปเถอะ” อู๋จงดึงลู่ชิงสีและส่ายหน้าเบา ๆ

ในขณะที่เขายังอยู่ที่นี่ ถ้าเขาลงเอยด้วยการทำไม่ดีต่อคนแบบนั้น หลังจากที่ชายหนุ่มกลับไป คนพวกนี้คงจะหันมาสร้างปัญหาเพิ่มให้กับเขาอย่างแน่นอน เขาไม่ได้สนใจแต่เขากังวลว่าเพื่อนบ้านที่ไม่รู้เรื่องด้วยจะต้องยุ่งยากไปด้วย

“ไสหัวไป!” ลู่ชิงสีรู้ว่าอู๋จงกังวลเรื่องอะไร หลังจากครุ่นคิด เขาก็เตะนักเลงนั้นอีกครั้งและบอกให้เขารีบไปเสีย นักเลงนั้นรีบวิ่งออกไปทันที

“จบเรื่องแล้ว ทุกคนกลับกันไปเถอะ” อู๋จงแยกย้ายฝูงชนและเก็บร้าน เพราะลู่ชิงสีมาที่นี่ เขาจะยังตั้งร้านได้อีกอย่างไร

ทุกคนกลัวจะเกิดปัญหา เมื่อเห็นว่าฝูงชนแยกย้ายกันไปหลังจากที่พวกเขาได้ยินคำพูดของอู๋จง มีชายสองสามคนที่ไม่กลัว แต่พวกเขารู้ว่าอู๋จงคงต้องตามสหายของเขาไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อ้อยอิ่งอยู่รอบ ๆ ตรงนั้นอีกต่อไป

อู๋จงดีใจมากที่เห็นลู่ชิงสี หลังจากที่เขาเก็บของแล้ว เขาก็เชิญลู่ชิงสีไปทานอาหารที่บ้านของเขา

 

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด