ตอนที่แล้วบทที่ 537 กลับมาทำไมกันแน่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 539 ความเมตตา

บทที่ 538 ประตูไม้มะฮอกกานี(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 538 ประตูไม้มะฮอกกานี

“ฟู่~!” จี้เฟิงค่อยๆดึงมือกลับ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่ง่ายเลยแฮะ... ฉันเกรงว่าสุดท้ายแล้วฉันจะเหนื่อยฟรียังไงก็ไม่รู้”

จี้เฟิงส่ายหัวและเดินออกมา แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อเซียวหยวนฮุยยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู จี้เฟิงยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาและพบว่ามันผ่านมาเกือบสี่สิบนาทีแล้ว เจ้าเด็กนี่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ขยับไปไหนเลยเหรอ?

“เซียวหยวนฮุย นายมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?” จี้เฟิงถามขึ้น แต่เมื่อพูดจบ เขาก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เอ่อ ขอโทษที ที่นี่บ้านของนายนี่นา ฉันถามแบบนี้มันคงแปลกๆสินะ ช่างเสียมารยาทจริงๆเลย!”

“พี่เฟิง เมื่อกี้พ่อกับน้าบอกกับผมว่าพี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ดังนั้นที่นี่ก็คือบ้านของพี่เหมือนกัน...” เซียวหยวนฮุยรีบพูดจากนั้นเขาก็เกาหัวและพูดอย่างเขินอายว่า “ญาติผู้พี่ เมื่อกี้ผมไม่รู้จริงๆว่าพวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่พี่เก่งจริงๆนะ!”

แม้ว่าจี้เฟิงจะเย็นชากับคนของตระกูลเซียว แต่สำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ จี้เฟิงรู้สึกว่าเขาไม่อยากเป็นคนพาล ความคับข้องใจที่มีต่อคนรุ่นหนึ่ง ย่อมไม่เกี่ยวพันกับคนอีกรุ่นหนึ่ง เด็กคนนี้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย จี้เฟิงจึงไม่จำเป็นต้องเย็นชาใส่เขา

จี้เฟิงไม่รู้ตัวเลยว่าเขานั้นอยู่ในตำแหน่งที่สูง และถือว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นเด็ก อันที่จริงนี่เป็นการแสดงความเป็นผู้ใหญ่ ถ้าพูดให้ถูกคือเป็นการแสดงออกของผู้ที่มีวุฒิภาวะสูง

ในที่สุดใบหน้าของจี้เฟิงก็ปรากฏรอยยิ้มเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขามาถึงหมู่บ้านเซียงเจียจวง เขาพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “นายก็ใจกล้าไม่เบา!”

เซียวหยวนฮุยพูดอย่างเขินอายว่า “ญาติผู้พี่ พ่อกับอาอยู่ที่ห้องตะวันตก พวกเขาฝากมาบอกว่าถ้าพี่ออกมาแล้วให้ไปพักผ่อนรอที่ห้องตะวันออก”

จี้เฟิงไม่ต้องการแบบนั้น เขาส่ายหัวและตอบว่า “ไม่ล่ะ ฉันจะตรงไปที่ห้องตะวันตกเลย ส่วนนายก็ไปทำธุระของตัวเองเถอะ!”

เซียวหยวนฮุยไม่ได้สนิทกับญาติผู้พี่คนนี้ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่เดินตามหลังญาติผู้พี่ที่กำลังเดินไปห้องตะวันตก

เมื่อจี้เฟิงเดินมาถึงห้องตะวันตก เขาก็เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปทันที

“เสี่ยวเฟิง เป็นยังไงบ้าง?!” เมื่อเห็นจี้เฟิงเดินเข้ามา เซียวซูเหม่ยก็ถามด้วยความร้อนใจ

จี้เฟิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “สถานการณ์ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาการของเขาไม่เหมือนกับของคุณปู่ ชายชราผู้นี้เป็นโรคมะเร็ง แม้ว่าเขาจะได้รับการรักษาอย่างดี แต่ร่างกายของเขาก็ไม่ดีนัก แต่การรักษาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สรุปแล้ว ถ้ารักษาเสร็จ อาการอื่นๆน่าจะดีขึ้น ส่วนสภาพร่างกายก็เป็นไปตามอายุ!”

โอ้!

ดวงตาของเซียวซูเหม่ยและเซียวกั๋วชิ่งเป็นประกายพร้อมกัน แม้ว่าจี้เฟิงจะอธิบายอาการด้วยท่าทีเฉยเมย แต่เนื้อหาของคำพูดนั้นกลับทำให้ทั้งสองคนดีใจมาก พวกเขาไม่หวังว่าพ่อของพวกเขาจะมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี ตราบใดที่พ่อของพวกเขาไม่ต้องเจ็บป่วยทรมานและปลอดภัยดี พวกเขาก็พอใจมากแล้ว

“แม่ วันนี้ก็ได้แค่นี้แหละ พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่!”

สีหน้าของเซียวซูเหม่ยเปลี่ยนไปทันที ส่วนเซียวกั๋วชิ่งกับหญิงชราก็มีใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา โดยเฉพาะหญิงชรา เธอไม่ได้เจอลูกสาวมานานกว่าสิบปีแล้ว ตอนนี้เพิ่งได้พบปะพูดคุยกันไม่นาน ลูกสาวจะต้องกลับไปอีกแล้วงั้นหรือ?

“ซูเหม่ย เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ?” หญิงชราอดถามไม่ได้ “วันนี้ค้างที่นี่เถอะ ให้เสี่ยวเฟิงพักอยู่ด้วยกันที่นี่แหละ ตกลงไหม?”

เมื่อเห็นแววตาของผู้เป็นแม่ เซียวซูเหม่ยก็อยากจะตอบตกลง แต่เหมือนจี้เฟิงจะรู้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ พวกเราจองโรงแรมในเมืองไปแล้วนะ ต่อให้พวกเราไม่กลับไปพัก ก็ต้องจ่ายค่าห้องอยู่ดี!”

เซียวซูเหม่ยลังเลขึ้นมาทันที ใจหนึ่งก็อยากอยู่ ใจหนึ่งก็ไม่อยากขัดใจลูกชาย

จี้เฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า “แม่ เราตกลงกันแล้ว!”

ตามความคิดของจี้เฟิง เขาจะไม่นอนค้างที่นี่อย่างแน่นอน ใครมันจะอยากอยู่ต่อในที่แบบนี้!

ยิ่งไปกว่านั้น จี้เฟิงยังรู้ว่าถ้าคืนนี้เขายอมอาศัยอยู่ที่นี่ แม่ของเขาจะต้องตะล่อมให้เขาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน สุดท้ายก็ต้องพูดคุยสนิทสนม และการอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกันแบบนี้ไม่เท่ากับว่าเป็นการยอมรับความเป็นครอบครัวไปโดยปริยายหรอกหรือ? ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่จี้เฟิงต้องการอย่างแน่นอน!

อย่าแม้แต่จะคิด!

จี้เฟิงอดพ่นลมออกจมูกไม่ได้ แม่อยากจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเซียวค่อยๆผ่อนคลายลง เขาสัญญากับแม่ในเรื่องอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ตอบตกลงในเรื่องนี้

หลังจากรักษาชายชราเสร็จ เขาก็จะจากไปโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเป็นกังวลอะไรอีก ถ้าตามธรรมเนียมของชนบท จี้เฟิงเป็นคนของตระกูลจี้ สำหรับตระกูลเซียวแล้ว เขามีศักดิ์เป็นแค่หลานชาย แต่ในเมื่อในอดีตเขาถูกเรียกว่า ‘เด็กพันทาง’ นั่นก็หมายความว่าเขาได้กลายเป็นคนนอกไปแล้ว

จี้เฟิงอดยิ้มขมขื่นในใจไม่ได้ ตอนนี้แม่เริ่มใช้กลยุทธ์ไม้อ่อนกับเขาแล้ว....

สำหรับแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผิดหรือเขาต้องเหนื่อยยากแค่ไหน เขาก็พร้อมที่จะทำให้เสมอ แต่สำหรับคนตระกูลเซียวเหล่านี้ แม้ว่าแม่ของเขาจะขอร้อง จี้เฟิงก็ไม่ต้องการจะข้องเกี่ยวไปมากกว่านี้แล้ว ไม่มีทาง!

“เสี่ยวเฟิง...” เซียวซูเหม่ยกำลังจะพูดหว่านล้อม แต่พอเห็นจี้เฟิงชักสีหน้า หัวใจของเธอก็เต้นรัว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกชายของเธอจะอยู่ต่อสักคืน เธอเข้าใจนิสัยของลูกชายตัวเองเป็นอย่างดี เมื่อสีหน้าของลูกชายจริงจังแบบนี้ การที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งเวลาและสถานที่ในตอนนี้ก็ไม่เหมาะสม!

“แม่ กลับกันเถอะ!” เสียงของจี้เฟิงไม่ได้ดังและไม่ได้เบาจนเกินไป แต่ก็ทำให้ผู้คนไม่สามารถโต้แย้งได้

หญิงชราน้ำตาคลอเบ้าทันที เธอจับมือลูกสาวไว้ไม่ยอมปล่อย “ซูเหม่ย... ลูกจะไปจริงๆเหรอ?”

จี้เฟิงเริ่มจะหมดความอดทน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพยายามสงบสติอารมณ์และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “แค่กลับไปที่โรงแรม ไม่ใช่ว่าจะไม่มาอีก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาอีก!”

ถึงจี้เฟิงจะพูดแบบนั้น แต่หญิงชราก็ยังคงน้ำตาคลอเบ้าและสะอึกสะอื้น “ซูเหม่ย ตอนนั้นพ่อของลูกหัวรั้นเกินไป แม่ห้ามเขาไม่ได้ จึงทำให้ลูกต้องจากไปนานกว่าสิบปี ตอนนี้แม่ไม่อยากให้ลูกจากไปอีก เพราะมันทำให้แม่กลัวว่าก่อนที่แม่จะตายแม่จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีก”

รอยย่นปรากฏขึ้นที่หัวคิ้วของจี้เฟิง ในใจของเขาตอนนี้เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว หญิงชราคนนี้ทำไมถึงยังทำตัวแบบนี้อีก?

แต่ตอนนี้จี้เฟิงรู้ดีว่าไม่ใช่จังหวะเวลาที่จะพูดซ้ำซาก เขาทำได้แค่เพียงมองแม่ของเขาอย่างเงียบๆ

เซียวซูเหม่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวเฟิง เอาอย่างนี้เถอะ พวกเราก็กลับกันช้าหน่อย ขอแค่กลับเข้าไปในเมืองก่อนมืดก็น่าจะโอเคแล้ว เอาแบบนี้แล้วกันเนอะ?”

เมื่อจี้เฟิงเห็นว่าแม่ของเขาลำบากใจและยังไม่อยากกลับตอนนี้จริงๆ เขาก็ได้แต่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ถ้าแม่ต้องการแบบนั้น... แต่ยังไงก็ตาม เราต้องกลับไปก่อนหกโมง ไม่อย่างนั้นหากท้องฟ้ามืด แล้วเส้นทางในชนบทแบบนี้ การขับรถจะลำบากและเป็นอันตรายได้!”

“โอเคๆ ดีๆ เอาแบบนี้แหละ!” เซียวซูเหม่ยพยักหน้ารับทันที การที่ลูกชายยอมอ่อนข้อให้ถึงขั้นนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ได้มายากแล้ว

จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ผลักประตูและเดินออกไป

“แม่คะ เสี่ยวเฟิงน่ะ... เจ้าเด็กคนนี้เป็นคนดื้อรั้นนิดหน่อย แต่เขาไม่ใช่คนดื้อรั้นแบบไม่มีเหตุผลนะคะ แม่อย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลย!” เมื่อเห็นลูกชายของเธอเดินออกไป เซียวซูเหม่ยก็จับมือแม่ของเธอและพูด

“จะโทษเสี่ยวเฟิงได้อย่างไร? ทุกอย่างมันเป็นความผิดของตาเฒ่าสมควรตายนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นแก่ตัว เห็นแก่หน้าตามากกว่าสายเลือด ก็คงไม่ทำให้สถานการณ์อย่างในวันนี้เกิดขึ้นหรอก!” หญิงชราอดไม่ได้ที่จะก่นด่าด้วยความคับข้องใจ

เซียวกั๋วชิ่งที่อยู่ด้านข้างได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพ่อคนเดียวทั้งหมด ทั้งพี่ใหญ่ น้องสามและคนอื่นๆ ต่างก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน พวกเขาด่าเซียวซูเหม่ยและจี้เฟิงอย่างออกนอกหน้ามากกว่าใครๆ แถมยุยงพ่ออีกด้วย!

“ซูเหม่ย เรื่องนี้โทษเสี่ยวเฟิงไม่ได้จริงๆนั่นแหละ เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันก็โกรธเคืองแบบนี้เหมือนกัน....” เซียวกั๋วชิ่งถอนหายใจเบาๆ “เรื่องเมื่อในอดีต.. พี่ใหญ่และน้องคนอื่นๆทำเกินไปจริงๆ”

เซียวซูเหม่ยส่ายหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “เรื่องในอดีตไม่ต้องไปพูดถึงมันแล้ว ครั้งนี้ที่ฉันมาก็เพื่อมาหาแม่และมาดูอาการของพ่อ ว่าควรจะจัดการรักษาอย่างไรดี ส่วนเรื่องอื่นก็อย่าไปพูดถึงอีกเลย!”

เซียวกั๋วชิ่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ เห็นได้ชัดว่าคนที่ยังแค้นฝังใจกับเรื่องในอดีตไม่ได้มีเพียงแค่เสี่ยวเฟิงเท่านั้น แต่ภายในใจของเซียวซูเหม่ยก็ยังมีความแค้นอยู่เช่นกัน แต่เป็นเพราะในเวลานี้ พ่อกับแม่ของพวกเขาอายุมากแล้ว เธอจึงต้องเก็บความแค้นเหล่านี้ไว้ในใจ ไม่ได้พูดออกมาเลย

“ญาติผู้พี่!”

ทันทีที่จี้เฟิงเดินออกมาจากห้องตะวันตก เขาก็เห็นเซียวหยวนฮุยยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตู “ญาติผู้พี่ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ถ้าพี่ว่าง ไปเล่นที่บ้านผมกันมั้ย?!”

จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “ที่บ้านนายมีอะไรให้เล่นบ้างล่ะ?”

“เอ่อ... ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน” เซียวหยวนฮุยอดหน้าแดงไม่ได้ เด็กๆในครอบครัวชนบท ส่วนใหญ่ก็จะเล่นดินเล่นโคลน หรือไม่ก็หนังสติ๊ก แต่ในฤดูหนาวแบบนี้ ไม่มีอะไรสนุกๆให้เล่นเลยจริงๆ

จี้เฟิงมองไปรอบๆและถามขึ้นว่า “บ้านของนายใช่บ้านที่มีประตูไม้สีแดงหรือเปล่า?”

“เอ๋?” เซียวหยวนฮุยประหลาดใจเล็กน้อย “ญาติผู้พี่ พี่เคยไปบ้านเราแล้วเหรอ?”

“สรุปว่ามีจริงๆเหรอ?!” จี้เฟิงขมวดคิ้วถาม

“ใช่ครับ มีประตูไม้สีแดง แต่ตอนนี้สีมันจางไปหมดแล้ว แทบดูไม่ออกเลยว่ามันเคยเป็นสีอะไร...”  เซียวหยวนฮุยพูดด้วยความแปลกใจ “แต่ญาติผู้พี่กลับรู้ น่าอัศจรรย์มาก!”

จี้เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ไปบ้านของนายกัน ฉันอยากไปดู!”

เซียวหยวนฮุยตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ญาติผู้พี่ก็ตามผมมาเลย!”

จี้เฟิงหันหน้าไปในห้องและตะโกนว่า “เสี่ยวอิง คอยดูแลแม่ของฉันอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากจะทำร้ายแม่ของฉันหรือมีโอกาสที่จะทำให้แม่ของฉันเกิดอันตราย ก็อย่าพูดให้เสียเวลา!”

เซียวหยวนฮุยที่เดินนำไปด้านหน้าตกใจจนขาอ่อนยวบจนแทบจะล้มลงกับพื้น

แต่จี้เฟิงไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา เพราะเขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

ถ้าจำไม่ผิด ในความทรงจำของเขา ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนบางอย่างในความทรงจำที่พอจะจำได้แต่เลือนรางมาก และบางครั้งความจำนั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา มันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยอาศัยอยู่ในบ้านที่มีประตูไม้มะฮอกกานีเมื่อตอนที่เขายังเด็ก

ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนว่าจะเป็นความทรงจำเดียวของเขาที่ไม่ได้ถูกรังแก แต่เนื่องจากเขายังเด็กเกินไป จึงทำให้ความทรงจำเหล่านี้ดูคลุมเครือมาก มันเป็นไปได้ทั้งความเป็นจริงและความฝัน จึงทำให้เขาไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ใครจะรู้ เขาอาจจะถูกรังแกจนฝันว่าจะมีวันที่ไม่ถูกรังแกบ้างก็ได้!

แต่เมื่อเขามาถึงที่บ้านของเซียวหยวนฮุย เขาก็รู้สึกถึงความคุ้นเคย ราวกับว่าภาพที่เคยปรากฏขึ้นมาในหัวของเขามันเป็นบ้านหลังเดียวกันกับบ้านของเซียวหยวนฮุย!

หากเป็นแบบนั้นจริง นี่อาจหมายความว่า มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ดุด่าให้เขาต้องอับอายและอาจจะช่วยเหลือเขากับแม่ในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด นั่นก็คือพ่อของเซียวหยวนฮุย!

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในวันนี้แล้ว อารมณ์ของจี้เฟิงที่มีต่อเซียวกั๋วชิ่งก็ค่อนข้างซับซ้อนมากขึ้น!

...จบบทที่ 538~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด