ตอนที่แล้วWMR ตอนที่ 9 การโต้กลับจากบอลน้ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWMR ตอนที่ 11 คืนยาวนานที่นอนไม่หลับ

WMR ตอนที่ 10 เดินละเมอสกปรก


กำลังโหลดไฟล์

TL: ระวังตอนกินข้าวด้วยครับ

ขณะหมดสติกู้เป่ยมีความฝันอีกอย่างหนึ่ง

ย้อนกลับไปยังสมัยเรียนมัธยมต้น ในช่วงบ่ายที่ชวนนอน เวลานั้นครูสอนภาษาอังกฤษไว้ผมบ็อบกำลังยืนอยู่บนโพเดียมโดยหันหน้าเข้ากระดานดำขณะกระแทกชอล์คกับกระดานซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดเสียงทื่อ ๆ

เขารู้สึกเวียนหัว

กู้เป่ยไม่เห็นสิ่งที่เขียนบนกระดานดำ ทุกสิ่งรอบตัวเขาดูเหมือนจะไม่อยู่ในโฟกัส เขาทำได้เพียงจ้องไปยังรอยยับบนเสื้อด้านหลังของครูสอนภาษาอังกฤษ ราวกับทุกสิ่งค่อย ๆ ไกลออกไปมาขึ้นเรื่อย ๆ แต่มีเพียงเส้นหัวเข็มขัดที่เด่นชัดภายใต้เสื้อสเวตเตอร์สีชมพูเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจน แม้ในรายละเอียดที่เล็กที่สุดก็ตาม

กู้เป่ยรู้สึกว่าคอและใบหน้าของเขาเริ่มคันหลังจากดูนานเกินไป

ทันใดนั้น ครูสอนภาษาอังกฤษก็หันกลับมาเผยให้เห็นใบหน้าของลุงวัยสี่สิบ  สวมแว่นและทาลิปสติก นั่นคือเจ้านายของเขา

จากนั้นเจ้านายก็ชี้มาที่กู้เป่ยก่อนจะตะโกน “บาลาล่า เปลี่ยนร่าง!”

“...”

เป็นอีกครั้งที่กู้เป่ยตื่นขึ้นด้วยความตกใจ

เป็นอีกครั้งที่เขาตื่นจากความฝันประหลาด เขารู้สึกคลื่นไส้ เหมือนอยู่ในรถไฟที่แออัดราวกับปลากระป๋องเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง โชคดีที่เขาไม่ได้ถูกมัดไว้ในที่แปลก ๆ อีกต่อไป เขาไม่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวอย่างเช่นที่รู้สึกก่อนหน้า มีเฉพาะใบหน้าด้านซ้ายของเขาเท่านั้นที่เจ็บปวด และดูเหมือนจะบวมเล็กน้อย

แก้มซ้าย....

กู้เป่ยค่อยๆ รู้สึกตัว และจำทุกอย่างได้

เขาถูกมิเชลชกเข้าที่แก้มซ้ายอย่างแรง และต่อจากนั้น... จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย บางทีเขาอาจจะสลบจากการกระแทก ฝันประหลาด และตื่นขึ้นมาที่นี่

เกิดอะไรขึ้น?

เขาลืมตา แต่กลับพบว่ารอบ ๆ ตัวเขานั้นมืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย ทำให้ชั่วขณะหนึ่งเขาหลงคิดไปว่าเขาตาบอด เขาพยายามขยับแขนขาและพบว่ายังปกติดี ความรู้สึกต่อมาคือบางสิ่งอ่อนนุ่มที่อยู่ใต้ตัวเขา

มันคล้ายกับเตียงขนาดเล็กของเขา

เขากลับมาแล้วงั้นเหรอ? ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันที่ยาวนานเท่านั้น?

เขาสัมผัสสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังอีกครั้ง  ไม่ นี่มันไม่ใช่บ้านของเขา! เสียงลูกตุ้มแผ่วเบาดังเข้ามาในหู แต่เขามั่นใจว่ามันไม่มีมีนาฬิกากลไกโบราณในบ้านของเขา นอกจากนี้เนื้อสัมผัสของเตียงยังละม้ายคล้ายคลึงกับเตียงราคาหลายพันหยวนในอิเกีย เขาเคยสัมผัสมันมาแล้วหลายครั้ง แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถจ่ายได้ ดังนั้นนี่จะต้องเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของเขาอย่างแน่นอน

“เฮ้ มีใครอยู่ไหม” หลังจากไตร่ตรองแล้ว กู้เป่ยก็ตัดสินใจที่จะระมัดระวังมากขึ้นและถามออกไป

ไม่มีการตอบกลับ

กู้เป่ยเรียกอีกครั้งในใจโดยหวังว่าระบบจะรู้บางอย่างที่เขาไม่รู้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนระบบจะหายไปด้วยเช่นกันถ้าไม่ใช่เพราะอักขระสามเหลี่ยมสีฟ้าอ่อนที่ยังคงส่องอยู่ในมิติแห่งจิตสำนึกของเขา กู้เป่ยคงคิดว่าเขาได้พบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ(ผี)

อักขระยังแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน และเขายังไม่ได้เดินทางกลับไปยังโลกเดิม

เนื่องจากเขายังอยู่ในโลกนี้ทำให้เหลือเพียงคำถามเดียวเท่านั้นที่เขาสงสัย: มิเชลทำอะไรหลังจากที่ชกเขาจนสลบ?

หลังคิดเรื่องนี้อยู่ห้านาที เขาก็ตระหนักว่าการนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย มิเชลไม่ได้ฆ่าเขาหรือใส่ร้ายให้คนทำความสะอาดชำละล้างเขาซึ่งนับเป็นเรื่องดี แม้กู้เป่ยจะรู้ว่ามิเชลต้องการเขา แต่จนกระทั่งใช้คาถาวอเทอร์บอลเขาก็ยังไม่มั่นใจ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า ถ้ามิเชลฆ่าเขาจริง ๆ?

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด

เมื่อคิดได้ดังนั้นอารมณ์ของกู้เป่ยก็ผ่อนคลายลงมาก ถึงตรงนี้เขาแทบไม่ได้ควบคุมชีวิตของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จะมากังวลทุกอย่างเอาตอนนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา? และเนื่องจากมิเชลยังต้องการเขาอยู่เธอจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้ว่าเขาจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสมก็ตาม

ดังนั้นกู้เป่ยจึงลุกออกจากเตียง

ขณะคลำหาเขาพบรองเท้าคู่หนึ่งวางอยู่ข้างเตียงและสวมมัน พร้อมกันนั้นเขายังพบบางอย่างที่ทำจากเหล็กวางอยู่ด้านใต้ เขาสัมผัสมันด้วยมือ และพบว่ามันก็แข็งและหนัก มีรูปร่างคล้ายเหยือกหรืออะไรซักอย่าง

กู้เป่ยทำตามหัวใจและนำมันติดตัวไปด้วยเพื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว

เมื่อก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเขาก็เจอเข้ากับประตู มันมีที่จับซึ่งให้ความรู้สึกค่อนข้างทันสมัย กู้เป่ยลองบิดมันดูและมันก็เปิดออกปล่อยให้แสงสลัวลอดผ่านเข้ามา หัวใจของกู้เป่ยเริ่มสงบลง ไม่ว่าใครหากต้องมองไม่เห็นเป็นเวลานานจะต้องรู้สึกกลัวอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามแสงที่สอดผ่านเข้ามานั้นบางเบาเกินกว่าจะเรียกว่าแสงได้

ด้วยแสงอันน้อยนิดกู้เป่ยพยายามมองออกไปด้านนอก ดูเหมือนที่นี่จะเป็นคฤหาสน์แห่งหนึ่ง มีโถงทางเดินยาวอยู่นอกประตู ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ และแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างตรงปลายโถงทางเดินเข้ามานั้นทำให้คฤหาสน์หลังนี้ดูน่ากลัวน้อยลง

อีกคืนที่มืดมิด ทุกอย่างดูเงียบมาก ดูเหมือนคนที่นี่จะหลับกันหมด

ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนกัน? มันคล้ายกับคฤหาสน์ที่พวกขุนนางอาศัยอยู่ในศตวรรษที่สิบหกหรือสิบเจ็ด กู้เป่ยจำได้ว่าเขาเคยเห็นมันในโทรทัศน์

ขณะคิดกู้เป่ยก็เดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงครางต่ำดังมาจากด้านหลังของเขา

“อื้อ...อื้ออ...”

เสียงนั้นทำให้ขนทั่วร่างของกู้เป่ยถึงกับลุก เขารีบหันกลับไปมองต้นเสียงทันที

ที่ปลายสุดของทางเดิน บางสิ่งที่ดูเหมือนมนุษย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นบางสิ่ง? เพราะเนื่องจากทางเดินที่มีแสงน้อย มันจึงทำให้เขามองไม่ชัดเจน และท่าทางของสิ่งนั้นก็แปลกมาก มันแกว่งตัวไปมาเหมือนซอมบี้ ไม่ใช่ท่าทางที่มนุษย์ทั่วไปเขาเดินกัน

นอกจากนี้หากใส่มันเข้าไปในแพล็นส์ วีเอส ซอมบีส์ก็จะไม่รู้สึกผิดแปลกแต่อย่างใด

“เชี่ย! นั่นผีเหรอวะ?” กู้เป่ยตื่นตระหนกเล็กน้อย

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการตั้งค่าของโลกนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเป็นผู้วิเศษกับศาสนจักร? แล้วซอมบี้มาทำอะไรที่นี่? เป็นไปได้ไหมว่านิยายเรื่องนี้จะชื่อ ‘จอมเวทย์วันสิ้นโลก’ หรืออะไรทำนองนั้น?

เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

ร่างนั้นค่อย ๆ เข้าหาเขา ในความมืดกู้เป่ยมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่นเดิม เขาไม่รู้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวพอ ๆ กับหน้าที่ผ่านการแต่งด้วยสเปเชียลเอฟเฟ็กต์หรือไม่ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาฟื้นจากความตกใจ และนึกถึงหนังซอมบี้ที่เขาเคยดู เขาก็ตระหนักว่าสิ่งนี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ดูหน้ากลัวขนาดนั้น

ดูความเร็วของมันสิ มันเคลื่อนไหวหยั่งกับคนเกียจคร้าน มันจะไปอันตรายได้อย่างไร?

ดังนั้นกู้เป่ยที่ใจเย็นลงแล้วค่อย ๆ ยกของหนักในมือขึ้นและรอให้สิ่งนั้นเข้าใกล้อย่างเงียบ ๆ ประมาณครึ่งนาทีต่อมา เมื่อเขาเห็นว่าระยะห่างนั้นเหมาะสม เขาก็โยนของในมือใส่หัวสิ่งนั้น!

ปัง!

เสียงมันดังจนกู้เป่ยรู้สึกเจ็บหัวแทน

สิ่งนั้นหยุดกะทันหัน กู้เป่ยมองร่างนั้นด้วยความประหม่ากลัวว่าผลกระทบจะไม่ส่งผลเท่าที่ควร เพราะของที่เขาโยนใส่ไม่ได้หนักมากเนื่องด้วยร่างกายที่เขาใช้อยู่ทำให้เขายกของหนัก ๆ ได้เพียงไม่กี่อย่าง

หากมันไม่ได้ผลเขาควรทำอย่างไรต่อไป?

คงไม่ใช่คาถาคาถาวอเทอร์บอลหรอกใช่ไหม? เพราะเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าซอมบี้กลัวน้ำ

ขณะที่กู้เป่ยกำลังจ้องไปที่สิ่งนั้นอย่างใจจดใจจ่อ เสียงร้องก็ดังขึ้น

"โอ๊ย----!"

มันเป็นเสียงร้องที่บีบคั้นหัวใจ ราวกับแมวแก่ที่ถูกคนอ้วนหนัก 200 ปอนด์เหยียบหาง มันดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ไฟในห้องพักทุกห้องเปิดขึ้นพร้อมกัน ประตูเปิดออกทีละบาน และเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากทุกทิศทุกทาง

คืนที่เงียบสงัดกลายเป็นอึกทึก

“เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?”

“ใครกันที่ส่งเสียงดังกลางดึก?”

“เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคย”

"..."

ความมืดถูกไล่ออกไป และในที่สุดกู้เป่ยก็สามารถเห็นทุกสิ่งรอบตัวเขาได้อย่างชัดเจน

ร่างแปลก ๆ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาที่แท้ก็เป็นชายผมบลอนด์ผู้หนึ่ง เขาสวมชุดนอนผ้าไหม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ เวลานี้ของเหลวสีน้ำตาลที่ไม่รู้จักไหลออกมาจากผมที่ม้วนงอเป็นลอนสวยงาม ทิ้งรอยตามชุดนอนสีขาวมุก

"อ๊ะ โอ้..."

การแสดงออกของกู้เป่ยเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

ปรากฎว่าการตั้งค่าของโลกนี้ไม่ได้แปลกขนาดนั้น ที่เห็นเป็นคน ไม่ใช่ซอมบี้

ปรากฏว่าโถที่เขาใช้ป้องกันตัวไม่ใช่... โถธรรมดา

...ขอเรียกมันว่า "หม้อกลางคืน" ของโลกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน

ผู้คนในบ้านค่อย ๆ มารวมตัวกันที่นี่ หญิงชายส่วนใหญ่นุ่งผ้ากระสอบหยาบ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สวมชุดนอนผ้าไหม พวกเขาส่วนใหญ่ง่วงนอน แต่เมื่อพวกเขามาถึง ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นในทันที

เมื่อมีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ คฤหาสน์ที่เคยอึกทึกก็กลับสู่ความเงียบ

ทุกคนจ้องไปที่ร่างของชายผมบลอนด์ กลั้นหายใจ ไม่กล้าส่งเสียง

“อุฟ....”

กู้เป่ยอดหัวเราะไม่ได้กับสถานการณ์นี้ แต่เขาหยุดตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะสม

“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เป็นการยากที่จะตีหน้าเศร้าขณะกลั่นหัวเราะอย่างสุดใจ

ชายผมบลอนด์กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และสัมผัสของเหลวที่ไม่รู้จักบนใบหน้าของเขา เขาจ้องไปที่กู้เป่ยและพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไก่ถูกปากคอ “เจ้า... เจ้า... ข้า... ข้า.... ข้า....”

กู้เป่ยพยายามกลั่นหัวเราะและตีหน้าเศร้าอย่างสุดความสามารถ

เขาเห็นว่าใบหน้าและดวงตาของชายผมบลอนด์แดงก่ำ หน้าอกของเขาขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนเขาจะอยากจบประโยค แต่ความโกรธและความสิ้นหวังทำให้คำพูดติดอยู่ในลำคอทำให้เขาไม่สามารถพูดจนจบได้

“เจ้า... เจ้ากำลังพยายามจะพูดอะไรอยู่หรือ?” กู้เป่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

ชายผมบลอนด์ดูตื่นเต้นมากขึ้น เขาเริ่มกระตุกและชี้ไปที่กู้เป่ยด้วยมือที่สั่นเทาราวกับวาทยกร(คอนดักเตอร์) สิ่งที่ไม่รู้จักบนผมและเสื้อผ้าของเขากระเด็นไปทุกที่เนื่องจากการสั่นของเขา

“โอ้ อย่าตื่นเต้นเกินไป หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ พูดออกมา ไม่ต้องรีบค่อย ๆ ใช้เวลาของเขาให้เต็มที่” กู้เป่ยรู้สึกว่าเวลานี้เขาเป็นคนที่มีน้ำใจมากที่สุดในโลก

ชายผมบลอนด์ดูเหมือนจะสงบลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก่อนที่เขาจะหายใจออก เขาก็กลอกตาและหมดสติไปพร้อมกับเสียงดังตุ้บ

“...”

เงียบกริบ

เงียบขนาดเข็มหมุดหล่นยังได้ยินเสียง

สายตาของผู้คนจ้องสลับระหว่างกู้เป่ยกับชายผมบลอนด์ที่หมดสติในแอ่งอุจจาระ พวกเขามองหน้ากันเป็นครั้งคราวราวกับว่าทุกอย่างตรงหน้ามันเกินความเข้าใจของพวกเขา พวกเขาเสมือนถูกคาถาผูกมัด ไม่ขยับเขยื้อน และไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดรอดออกมา

เป็นความเงียบที่น่าอึดอัดใจ

ส่วนกลิ่นก็อึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน

ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด จู่ ๆ เสียงกลไกก็ดังขึ้นในหัวของกู้เป่ยว่า:

“ว้าว คนแดกขรี้”

การโจมตีของระบบเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจนทำให้กู้เป่ยสูญเสียการควบคุมและหัวเราะออกมาทันที

สายตาทุกคู่ในห้องจดจ้องมาที่เขา เป็นสายตาราวกับมองสัตว์หายากในสวนสัตว์ กู้เป่ยรู้สึกเหมือนเขาตกอยู่ภายใต้สปอตไลท์นับ 10 ตัว มันทำให้ความเครียดและแรงกดดันเพิ่มขึ้นมาก

ประเด็นคือพวกเขาทำแค่ดูและไม่มีใครพูดอะไรเลยซึ่งทำให้กู้เป่ยกังวลมากขึ้นไปอีก

เขารู้สึกว่าเขาต้องพูดอะไรสักกอย่าง

“เอ่อ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ทุกท่านไม่ไปนอนกันเหรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด