ตอนที่แล้วWMR ตอนที่ 8 ถูกมองออก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWMR ตอนที่ 10 เดินละเมอสกปรก

WMR ตอนที่ 9 การโต้กลับจากบอลน้ำ


กำลังโหลดไฟล์

“เฮ้ เฮ้ เฮ้ นั่นท่านกำลังพูดอะไรกัน? ท่านเป็นบ้าไปแล้วรึไง!” ระบบปรากฏขึ้นอีกครั้ง และกรีดร้องใส่กู้เป่ยด้วยความหวาดกลัว

“ยังไม่ปิดเครื่องไปอีกรึไง?” กู้เป่ยพูดอย่างใจเย็น

"เวลาบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านคือ 0.1 วินาที ทำลายสถิติคอมพิวเตอร์ในประเทศได้ถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์" น้ำเสียงของระบบฟังแลดูภาคภูมิใจประหนึ่งเด็กที่ได้รับตรายกย่องจากครู แต่ไม่นานโทนของมันก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “ท่านอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง นี่มันไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องเวลาเปิดเครื่องของข้า ข้าขอถามหน่อยเถอะ ท่านอยากจะตายนักรึไง? ทำไมถึงต้องยอมรับด้วยว่าท่านไม่ใช่แกรนท์ ลิเธอร์?”

“เรื่องนี้ไม่สำคัญ” เขากล่าว

“งั้นอะไรล่ะที่สำคัญ” ระบบถามเขากลับ

“ปฏิกิริยาของมิเชล” กู้เป่ยบอกระบบในขณะที่เขาสังเกตมิเชลต่อไป

และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่กู้เป่ยคาดไว้  มิเชลไม่ตอบสนอง เธอทำเพียงกลอกตาดูถูกเล็กน้อย และดูขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัว ราวกับว่าเธอไม่แปลกใจเลยกับคำสารภาพของกู้เป่ย

ระบบเงียบไปนาน และพึมพำหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “สงสัยข้าคงกำลังเห็นภาพหลอน ต้องเป็นเพราะท่านลืมกำจัดไวรัสเป็นแน่”

“…..”

กู้เป่ยทำตัวไม่ถูก แน่นอนเขาไม่ตำหนิระบบที่ไม่สามารถตอบสนองได้ เพราะถึงอย่างไรกระบวนการคิดของมิเชลก็ซับซ้อนเกินไป ทำให้ไม่ใช่งานง่ายที่จะตามเธอให้ทัน แม้แต่ตัวกู้เป่ยเองก็ยังต้องใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวันเพื่อคิดเรื่องนี้

อันที่จริงในคำพูดก่อนหน้าของกู้เป่ยมีหลายคำที่ผิดพลาด และการโกหกสองครั้งก่อนหน้าที่สร้างขึ้นเพื่อทดสอบมิเชลก็เต็มไปด้วยข้อขัดแย้งในตัวของมันเอง ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดผิดจึงเป็นชนวนที่ทำให้มิเชลสงสัยในตัวตนของเขา จนเธอคาดเดาว่าเขาแอบเปลี่ยน ‘ตัวประกัน’ ไปอย่างลับ ๆ

น่าแปลกดีเนอะว่าไหมที่ข้อขัดแย้งพวกนั้นกลับเป็นตัวช่วยชีวิตของเขา

เนื่องจากช่องโหว่นั้นชัดเจนเกินไป หลังจากที่มิเชลสงสัยในตัวตนของกู้เป่ยแล้ว ความสงสัยอีกอย่างหนึ่งที่ตามมาคือ:

นี่คือกับดัก? หรือกู้เป่ยตั้งใจโกหกเพื่อที่เธอจะได้คิดว่าเขาเป็นตัวปลอม?

เธอกำลังตกอยู่ในวังวนนั้น

ต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่กู้เป่ยอนุมานว่าเป็นความคิดของมิเชล:

“ถ้าเจ้าไม่ใช่แกรนท์ ลิเธอร์ งั้นเจ้าเป็นใครกัน?”

ดวงตาของกู้เป่ยเปลี่ยนไปในขณะที่จู่ ๆ เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ถูกต้อง! ข้าไม่ใช่แกรนท์ ลิเธอร์ เพราะข้าสลับตัวกับขุนนางตัวจริงมาตั้งแต่ปีมะโว้โนนแล้ว!”

มิเชลกัดฟันด้วยความโกรธ “เจ้าเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน? บอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”

กู้เป่ยทำหน้าเจ้าเล่ห์ “แน่นอนว่าข้าสามารถบอกเจ้าได้ แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องยอมรับเงื่อนไขของข้าสามข้อ ข้อแรกเจ้าจะต้องทำอันนี้ ข้อสองเจ้าจะต้องทำอันโนน และข้อสุดท้ายเจ้าจะต้องทำอันนั้น อะอา ถึงเจ้าจะฆ่าข้าไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะเมื่อคุณชายผู้สูงศักดิ์กลับถึงตระกูล ข่าวคราวเกี่ยวกับเจ้าก็จะกระจายออกไป ฮิฮิฮิฮิ…”

มิเชลเกลียดเขา “เจ้ามันน่ารังเกียจ!”

กู้เป่ยเงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้นมิเชลก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับเริ่มเข้าใจบางอย่าง “ไม่ เจ้าโกหก! เจ้าคือแกรนท์ ลิเธอร์ ที่เจ้าพยายามโกหกข้าแบบนี้ก็เพื่อให้ข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระ! เหอะ! ฝันไปเถอะ!”

กู้เป่ยตัวสั่นขณะที่เสียงหัวเราะของเขาหยุดลงกะทันหัน “เจ้ารู้ได้ยังไง?”

มิเชลเยาะเย้ยและพูดว่า “หึ ยอมแพ้ซะ! และอย่าคิดจะโกหกข้าอีก!”

ดังนั้นไม่ว่าต่อจากนี้กู้เป่ยจะทำอะไร ความจริงที่มิเชลเชื่อก็จะเป็น: นี่คือแกรนท์ ลิเธอร์! แม้ว่าเขาจะอึด้วยปากและฉี่ทางจมูก เขาก็ยังเป็นแกรนท์ ลิเธอร์ที่ข้าจับมา!

“....ก็ประมาณนี้ล่ะนะ ต่อจากนี้ไปไม่ว่าฉันจะพูดอะไรเธอก็จะคิดว่าฉันกำลังโกหก” กู้เป่ยอธิบายความคิดของเขากับระบบ และสรุปออกมาให้ฟัง

หลังจากที่ระบบฟัง มันก็เงียบไปนานก่อนพูดขึ้นว่า:

“…. นั่นเป็นการคาดเดาที่ควรถูกปัดตกเป็นอย่างยิ่ง”

“ขอบคุณที่ชม” กู้เป่ยไม่เก็บคำพูดมาใส่ใจ เขาในเวลานี้รู้สึกสงบมาก

แม้มันจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเขาเดาความคิดของมิเชลได้เกือบหมด ไม่อย่างนั้น เขาก็นึกเหตุผลอื่นที่จะมาอธิบายพฤติกรรมอันแปลกประหลาดและน่าขนลุกของมิเชลได้อีกแล้ว

ในช่วงเวลาแห่งความเข้าใจนี้ กู้เป่ยถึงกับอยากจะบอกกับมิเชลว่า: คิดมากเกินไปก็ถือเป็นโรคอย่างหนึ่งและจำเป็นต้องรักษาให้หาย

เขาเป็นแมวตาบอดเจอหนูตาย1 ดังนั้นเขาจึงสามารถรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้มาได้

และที่ไม่ขอบคุณเลยไม่ได้นั่นคือใบหน้า “ผมลืมเอาการบ้านมา” อันทรงพลังของเขา

แต่ถ้ามาลองคิดดูแล้วมันก็สมเหตุสมผลมาก มิเชลเสียสละไปตั้งมากมายเพื่อสมบัตินั่น เธอกระทั่งเต็มใจสละเพื่อนของเธออย่างไม่ลังเล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข่าวที่ว่า "กู้เป่ยเป็นตัวปลอม" จะกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอ เพราะมันหมายความว่าความพยายามทั้งหมดที่เธอทำมานั้นสูญเปล่า

ดังนั้นเธอจึงเต็มใจเชื่อว่ากู้เป่ยคือแกรนท์ ลิเธอร์มากกว่าเพื่อที่เธอจะได้มีความหวังในการได้รับสมบัติที่เธอต้องการ

ผู้คนเชื่อในสิ่งที่พวกเขาต้องการเชื่อเท่านั้น

เมื่อคิดได้ดังนั้นกู้เป่ยก็รู้สึกว่ามิเชลไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป ศาสนจักรกำลังไล่ตามพวกเขามาอย่างใกล้ชิดทำให้เธอในตอนนี้ต้องเผชิญกับแรงกดดันแบบเดียวกับเขาที่ต้องเร่ร่อนอยู่บนปากเหวแห่งความตาย เพียงแต่เธอคงคุ้นเคยกับสภาวะนี้มากกว่าเขา ดังนั้นเธอจึงควบคุมอารมณ์ได้เก่งและใจเย็นกว่าที่เขาเคยเป็น

แต่ในท้ายที่สุดแล้วกู้เป่ยก็ไม่ใช่แกรนท์ ลิเธอร์อยู่ดี และความพยายามทั้งหมดของมิเชลถูกกำหนดให้ล้มเหลว

น่าสงสาร

แน่นอนว่าถ้ากู้เป่ยถูกทรมานจนตายโดยมิเชลที่กำลังโกรธจัดก่อน เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสงสารมิเชล แต่ไม่ว่ามิเชลจะน่าสงสารแค่ไหน เธอก็ยังกุมชีวิตของเขาไว้ในมือ

เว้นเสียแต่ว่า……

กู้เป่ยคว้าลม

“มิเชล ข้าขอถามหน่อยเถอะว่ามันมีอะไรอยู่ในคลังสมบัติกันแน่ที่ทำให้เจ้าถึงกับสละทุกอย่างเพื่อมันแบบนี้?” กู้เป่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า” มิเชลน่าจะรู้สึกกดดันมากจนทำให้เธอเริ่มหมดความอดทนอย่างรวดเร็ว

“อย่าดุนักเลย ข้าก็แค่อยากรู้ เจ้าได้ฆ่าสหายของเจ้าไปทีละคนเพื่อมัน ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้ผู้วิเศษคลั่งไคล้ได้ ข้าแค่อยากรู้จริง ๆ” แม้แต่กู้เป่ยเองก็ยังรู้สึกรังเกียจน้ำเสียงของตัวเองในตอนนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำแบบนี้เพื่อรักษาชีวิตของเขา

หากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะไม่สามารถยืนยัน "การอนุมาน" อื่นของเขาได้

"การอนุมาน" ที่จะพลิกสถานการณ์ทั้งหมด

“ไม่มีอะไรต้องสงสัย” มิเชลน่าจะเกือบทนไม่ไหวแล้ว

“ทำไมจะไม่ล่ะ? ข้ายังมีเรื่องอีกมากมายที่สงสัย เจ้าก็รู้....” กู้เป่ยเติมไฟเข้าไปอีก

มิเชลทนไม่ไหวแล้ว “หุบปาก!”

อ่า ในที่สุด

กู้เป่ยรู้สึกว่าเขาเดินตามลมและขุดถ้ำที่ปิดสนิทได้สำเร็จ เขาในเวลานี้สัมผัสได้ถึงแสงแห่งความหวังที่อาบอยู่บนหน้าของเขา

“เจ้าอยากให้ข้าหุบปากเหรอ?” ท่าทางยียวนกวนประสาทหายไปและถูกแทนที่ด้วยกู้เป่ยที่ดูจริงจัง

“ใช่ เจ้าพูดมากเกินไป” มิเชลยังไม่รู้ตัว

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าไม่ปิดปากข้าล่ะ? เจ้าแค่ต้องใช้เวทมนตร์ที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้เพื่อทำให้ข้าเงียบ ‘ข้าหวังว่าท่านจะไม่สร้างปัญหาให้ข้าอีก’ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเพิ่งพูด?” ความเร็วในการพูดของกู้เป่ยช้าลง สวนทางกับหัวใจที่เต้นแรงเพราะประโยคต่อไป “หรือความจริงแล้วเจ้าไม่กล้าใช้เวทมนตร์ของเจ้า?”

มิเชลชะงักทันที

แม้เขาจะไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่กู้เป่ยสัมผัสได้ว่าเธอสูญเสียความสงบที่เธอเคยมีก่อนหน้านี้ไป

เนื่องจากทัศนคติของมิเชลที่มีต่อเขาเริ่มแย่ลง เขาจึงรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย แต่เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขาได้รับคืออะไร จนกระทั่งเขาเริ่มตรัสรู้ทำให้ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกสิ่ง และการที่เขาทำเป็นจู้จี้เพราะเขาต้องการทดสอบและยืนยันการคาดเดาของเขา:

ในเมื่อมิเชลอยากจะให้เขาหุบปากนัก งั้นทำไมเธอไม่ใช้คาถาผูกมัดเพื่อทำให้เขาเงียบล่ะ?

ต้องไม่ลืมว่าเมื่อเขาอยู่ภายใต้คาถาผูกมัด นอกจากจะขยับไม่ได้แล้วคาถายังมีหน้าที่ในการระงับคำพูดอีกด้วย

หลังจากทดสอบและยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำตอบที่เขาได้รับก็ชัดเจนนั่นคือ: เธอไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ ประกอบกับการมีอยู่ของ "คนทำความสะอาด" ก็จะเห็นได้ชัดว่าสาเหตุที่มิเชลไม่กล้าใช้เวทเวทย์มนตร์เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการแจ้งเตือนของศาสนจักร

จากสิ่งนี้จึงสรุปได้ว่าคนทำความสะอาดสามารถสัมผัสถึงเวทย์มนตร์ได้ภายในรัศมีที่กำหนด

เมื่อเธอใช้คาถาผูกมัดก่อนหน้านี้ มันเป็นเวลาเดียวกันกับแอนนี่เพิ่งออกไปและยังไม่ได้ถูกฆ่าโดยพวกทำความสะอาด ดังนั้นเมื่อเหล่าคนทำความสะอาดสัมผัสได้ถึงเวทมนตร์ และเห็นคนที่แต่งตัวเหมือนแม่มดที่ต้องการ 'มอบตัวให้กับกองทัพตระกูลลิเธอร์' พวกเขาจึงคิดว่าเธอคือมิเชล ผู้วิเศษที่ใช้คาถาผูกมัด

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีรอชำละล้างแอนนี่อย่างไม่ลังเล

จากนั้นพวกคนทำความสะอาดจึงคิดว่าผู้วิเศษถูกกำจัดออกไปแล้ว และกำลังจะออกจากพื้นที่ และแน่นอนว่าด้วยเหตุนี้เองมิเชลจึงสามารถหลบหนีจากใต้จมูกของคนทำความสะอาดได้สำเร็จ และการกระทำที่ชั่วร้ายของเธอก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็จะตกเป็นของแอนนี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว

นับเป็นแผนที่ดี เพราะนี่ถือเป็นการฆ่านกสามตัวด้วยหินก้อนเดียว ไม่เพียงแต่ได้กำจัดแอนนี่ แต่ยังสามารถสลัดการไล่ตามของศาสนจักร และยังตัดโอกาสหลบหนีของกู้เป่ยอีกด้วย จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของแผนนี้คือมิเชลจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ใด ๆ ได้เลยขณะที่พวกคนทำความสะอาดยังอยู่รอบ ๆ

และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงบอกให้กู้เป่ยหุบปากเมื่อเธอรำคาญ แทนที่จะใช้คาถาผูกมัดแบบก่อนหน้านี้

“เจ้าพูดถูก ข้าไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้เพราะพวกคนทำความสะอาดสัมผัสถึงมันได้ อันที่จริงหากข้าไม่ได้ใช้วิธีพิเศษเพื่อปกปิดร่องรอยของเรา แม้จะไม่มีเวทย์มนตร์ หมาของโบสถ์พวกนั้นก็ยังดมกลิ่นตามเรามาได้อยู่ดี จมูกของพวกเขาไวมาก” มิเชลพูดด้วยน้ำเสียงระแวดระวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้ว่าเจ้าจะพูดถูกแล้วมันจะทำไม? ในเมื่อเจ้าไม่มีเวทมนตร์ เจ้าคิดว่าจะหนีจากมือของข้าได้งั้นเรอะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้เป่ยก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาส่ายหัว“คนที่ต้องหนีไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าต่างหาก”

“เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?” มิเชลรู้สึกสับสน

กู้เป่ยไม่ตอบ แต่หลับตาและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ควบคู่ไปกับความผันผวนอันเป็นเอกลักษณ์ คาถาถูกเปล่งออกมาจากปากของเขา

มันคือคาถาวอเทอร์บอล(บอลน้ำ)

ภายในมิติแห่งจิตสำนึกของกู้เป่ย อักขระสามเหลี่ยมสีฟ้าอ่อนสั่นเบา ๆ โน้ตที่เงียบงันแผ่ซ่านจากจิตวิญญาณของเขา และสะท้อนระหว่างสวรรค์และโลกเป็นครั้งแรก ที่มุมหนึ่งของมิติที่ไม่มีใครรู้จัก ธาตุ 'น้ำ' เคลื่อนตัวและพลุ่งพล่านราวกับคลื่นยักษ์ ราวกับพวกมันตอบสนองต่อเจตจำนง โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า และควบแน่นบนฝ่ามือของเขา...

เพียงพริบตาบอลน้ำลูกหนึ่งก็ปรากฏและลอยอยู่ตรงหน้ากู้เป่ย

มันมีขนาดเพียงกำปั้นของเด็กแรกเกิด เป็นเพียงบอลน้ำแสนอ่อนแอที่สามารถแตกได้เพียงสัมผัสกับมันเล็กน้อย แต่เวลานี้ต่อหน้ามันทุกอย่างราวกับถูกหยุด

รอยยิ้มแห่งชัยชนะของกู้เป่ยสะท้อนอยู่บนผิวของบอลน้ำ

“ตอนนี้เจ้าไม่เหลือใครให้ใช้เป็นแพะรับบาปได้อีกแล้ว” เขามองไปทางที่พวกคนทำความสะอาดอยู่ และพูดติดตลกว่า "พวกคนทำความสะอาดกำลังจะมาแล้วนะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องวิ่ง"

มิเชลมองบอลน้ำลูกเล็ก ๆ ด้วยความตกตะลึง

เธอใช้ความไม่รู้ของกู้เป่ยเกี่ยวกับการดำรงอยู่ที่เรียกว่า ‘คนทำความสะอาด’ เพื่อจัดการกับเขา อย่างไรก็ตามกู้เป่ยกลับตอบโต้โดยใช้ข้อเท็จจริงที่ว่ามิเชลไม่รู้ว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้เพื่อล่อผู้ไล่ตาม

ตอนนี้พวกคนทำความสะอาดจะเริ่มไล่ล่าอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงคาถาวอเทอร์บอล(บอลน้ำ) และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มิเชลจะลากกู้เป่ยไปด้วยขณะหลบหนีเพราะการพาเขาไปด้วยมีแต่จะทำให้เธอช้าลงเท่านั้น ทางเดียวที่เธอจะสามารถหนีไปได้คือเธอต้องทิ้งกู้เป่ยไว้ที่นี่ จากนั้นกู้เป่ยก็จะทำหน้าที่เป็นตัวประกันไร้เดียงสา และให้พวกคนทำความสะอาดพาเขากลับตระกูลลิเธอร์

แน่นอนว่ามันมีโอกาสที่มิเชลจะฆ่ากู้เป่ยด้วยความโกรธ แต่เขารู้สึกว่าความเป็นไปได้นั้นน้อยมากจนแทบไม่มี เหตุเพราะหากเธอถูกตั้งข้อหาว่าสังหารขุนนาง ความกดดันที่เธอจะต้องแบกรับก็จะมากขึ้นเป็นเท่าทวี และต้องอย่าลืมว่าพวก ‘คนทำความสะอาด’ ไม่ใช่กลุ่มคนที่รับมือง่าย ดังนั้นทางรอดเดียวของมิเชลในตอนนี้คือทิ้งกู้เป่ยไว้ที่นี่เพื่อถ่วงการไล่ล่าของพวกเขา

ด้วยวิธีนี้กู้เป่ยจึงสามารถหลบหนีได้สำเร็จ ขณะที่มิเชลทำได้แค่มองเท่านั้น

เรียบง่าย... แต่สมบูรณ์แบบ

ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเผชิญหน้าด้วยความแข็งแกร่งได้ กู้เป่ยประสบความสำเร็จในการชักนำสถานการณ์เข้าสู่เกมแห่งปัญญาโดยแสดงความอ่อนแออย่างต่อเนื่อง ในตอนท้าย เขาใช้ปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เด่นเพื่อพลิกความสมดุลระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้

เขาจะพูดอะไรได้อีก?

นอกจากความรู้คือพลัง!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นายเห็นไหม? ไหน ๆ ใครกันนะที่บอกว่ามันไร้ประโยชน์? แหกตาดูซะ! ฉันโต้กลับด้วยการใช้คาถาวอเทอร์บอล(บอลน้ำ)! ฉันนี่แม่งโคตรอัจฉริยะ!” เขาตะโกนใส่ระบบในหัวของเขา

“….” ระบบเงียบ ทันใดนั้น อีโมจิคนที่กำลังเช็ดเหงื่อก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

“เดี๋ยวนะ นี่นายใช้อิโมจิได้ด้วย? มันไม่ยุติธรรม!” กู้เป่ยตะลึงครู่หนึ่งและพูดอย่างไม่พอใจ

ระบบดูเหมือนจะตายไปชั่วขณะก่อนที่จะค่อย ๆ พูดว่า:

“ข้าขอแนะนำไม่ให้ท่านมีความสุขเร็วเกินไป ในความคิดของข้า นางคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ”

ในที่สุดมิเชลก็ฟื้นจากอาการตกใจ ก่อนจะจ้องไปที่กู้เป่ยและพูดกัดฟัน “ใครบอกว่าข้าไม่มีแพะรับบาปเหลือ? ตราบใดที่ข้าสวมเสื้อคลุมให้เจ้า พวกคนทำความสะอาดก็จะไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยผู้สูงศักดิ์จากตระกูลขุนนาง และจะชำระเจ้าให้เหลือแต่เถ้าถ่าน!”

กู้เป่ยดูจะไม่แปลกใจ “เอาสิ ทำเลย ทำอย่างที่เจ้าต้องการได้เลย”

แต่ก็อย่างที่ระบบบอก มิเชลไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอจะไม่ละทิ้งสมบัติที่เธอต้องการ และตัวตนของเขาในฐานะแกรนท์ ลิเธอร์ก็เป็นความหวังเดียวที่จะพาเธอเดินทางไปยังคลังสมบัติ

หากเธอยังต้องการมันอยู่ เธอก็ไม่สามารถฆ่ากู้เป่ยได้ มิฉะนั้นเธอจะต้องวางแผนลักพาตัวอีกครั้ง และด้วยความพยายามครั้งแรกที่เละไม่เป็นท่า เธอจะกล้าลองอีกครั้งหรือไม่? แล้วเธอจะไปหาคนอีกสองคนมาเป็นเหยื่อล่อได้จากที่ไหน?

และหากจะบอกให้เธอพากู้เป่ยไปด้วยขณะหลบหนีคนทำความสะอาดนั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ การพากู้เป่ยไปด้วยก็มีแต่จะทำให้เธอช้าลงเช่นเดียวกับที่เขาเคยกระทำก่อนหน้านี้ และเมื่อนำมันมารวมกับคนทำความสะอาดที่ฉับไว นั่นคงทำให้พวกเขาใช้เวลาไม่นานนักก่อนจะไล่ตามมาทัน

เธอทำได้เพียงปล่อยกู้เป่ยไปและหวังว่าเขาจะร่วมมือกับเธอ แม้ความคิดนี้จะฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก แต่นั่นเป็นทางเลือกเดียวที่เธอเหลืออยู่ตอนนี้

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน กู้เป่ยในเวลานี้ก็ถืออำนาจเหนือกว่า

“คุณหญิงมิเชล ทำไมเราไม่มาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในรูปแบบใหม่กันหน่อยละ?” เขาเลียนแบบน้ำเสียงเย็นชาและการพูดช้า ๆ ของมิเชล “เจ้าปล่อยข้าไป แลกกับสิ่งที่เจ้าต้องการจากคลังสมบัติ ลองคิดดูดี ๆ วิธีนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าการลากข้าไปมาตั้งเยอะ”

มิเชลเงียบไปครู่หนึ่ง และในที่สุดเธอก็ถอนหายใจ:

“เจ้าชนะ”

หลังจากผ่านไปกว่าห้าชั่วโมงกู้เป่ยก็ได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถูกตบหน้าด้วยแผนของตัวเอง

เยส! กูรอดแล้วเว้ย!

ราวกับเขาปีนเขามาครึ่งชีวิตในคืนที่ไร้ขอบเขต ประสบกับความยากลำบากและความสิ้นหวังมากมายนับไม่ถ้วน กลืนกินทุกแรงกระตุ้นที่ทำให้หายใจไม่ออกจนกระทั่งแขนขาของเขาชา เส้นใยกล้ามเนื้อทุกเส้นสั่นสะท้านและฉีกขาด ในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ

อารมณ์นั้นเป็นเช่นเดียวกับผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ส่งเอกสารสำหรับวิชาสุดท้ายสำเร็จ

เขาเป็นคุณชายของตระกูลขุนนาง ตราบใดที่เขาผ่านพ้นสิ่งนี้ไปได้ ความรุ่งโรจน์และความร่ำรวยที่ไม่สิ้นสุดก็จะรอเขาอยู่! นี่คือการข้ามโลกที่ดีที่สุดที่เขาปรารถนา เมื่อเอาชีวิตก่อนหน้านี้มาเทียบกันเขาในตอนนั้นก็ไม่ต่างจากชาวนาจน ๆ ที่น่าสงสาร

ระหว่างที่เขากำลังคิดอย่างนั้น...

"ระวัง!" ระบบแจ้งเขาทันที

ก่อนที่กู้เป่ยจะตอบสนอง หมัดหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาหาเขาราวกับสายฟ้า มันกระแทกโดนตรงแก้มซ้ายของเขาอย่างจัง

เชี่ย! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?!

เป็นมิเชลที่ใช้พลังอันน่าเหลือเชื่อของเธอชกกู้เป่ยโดยไม่ให้เขาตั้งตัว ต้องอย่าลืมว่ามิเชลสามารถอุ้มกู้เป่ยขึ้นต้นไม้ได้ด้วยแขนข้างเดียวราวกับเขาไม่มีน้ำหนัก ดังนั้นไม่ควรประเมินกำลังของเธอต่ำไป

นอกจากนี้หมัดที่ถูกต่อยออกมายังรวมความโกรธที่ถูกหลอกเข้าไว้ด้วย มันเป็นหมัดที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์อย่างแท้จริง!

กู้เป่ยในเวลานี้มีเพียงความมืดเท่านั้นที่เขาสัมผัสได้จากนั้นเขาก็หมดสติไป

และก่อนที่เขาจะหมดสติโดยสมบูรณ์ เขาก็ได้ยินเสียงระบบพูดขึ้นว่า:

“อา นี่คือการ 'ตบหน้า' ในความหมายที่แท้จริง!”

......

แมวตาบอดเจอหนูตาย1 ประโยคนี้ใช้เพื่อบอกเป็นนัยว่าเป็นไม่มีความสามารถ แต่ดันทำสำเร็จหรือสำเร็จโดยไม่คาดคิด ดั่งแมวตาบอดที่จับได้แค่หนูตายเท่านั้นซึ่งไม่ได้มีบ่อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด