ตอนที่แล้วตอนที่ 49 พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป...
ทั้งหมดรายชื่อตอน

ตอนที่ 50 เริ่มการประลอง


กำลังโหลดไฟล์

"ต่อไปข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเลิกแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเช่นวันก่อนอีก โลกนี้นั้นเต็มไปด้วยยอดยุทธมากมาย หากข้าไม่เห็นว่าพวกเจ้าเป็นศิษย์แกนหลักของพรรค มันไม่จบที่พวกเจ้าทิ้งเส้นผมเป็นแน่ อย่างน้อยที่สุดพวกเจ้าต้องทิ้งแขนขาเอาไว้ถึงจะคู่ควรกับพฤติกรรมเหล่านั้น"

"ขอบคุณศิษย์พี่ที่เมตตา พวกเราจะปฏิบัติตามคำชี้แนะ" ศิษย์แกนหลักทุกคนกล่าวอย่างพร้อมเพรียงราวกับมันนัดกันไว้ร่วงหน้า

"กลับไปเรียนต่อได้แล้ว อย่าให้ท่านอาจารย์ฝึกสอน ต้องลำบากใจ" เล้งซานกล่าวอย่างเรียบเฉยและหันหน้าเดินจากไป เหล่าศิษย์แกนหลักต่างโค้งตัวเล็กน้อยแล้วจึงวิ่งกลับไปฝึกตามเดิม

เหตุผลเดียวที่มันทำเพียงสั่งสอนเล็กน้อยแก่เหล่าศิษย์แกนหลักนี้ เพราะศิษย์เหล่านี้จะเป็นกำลังในอนาคตของพรรคกระบี่เหิน หากมันทำร้ายคนเหล่านี้ย่อมหมายถึงทำลายอนาคตของพรรค มันยังเป็นหนี้บุญคุณที่อี้หลงเทียนที่เคยช่วยชีวิตไว้จึงไม่อยากทำอะไรเกินเลย

"ศิษย์แกนหลักเหล่านี้ ดูท่าจะเชื่อฟังเจ้ามากกว่า ท่านพ่อข้าเสียอีก"

อี้หลงหวังขบขันเล็กน้อยที่เห็นภาพเช่นนี้ เล้งซานก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

เล้งซานและอี้หลงหวังมานั่งที่ม้าหินอ่อนมุมเดิมในลานฝึกยุทธ เล้งซานได้ศึกษาวิชาของพรรคกระบี่เหินจนหมดสิ้นภายในคืนเดียว จากที่อี้หลงเทียน เคยบอกเล้งซานให้มาฝึกวิชากับอี้หลงหวังหลานสาว แต่บัดนี้กลับกลายเป็นเล้งซานที่คอยชี้แนะนาง ถึงวิธีปรับเปลี่ยนการโคจรพลังในกระบวนท่าและวิชาต่างๆ อี้หลงหวังทำสีหน้าตื่นตะลึง จนนับครั้งไปถ้วน เพราะหลังจากที่ปฏิบัติตามคำชี้แนะของเล้งซาน ต่างเป็นจริงดังคำกล่าวในทุกครั้งไป

เวลาเก้าวันที่มีเล้งซานคอยชี้แนะ แม้พลังลมปราณไม่ได้สูงขึ้นนางยังคงอยู่ในขั้นที่ 9 ของชั้นลมปราณสีคราม แต่ฝีมือกลับดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างมิอาจเทียบได้ แต่ถึงกระนั้นหลายครั้งที่นางขอประกระบวนท่ากับเล้งซาน ก็ยังไม่อาจพูดได้ว่าเท่าเทียบ นางไม่สามารถบังคับให้เล้งซานใช้สองมือต่อสู้ได้เสียด้วยซ้ำ!! ในทุกกระบวนถูกรับไว้ได้ทั้งหมดด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกทั้งเล้งซานยังใช้แต่ท่าร่างในวิชาของพรรคกระบี่เหินต่อสู้ ไม่ได้ใช้วิชาดั้งเดิมของมันแม้แต่น้อย

"เฮ้อ~ ทำไมสวรรค์ต้องให้ข้าเกิดมาในยุคสมัยเดียวกับสัตว์ประหลาดเช่นเจ้ากันนะ" อี้หลงหวังนั่งถอนหายใจ หลังจากประมือกับเล้งซาน

"สวรรค์คงส่งเจ้ามาให้เคียงคู่กับข้ากระมัง" มุมปากของเล้งซานเชิดขึ้นเล็กน้อย

"หากเจ้ายังกล่าววาจาเช่นนี้อีก ข้าจะเลิกคุยกับเจ้า" สีหน้าของนางเปลี่ยนสีเป็นชมพูระเรื่อ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเล็กน้อย เล้งซานเห็นกิริยาเช่นนี้ก็ได้แต่อมยิ้ม

"พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเริ่มงานประลองยุทธรุ่นเยาว์แล้ว เจ้ามีแผนการอะไรต่อไป" นางหันกลับมาถามเล้งซาน

"ข้าย่อมคิดไว้แล้ว เจ้ารอดูพรุ่งนี้เองก็แล้วกัน..."

.............

ณ ลานกลางเมืองเมฆคราม การประลองยุทธรุ่นเยาว์ประจำปีถูกจัดขึ้นที่นี่ มีผู้คนคับคั่งเช่นเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว พรรคน้อยใหญ่ในเมืองต่างมารวมตัวกันโดยหวังให้ศิษย์ของตนได้สร้างชื่อเสียงให้แก่พรรค

ตัวแทนพรรคกระบี่เหิน ประกอบด้วย อี้หลงหวัง เล้งซานที่ใช้ชื่อหม่าเฉิน และศิษย์แกนหลักอีกคนที่หัวล้านเตียน ชื่อว่า ฉินจงหุ่ย ในการประลองนี้ อี้หลงหู่ นำศิษย์มาด้วยตนเอง จากที่ปีก่อนๆจะส่งเพียงอาวุโสพรรคหรืออาจารย์ฝึกสอนมาเท่านั้น สร้างเสียงฮือฮาแก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก

พรรคป้อมอัคคีก็เช่นกันผู้นำศิษย์มาคือ ซูซ่งหยู และติดตามมาด้วยซูจ้าว ที่สวมขาแห่งเทพที่เล้งซานขายให้พรรคมัน ในตอนนี้ซูจ้าวสามารถใช้ขาแห่งเทพได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายไปเสียแล้ว เล้งซานเหลือบมองเล็กน้อย พลางฉีกยิ้ม

"การที่เจ้าขายขาแห่งเทพให้มันไปเช่นนั้น ไม่กลัวจะเป็นปัญหาภายหลังหรือไง" เสียงของเฟรย่าดังขึ้น

"หืม?...ท่านคิดจริงๆหรือว่าข้าจะยอมขายของที่มีประโยชน์ให้แก่ศัตรู ท่านไม่เห็นตอนข้าสร้างขาแห่งเทพหรอกหรือ?"

"เห็น แต่ข้าไม่ค่อยเข้าในวิชาอักขระเท่าไหร่เลยไม่ค่อยสนใจ ตอนเจ้าสร้างมันมีอะไรหรือ?"

"อ่อ ข้ายอมขาดทุนเล็กน้อย ขายอาวุธอักขระสองชิ้นให้มันยังไงล่ะ" เล้งซานฉีกยิ้มกว้าง แววตายังคงจ้องมองไปที่ขาแห่งเทพของซูจ้าว

"สองชิ้น??" น้ำเสียงเฟรย่าสงสัยอย่างมาก

"ขาแห่งเทพนั้น ด้านในของมันมีลักษณะกลวง ข้าเลยฝากของขวัญชิ้นพิเศษไว้ด้านใน มันคืออาวุธอักขระชั้นสีเขียว อีกหนึ่งชิ้น"

"หรือว่า!!" เฟรย่าใช้น้ำเสียงตื่นตะลึง

"อย่างที่ท่านคิด ด้านในของขาแห่งเทพคือ อาวุธอักขระขนาดเท่ากำปั้น อักขระรูปแบบระเบิดพลัง!! อานุภาพของมันสามารถระเบิดทุกอย่างให้เป็นจุณได้ในระยะกว่าสามร้อยเมตรจากจุดที่ระเบิด ต่อให้เป็น ซูซ่งหยู ชั้นลมปราณสีเหลือง หากโดนเข้าในระยะประชิด ก็ย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน!!"

"รูปแบบระเบิด!! ที่เจ้าเคยบอกว่าเป็นที่รุนแรงที่สุด แต่ต้องเสียอาวุธอักขระไปหน่ะหรือ"

"ใช่ และการที่เจ้าโง่นั่นพกของเช่นนั้นติดตัวตลอดเวลา จะยิ่งทำให้ข้าเพิ่มโอกาสชนะในการปะทะมากขึ้นไปอีกหลายเท่า" แววตาของเล้งซานเปล่งประกายออกมา พลางนึกในใจ

'เจ้าโง่นั่นไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ฮ่า ๆ ของขวัญสุดพิเศษจากข้าชิ้นนี้แหละจะทำให้พรรคมันจดจำชื่อข้าไปอีกนานแสนนาน'

แต่สิ่งที่ทำให้เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย คือชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ยืนข้างๆซูจ้าว ซึ่งคนผู้นี้แต่งกายแตกต่างไปจากคนของพรรคป้อมอัคคี ซ้ำลมปราณที่แผ่ออกมาก็ไม่รู้สึกถึงลมปราณธาตุอัคคี และยังมีลมปราณสูงถึงชั้นสีเหลืองขั้นกลาง พลังที่แผ่ออกมาจากร่างไม่ได้ด้อยไปกว่าซูซ่งหยูที่เป็นผู้นำพรรคแม้แต่น้อย

'คนผู้นี้เป็นใครกัน? ระดับพลังก็ไม่อาจดูถูกได้ แต่ยืนอยู่กับคนของพรรคป้อมอัคคี เพราะฉะนั้นย่อมเป็นศัตรู'

จากนั้นไม่นานคนของพรรคตระกูลเซี่ยวหลินก็ปรากฏตัว แม้จะเป็นอีกหนึ่งพรรคใหญ่ในเมืองแต่ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเล้งซานแม้แต่น้อย ตามมาด้วย เซี่ยวหลินหลุน ซึ่งพาผู้เยาว์คนหนึ่งมาด้วย แต่ก็ลมปราณอ่อนหัดจนน่าอับอายที่ลมปราณชั้นสีครามขั้นที่ 1 คงไม่ผ่านในรอบแรกดั่งเช่นทุกปีก่อนหน้า

'เหตุใดปีนี้ คุณหนู ไม่มาด้วย?' เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากผิดหวังที่ไม่ได้พบ เซี่ยวหลินเยว่

กรรมการชี้ขาดในปีนี้ยังคงเป็น เสวียนอู่จิงฉานเช่นเคย เล้งซานได้สืบข่าวจนทราบว่าหลังจากเล้งซานไปที่หุบเขาหมื่นพฤกษา เสวียนอู่จิงฉาน ก็ได้กลับมารับเล้งซานพร้อมราชโองการที่เมืองเมฆคราม แต่ก็ไม่พบตัวเล้งซานแต่อย่างใด และได้ปะทะคารมกับซูซ่งหยูเล็กน้อย เรื่องที่ทำให้เล้งซานไม่สามารถมารับราชโองการได้ แต่ก็ต้องยอมล่าถอยด้วยเหตุและผล เนื่องด้วยสิ่งที่เล้งซานกระทำกับพรรคป้อมอัคคีนั้นนับว่าสาหัสสากรรจ์อย่างมาก

และวันนี้เหตุผลหนึ่งที่มันยอมมาเป็นกรรมการชี้ขาดต่ออีกปี คือหวังว่าจะพบตัวเล้งซานและพากลับไป

กรรมกรท่านหนึ่งขึ้นไปบนเวทีประลอง เพื่อประกาศ

"วันนี้เป็นการประลองยุทธรุ่นเยาว์ประจำปีของเมืองเมฆครามแห่งนี้ ขอขอบคุณพรรคน้อยใหญ่ที่ได้ส่งศิษย์รุ่นเยาว์อายุไม่เกิน 18 ปีมาเข้าร่วม ผู้สมัครมีด้วยกันทั้งสิ้น 800 คน เท่ากับเมื่อปีก่อน ทางเราจึงขอใช้กติกาเดิมของปีที่แล้ว จะทำการประลองทั้งสิ้น 2 วัน ในวันแรกแบ่งสายออกเป็น 16 สาย สายละ 50 คน ผู้ที่เหลือรอด 2 คนสุดท้ายในแต่ละสาย จะผ่านเข้าสู่รอบที่สอง ในรอบที่สอง คู่ที่ผ่านเข้ารอบในแต่ละสาย จะต้องประลองกับสายข้างๆแบบ 2-2 คู่ใดชนะจะผ่านเข้าสู่รอบที่สามในการประลองวันถัดไป จากนั้นจะเป็นการจับสลากสู้แบบ 1-1 แบบแพ้คัดออก จนเหลือผู้ชนะคนสุดท้าย

และในปีที่แล้ว ผู้ชนะเลิศ เล้งซานแห่งหมู่บ้าน เมฆาล่อง ได้ปฏิเสธรางวัลชนะเลิศ ทำให้ปีนี้รางวัลชนะเลิศจะถูกทบยอดมาจากปีที่แล้ว รวมกันเป็นสองเท่า!! และจากนี้ข้าขอประกาศเริ่มการประลองยุทธรุ่นเยาว์แห่งเมืองเมฆคราม ณ บัดนี้...."

..................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด