ตอนที่แล้วตอนที่ 61 อัพเกรดระบบเสร็จสิ้น! จุดเริ่มต้นของภารกิจ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 63 ราชาผู้แข็งแกร่งทรมาณคนระดับทองแดง

ตอนที่ 62 นี่ฉันเป็นอัจฉริยะด้านปิงปองงั้นหรอ


กำลังโหลดไฟล์

จากนั้นไม่นานเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินเซิ่งจิง เย่เทียนดูกระเป๋าเครื่องสำอางในกระเป๋าของระบบและเขาก็นึกอะไรสนุกๆได้ทันที เขาโกหกว่าปวดท้องจึงต้องการไปห้องน้ำ เขาทิ้งเซียวยวี่เยียนไว้ในโซนพักผ่อน.

สิบนาทีต่อมา มีคุณปู่หลังค่อมเดินออกจากห้องน้ำด้วยไม้เท้าและร่างกายที่สั่นเทา

คุณปู่คนนี้คือเย่เทียนที่ใช้ยาแต่งหน้าระดับมหากาพย์นั่นเอง เขาเดินมานั่งข้างเซียวยวี่เยียนและพูดด้วยเสียงต่ำ “สาวน้อย เธอมาเที่ยวหรอ…”

เซียวยวี่เยียนมองเย่เทียนแล้วยิ้ม

เย่เทียนใจเต้นแรง ยานี้คงไม่ถูกจับได้ในครั้งแรกหรอกใช่ไหม?

เซียวยวี่เยียนตอบกลับอย่างสุภาพ “ใช่คะ สำเนียงคุณปู่ไม่เหมือนคนเซิ่งจิงเลย คุณปู่มาเที่ยวเหมือนกันหรอ?”

เย่เทียนยิ้มกริ่มอยู่ในใจและพยักหน้า “ใช่ พอแก่แล้วแต่ยังเดินไหวอยู่ก็ควรออกมา”

“โอ้...แล้วญาติของคุณปู่ล่ะ?” แม้ว่าเซียวยวี่เยียนจ้องหน้าของเย่เทียนแต่เธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ ไม่ใช่ว่าความสามารถในการสังเกตของเซียวยวี่เยียนไม่ดี แต่ทักษะการแต่งหน้าของยาแต่งหน้าที่เย่เทียนใช้มันดีเกินไป ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าจะไม่สามารถแยกความต่างระหว่างของจริงกับของปลอมได้เลย

“มาคนเดียวน่ะ” เย่เทียนมองขึ้นบนเพดาน “ฉันไม่มีลูกหลาน…”

“พระเจ้า คุณอายุมากขนาดนี้แล้วยังไปไหนมาไหนคนเดียวอีก ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาคุณจะทำยังไงล่ะ?” เซียวยวี่เยียนอุทานด้วยหน้าไม่อยากเชื่อและหน้าเศร้าในเวลาเดียวกัน คุณปู่คนนี้น่าสงสารมาก

“ดีจังที่มีคนห่วงใยคนแก่อย่างฉัน” เย่เทียนยืนอย่างสั่นเทาแล้วเดินโยกตัวไปมาอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะล้มเซียวยวี่เยียนจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วย “ระวังนะคะคุณปู่ ...”

“หลานสาวแสนดี หลานสาวแสนดี” เย่เทียนหัวเราะ

เซียวยวี่เยียนสตั้นไปสามวิก่อนเธอจะได้สติ “เสียงของคุณ...ทำไมฟังดูคุ้นจัง พี่ชาย?”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” เย่เทียนหัวเราะออกมา

หน้าของเซียวยวี่เยียนแดงขึ้น เธอต่อยเย่เทียนด้วยความโกรธ “ทำไมคุณทำแบบนี้นะ! ฉันตกใจหมดเลย!”

แน่นอนว่าเซียวยวี่เยียนไม่ได้โกรธจริงๆ และเธอสนใจทักษะการแต่งหน้าของเย่เทียนมาก “พี่ชาย การแต่งหน้าของคุณดีมาก ตอนนี้ฉันจำคุณไม่ได้เลย”

เย่เทียน “แน่นอนอยู่แล้ว พี่เย่เทียนของเธอมีทักษะมากมายแต่มันไม่ได้ง่ายเหมือนการแต่งหน้า เธอรอฉันก่อนนะเดี๋ยวฉันไปล้างเครื่องสำอางก่อน”

“อย่าพึ่ง!” เซียวยวี่เยียนกลายเป็นปีศาจน้อยซุกซน “เรื่องสนุกๆแบบนี้ต้องเอาไปแบ่งพี่สาวด้วยสิ”

ตาของเย่เทียนเปร่งประกาย “หมายความว่า...ให้แต่งไว้แบบนี้!”

“ฮิฮิ...แน่นอน!”

“น่าสนใจดีนิ งั้นไปกันเถอะหลานรักไปถ่ายรายการกัน”

“ได้เลยค่ะคุณปู่”

เซียวยวี่เยียนผู้เขียนบทละคร!

...

เซิ่งจิง การถ่ายรายการของโรงห่าน

เนื่องจากการจราจรบนท้องถนนติดขัด ทำให้เมื่อเย่เทียนและคนอื่นๆมาถึงการถ่ายทอดสดก็เริ่มไปแล้ว ทุกทิศทางต่างถูกล้อมไปด้วยแฟนคลับ ในหมู่พวกเขาเป็นแฟนคลับของหยางจิ่นลี่ 90%ส่วนที่เหลืออีก 10%เป็นแฟนคลับของคนอื่นๆ ในฐานะศิลปินหญิงที่ดังที่สุดในสองปีที่ผ่านมาจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมาดูเธอมากแบบนี้ ตราบใดที่เธอได้เต้นและร้องเพลงคนอื่นก็จะ...

“เธอมาด้วยหรอยวี่เยียน? พี่ชายบอกว่าจะมาไม่ใช่หรอ? แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ?” ตาของโหยวฉินเสี่ยวเหยาเฉียบคม เธอมองเซียวยวี่เยียนที่วิ่งมาโดยมีช่างภาพเฉพาะสองคนอยู่ข้างหลัง

เซียวยวี่เยียนประหม่าจึงพูดตะกุกตะกัก “พี่ชาย...พี่ชายบอกว่ามีบางอย่างต้องทำเลยมาช้า...”

“เอ๋?” โหยวฉินเสี่ยวเหยามีสีหน้าผิดหวัง

“แค่กแค่ก…” เย่เทียนเริ่มแสดงโดยไอสองสามครั้ง

โหยวฉินเสี่ยวเหยาปรับความคิดของเธอและพูดอย่างสงสัย “คุณปู่คนนี้คือ...”

“เป็นปู่ของฉันเอง!” เซียวยวี่เยียนรีบพูด

“อ่า สวัสดีค่ะคุณปู่”

“สวัสดี สวัสดี...ฮ่าฮ่า ฉันมาดูแบบนี้หวังว่าจะไม่ไปกระทบต่อการถ่ายของเธอนะ” เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เลยคะ พาคุณปู่ไปไม่นั่งสิยวี่เยียน”

ถัดจากนักแสดงหญิงคนอื่นๆ เย่เทียนกับเซียวยวี่เยียนที่เป็นแขกเดินไปนั่งบนม้านั่งและไม่มีใครจำเขาได้เลยสักคน

อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากในการถ่ายทอดสดต่างชื่นชมเซียวยวี่เยียนในความน่ารักและความอ่อนโยนของเธอ และเสียดายที่เธอไม่ได้เดบิวต์...

แน่นอนว่าพวกเขาสองคนไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย

หลังจากนั้นสักพักก็มีรถบัสเบียดกลุ่มผู้ชมเข้ามา กลุ่มหญิงสาวที่รอบตัวเต็มไปด้วยบรรยากาศบริสุทธิ์ลงจากรถ “ฮาย~! สวัสดีค่าทุกคน!”

“ส...สวัสดีค่ะ”

กลุ่มคนดูและหยางจิ่นลี่ต่างตะลึง พวกเธอเป็นใคร?

ผู้กำกับ “พวกเธอเป็นเป้าหมายแรกของพวกคุณในวันนี้”

“เป้าหมาย?”

“เอ่อ นี่คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”

หยางจิ่นลี่มองไปมา เธอไม่เข้าใจว่าผู้กำกับต้องการอะไร

จากนั้นไม่นานทีมงานก็ออกมาตั้งโต๊ะปิงปอง

ตอนนี้ทุกคนต่างเข้าใจแล้ว

นี่คือจะให้พวกเธอแข่งปิงปองกัน

“ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งได้รับ 10 ลูกจากพวกเธอ การแข่งครั้งแรกจะถือว่าสำเร็จ” ผู้กำกับยิ้มอย่างชั่วร้าย “จิ่นลี่ คุณเป็นกัปตันทีม คุณเลือกลำดับของการแข่งได้เลย”

หยางจิ่นลี่พูดอย่างลำบากใจ “ฉันพอเล่นปิงปองได้แค่นิดหน่อย เซียวเหยา เหว่ยเหว่ย สือสือ เสี่ยวถง แล้วพวกเธอล่ะ?”

สาวๆส่ายหัวและบอกว่าเล่นได้ไม่ดี...โดยเฉพาะจ้าวสือสือที่สละสิทธ์ในทันที ตั้งแต่โตมาเธอไม่เคยถือไม้ปิงปองแม้แต่ครั้งเดียว

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะลงไปเล่นก่อน เสี่ยวเหยาคนที่สอง เสี่ยวถงคนที่สาม และเหว่ยเหว่ย…” หยางจิ่นลี่สูดหายใจเข้าลึกและถือไม้ปิงปองอย่างมืออาชีพ

เย่เทียนหัวเราะอยู่ข้างหลัง “เป็นฝีมือของโรงห่านนี่เอง ทั้งเอฟเฟครวมถึงการเชิญนักปิงปองมืออาชีพกลุ่มนี้”

“พวกเธอเป็นมืออาชีพรึเปล่า?” เซียวยวี่เยียนถามด้วยความแปลกใจ

“ใช่...”

เย่เทียนเป็นคนที่ชอบกีฬามาก เขาเคยดูบาสเก็ตบอล ฟุตบอล ปิงปอง ดำน้ำ สเก็ตและรายการอื่นๆ เขาเห็นออร่าของคู่ต่อสู้และตัดสินว่าคนธรรมดาไม่สามารถเอาชนะได้

ในเวลาเดียวกันเย่เทียนก็มีแผนในใจ เขาส่งยาปิงปองระดับสูงให้เซียวยวี่เยียน “กินซะ”

“อึก”

เซียวยวี่เยียนกลืนทันทีแล้วถามอย่างโง่เขลา “พี่ชาย เมื่อกี้คุณเอาอะไรให้ฉันกิน?”

เย่เทียน: (¬_¬)

เย่เทียน “เธอจะออกไปตอนที่พวกเธอกำลังจะแพ้”

“ฉันเหรอ แต่ฉันเล่นปิงปองไม่เป็นนะ!” เซียวยวี่เยียนสะดุ้งโหยง

เย่เทียนขอไม้และลูกปิงปองจากคนทำอุปกรณ์ประกอบฉากแล้วยื่นให้เซียวยวี่เยียน “ลองคว่ำดูสิ”

เซียวยวี่เยียนลองหยิบมาคว่ำดู...

มีบางอย่างอันน่าอัศจรรย์เกิดขึ้น ลูกปิงปองติดอบู่กับมือของเธอ

“นี่...นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์เลยสักนิด! ฉันเป็นอัจฉริยะเรื่องปิงปองหรอ?” เซียวยวี่เยียนตะลึง

เย่เทียนพยักหน้า “อาจจะใช่”

อีกด้านหนึ่ง...

หยางจิ่นลี่แพ้การแข่งรอบแรก

เรียกได้ว่าถูกฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว

ฝ่ายตรงข้ามโหดเกินไป ลูกสุดท้ายตีมาเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่ลูกบอล...

“นี่มันมากไปแล้ว ผู้กำกับ!”

หยางจิ่นลี่โกรธจัด เธอถือไม้ปิงปองไปหาผู้กำกับเพื่อจัดการเขา “ภารกิจนี้มันเป็นไปไม่ได้!!!”

ใบหน้าน่ารักๆมาพร้อมกับเสียงที่โกรธจัดโดยมีการเพิ่มเสียงจากโปรแกรม

เสียงหัวเราะดังขึ้นอยู่รอบด้าน

การถ่ายทอดสดเขื่อนแตกอีกครั้ง

“ดูสิ ชุนฮวาจะตีผู้กำกับแล้ว!”

“ฮ่าฮ่า! ใครเป็นผู้กำกับเนี่ย เขาทำชุนฮวาร้องได้แล้ว!”

“โธ่ ฮ่าฮ่า ฉันหัวเราะจนจะขาดใจตายแล้ว…!”