ตอนที่แล้วตอนที่ 17
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19

ตอนที่ 18


เมื่อเห็นจีเจ๋อหยูออกมาพร้อมกับขนมที่เสี่ยวฮ่วยให้ ลู่หนานหยุนก็หงุดหงิดขึ้นมา

ขาอยากจะก้าวเข้าไปหาแต่ก็ต้องหยุดเอาไว้ สิ่งแรกที่ลู่หนานหยุนรู้สึกคือความผิดหวัง และอารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้แพร่กระจายอยู่ในตัวเขา ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้ได้กัน

เขาหายใจเข้าลึกๆ ลู่หนานหยุนหันหลังและจากไป หลังจากกลับมาที่หอพักเขาก็แกะห่อบิสกิตหมีและกินไปสองสามชิ้น ยิ่งกินยิ่งไม่อร่อย เขาทำเพียงแค่โยนพวกมันลงบนโต๊ะแล้วออกไปซ้อมเต้นด้วยความฟุ้งซ่าน

เหลือเวลาเพียงสี่วันก่อนทำการแสดง และการซ้อมของกลุ่มร้องและแต่งเพลงกลุ่ม A ทำได้ดีขึ้น ภายใต้การนำทีมของเฟิงหยาน เอฟเฟกต์บนเวทีของกลุ่มของพวกเขาถึงได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

ทางด้านเสี่ยวฮ่วย ความคืบหน้าของกลุ่ม B นั้นแทบไม่คืบหน้าไปไหน เสี่ยวฮ่วยเองก็กังวลเช่นกัน เขาอยู่ในห้องซ้อมเต้นดึกดื่นกันทุกวัน ดูวิดีโอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหงื่อออกไปทั่วตัว

จีเจ๋อหยูก็ฝึกดึกเช่นกันและเขาก็พาเสี่ยวฮ่วยไปฝึกด้วยกันทุกครั้ง

ทีมก่อนหน้านี้ของเสี่ยวฮ่วยถูกทรมานจนไปต่อไม่ได้เพราะความพิเศษของเสี่ยวฮ่วย เด็กฝึกทีมก่อนหน้าที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเสี่ยวฮ่วยถูกทรมานจนร่างพังด้วยเวทย์มนตร์ของเขา หรือไม่ก็ปล่อยเลยตามเลยกับสิ่งที่เขาเป็น ไม่เคยมีใครยืนกรานที่จะสอนเขาได้เกินครึ่งชั่วโมง

แต่จีเจ๋อหยูก็ทนได้จริงๆ เขาจ้องไปที่เสี่ยวฮ่วยอย่างอดทนเพื่อฝึกฝน และใช้ปัญหาเพื่อชี้ให้เห็นความผิดพลาดของเขา ในที่สุดก็ทำให้การเต้นและการร้องเพลงของเจ้าตัวดีขึ้นมาเล็กน้อย

จะอย่างไรก็ตาม ก่อนที่จีเจ๋อหยูจะมีเวลามีความสุข เขากลับถูกโลกแห่งความจริงกระชากกลับมาอีกครั้ง

เป็นเรื่องหนึ่งที่เสี่ยวฮ่วยฝึกซ้อมตัวคนเดียว และอีกเรื่องหนึ่งเมื่อเขาซ้อมกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม

" เดี๋ยว หยุดก่อน " จีเจ๋อหยูทำท่าทางให้หยุดชั่วคราว เขามองย้อนกลับไปที่เสี่ยวฮ่วยแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย " เสี่ยวฮ่วยการเคลื่อนไหวนี้ไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อนหรือไม่ ทำไมมันถึงผิดพลาดอีกครั้ง?"

“ฉัน…” หน้าผากของเซียวฮ่วยเปียกโชกและมีร่องรอยของความหงุดหงิดในดวงตาของเขา “ฉันลืมไป”

ซูจิงเซินหายใจเข้าออกและพูดกับเสี่ยวฮ่วยว่า " นายลองฝึกด้วยตัวเองอีกหน่อยนะ" เนื่องจากจีเจ๋อหยูพูดอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้กล่าวหาเสี่ยวฮ่วยอีก แต่เขาก็ยังคงรู้ึกโกรธกับเรื่องนี้อยู่ในใจ .

เมื่อจีเจ๋อหยูพาเสี่ยวฮ่วยกลับมาซซ้อมร่วมกันกับทีม เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหม่า แล้วการฝึกต่างๆก่อนหน้านี้เหมือนจะถูกย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น

ไม่เพียงแต่เสี่ยวฮ่วยรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

เมื่อฝึกซ้อมช่วงกลางคืน จีเจ๋อหยูนั่งบนพื้นข้างๆ เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง

หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมกลับไปหมด เสี่ยวฮ่วยก็ถูกจีเจ๋อหยูรั้งไว้

“เสี่ยวฮ่วย ฉันมีอะไรอยากจะถามนายหน่อย” จีเจ๋อหยูมองคนตรงหน้าอย่างจริงจัง " นายรู้ไหมว่าเสน่ห์ของนายคืออะไร?"

ตัวเขานั้นสงสัยเกี่ยวกับคำถามนี้มาโดยตลอด แต่ไม่มีเวลาถาม ตอนนี้เขาถึงได้ถามออกไป

เสี่ยวฮ่วยตกตะลึงและลังเลที่จะพูด " ฉันก็ไม่รู้... อาจเป็นเพราะฉันดูดีหรือเปล่า?" คำตอบค่อนข้างแตกต่างจากที่จีเจ๋อหยูคาดไว้

เดิมทีเขานั้นต้องการให้เสี่ยวฮ่วย เค้นเสน่ห์ของตัวเองบนเวทีออกมา เพื่อชดเชยทักษะที่ขาดไปของเขา แต่เมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายi เขาก็รู้สึกเหมือนว่าเจอทางตัน

ในขณะที่จีเจ๋อหยูรู้สึกว่าถนนข้างหน้านั้นริบหรี่ ตามความก้าวหน้าในปัจจุบันของเสี่ยวฮ่วยดูเหมือนว่าจะไม่เห็นความหวังของชัยชนะในการแสดงครั้งนี้แล้ว

ในขณะที่จีเจ๋อหยูเริ่มรู้สึกเบื่อกับเรื่องเหล่านี้ ทีมงานของรายการก็มาหาเขาทันที

“พรุ่งนี้เช้าคุณจะต้องถ่ายรายการพ่วง คุณอย่าลืมว่าต้องไปที่นั่นแต่เช้านะครับ” พนักงานพูดกับ จีเจ๋อหยูว่า " ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นครับ"

เขาอึ้งไปสักพักแล้วพยักหน้าและพูดว่า " โอเค ผมเข้าใจแล้ว "

รายการต่อพ่วงที่ทีมงานพูดถึงคือรายการ "Shining Youth Season" ซึ่งถ่ายทำสัปดาห์ละครั้ง เนื้อหาทั่วไปคือการเชิญเด็กฝึกที่ได้รับความนิยมในรายการมาสัมภาษณ์และเล่นเกมด้วยกัน

เนื่องจากเนื้อหาที่น่าสนใจของรายการนี้ ความนิยมจึงสูงอยู่เสมอ และผู้เข้าแข่งขันหลายคนต่างก็อยากมาออกกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น จีเจ๋อหยูตืนขึ้นมาและไปที่สตูดิโอซ้อมเต้นอยู่พักหนึ่ง หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่ตามปกติและมาที่สถานที่ถ่ายทำก่อนเวลา

เมื่อบันทึกรายการนี้ ผู้เข้าแข่งขันแทบไม่เคยสวมเสื้อผ้าของตัวเองเลยสักครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงสวมเสื้อผ้าที่ดูดีไปหมด พวกเขาต้องการใส่เสื้อผ้าของแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในตู้เสื้อผ้า

เมื่อเขามาถึงห้องแต่งตัว ตัวเขาก็เห็นว่าลู่หนานหยุนกับเหว่ยอี้เฉินได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนดูดีมากเมื่อใส่ชุดลำลอง

“ให้ตายสิ ทำไมลืมคิดเรื่องนี้ไปได้” เขาสบถออกมาเบาๆกับตัวเอง " ฉันนี่ไปไหนก็ต้องเจอกับตัวเอกให้ได้เลยสินะ... "

จีเจ๋อหยูกวักมือเรียกพนักงานที่อยู่ใกล้ๆมาถามเบาๆว่า " ผมไม่ถ่ายได้ไหมครับ?"

" ไม่ได้ครับ " ทีมงานคิดว่าเขาล้อเล่นและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

จีเจ๋อหยูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งหน้ากระจกแต่งหน้าอย่างจำยอม

ลู่หนานหยุนที่อยู่ด้านข้างนั้นเย็นชาและเรียบเฉย ดูเหมือนว่าวันนี้จะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกฝ่ายเหลือบมองที่จีเจ๋อหยูนิดๆ แล้วถอนสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนทางด้านเหว่ยอี้เฉินกลับทักทายเขาอย่างเป็นธรรมชาติ “กลุ่ยนายซ้อมเป็นยังไงบ้าง?”

" ก็ดี " จีเจ๋อหยูพูดอย่างว่างเปล่า " ไม่ถึงกับทำให้ผู้ชมตื่นเต้นเท่าไหร่หรอก "

เหว่ยอี้เฉินอดหัวเราะไม่ได้ ช่างแต่งหน้าแทบจะขมวดคิ้ว

“ฉันบอกแล้วว่าเสี่ยวฮ่วยไม่ง่ายอย่างนั้น” เหว่ยอี้เฉินหยุดสักพักและพูดต่อ " จริงๆแล้วนายสามารถยอมแพ้เรื่องเขาได้นะ ครั้งล่าสุดเฟิงหยานก็ทำ ถ้าคนอื่นทำได้ดี มันก็ไม่ได้แย่เกินไปนะ"

" อย่างงั้นเหรอ?"

จีเจ๋อหยูไม่อยากจะคุยกับตัวเอกมากเกินไป แต่เขานั้นไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เหว่ยอี้เฉินพูดและไม่สามารถทำอะไรได้ เขาได้แต่ขมวดคิ้วและพูดว่า " เสี่ยวฮ่วยนะดีมากฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องเขาหรอก ต่อให้แย่แค่ไหน แต่ตราบใดที่ยังฝึกอยู่ มันก็มีโอกาส"

ลู่หนานหยุนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่มีการตอบสนอง แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่จีเจ๋อหยูชื่นชมเสี่ยวฮ่วยi อารมณ์ที่ไม่รู้จักก็วาบไปทั่วดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและออกจากห้องแต่งตัวไป

เหว่ยอี้เฉินไม่คิดว่าจีเจ๋อหยูจะพูดแบบนี้ เขาตกตะลึง มองดูอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ และพูดหลังจากนั้น “ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นกัปตันที่มีความรับผิดชอบขนาดนี้”

เขาคิดเสมอว่าจีเจ๋อหยูคงต้องเสียใจที่เลือกเสี่ยวฮ่วยไม่ช้าก็เร็ว แต่เขาไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมีความรับผิดชอบมากถึงขนาดนี้

หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เหว่ยอี้เฉินก็ลุกขึ้นและเดินไปข้างหลังจีเจ๋อหยู มองดูภาพคนสองคนในกระจก วันนี้เขาไว้ผมหน้าม้าสีพีชนุ่มๆ และไฝที่หางตาก็ดูน่าดึงดูดขึ้นไปอีก

จีเจ๋อหยูต้องมองอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

“อันที่จริงฉันเข้าใจสิ่งที่นายคิดนะ” เหว่ยอี้เฉินพูดด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา “ก็แค่... ฉันคิดว่าการแสดงของกลุ่มนายต้องการแนวทางที่แตกต่างจากคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีทางชนะด้วยแค่การร้องเพลงและเต้น”

จีเจ๋อหยูชะงัก

สิ่งที่เหว่ยอี้เฉินพูดนั้นเหมือนกับสิ่งที่เขาคิดเมื่อคืนนี้เลย

ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรออกไป เหว่ยอี้เฉินก็ได้ออกจากห้องแต่งตัวไปแล้ว

การถ่ายทำ "Shining Youth Season" เริ่มในอีกสิบนาทีต่อมา ว่านหลงพึ่งมาถึงที่ถ่ายทำ เขาพยักหน้าและโค้งคำนับเพื่อขอโทษทุกคน " ขอโทษนะครับ วันนี้ผมกินข้าวเช้ายอะไปหน่อย"

กู้เว่ยเฉิงพูดกับเขาว่า “ฉันว่าฉันมาสายมากแล้วนะ แต่นายยังจะกินข้าวที่โรงอาหารอีกเหรอ?”

“เสี่ยวว่านมานั่งนี่สิ” ไป่เซิงเจี๋ยโบกมือให้เขา

หลังจากที่ทั้งหกคนมาถึง ทีมงานก็เริ่มอุ่นเครื่อง พวกเขาชื่นชมความหล่อของทุกคน และแสดงท่าทีอยากได้ลายเซ็นของพวกเขา

หลังจากอุ่นเครื่องเรียบร้อม ก็มาถึงช่วงสัมภาษณ์ แต่คำถามนั้นก็ไร้สาระจนถึงคำถามสุดท้าย พวกเขายังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มันเลยไม่มีอะไรมากไปกว่า " กู้เว่ยเฉิงมีกล้ามหน้าท้องกี่ลูก?"  " ลู่หนานหยุนชอบถอดเสื้อนอนหรือเปล่า?" " เหว่ยอี้เฉินมีสเปคผู้หญิงที่ชอบแบบไหน?"

เด็กฝึกคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เขินอายกับสิ่งที่โดนถาม ตัวจีเจ๋อหยูองก็เช่นกัน เขาไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรที่ทำให้เขาอายได้

" คำถามต่อไปจากแฟนๆ ง่ายมากเลยครับ" พิธีกรยิ้ม มองที่จีเจ๋อหยู และถามช้าๆ " คุณมั่นใจในการแสดงครั้งที่สองหรือเปล่าครับ? "

จีเจ๋อหยู "..." ให้ตายสิ แต่ก็ดีกว่าถามว่าเขาจะนอนแก้ผ้าล่ะนะ

" ผมคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้ครับ " จีเจ๋อหยูพูดอย่างเคร่งขรึม " ตราบใดที่ทุกคนทำงานอย่างหนัก มันก็ไม่มีอะไรให้เสียใจครับ"

“หมายความว่าไม่มีความมั่นใจเหรอครับ?” พิธีกรกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็สู้ๆนะครับ”

จีเจ๋อหยู: "...ครับ "

สิ่งที่รอคอยจริงๆคือเกมแข่งขัน ทั้งหกคนจะถูกแบ่งออกเป็นสองทีมเพื่อต่อสู้กันเอง เนื้อหาของเกมการต่อสู้นั้นแปลกประหลาดและเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่สุดของรายการ

ตอนที่เราจัดกลุ่มกัน ว่านหลงพูดเสียงดังว่า “ฉันกับลู่หนานหยุนอยู่ด้วยกันนะ”

ลู่หนานหยุนเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างว่างเปล่า

ต่อมาว่านหลงก็ดึงกู้เว่ยเฉิงมาอีกครั้งและพูดเสียงดังอีกว่า " กู้เว่ยเฉิงก็อยู่กับพวกเรา"

ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “นายจะไม่ถามความเห็นฉันหน่อยเหรอ?” สายตาของเขาเหลือบมองไปทางจีเจ๋อหยู

“นายคิดอะไรเยอะแยะกัน เว่ยเฉิงแข็งแกร่งมากจนสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้ไม่ว่าจะเกมไหนก็ตามเลยนะ” ว่านหลงตบไหล่ลู่หนานหยุน " ฉันต้องได้กินชานม ฉันโลภ ฉันต้องชนะให้ได้"

พิธีกรยิ้มและพูดว่า " อืม ลู่หนานหยุน,กู้เว่ยเฉิง และว่านหลงอยู่ด้วยกัน และที่เหลือคือจีเจ๋อหยู, เหว่ยอี้เฉิน และไป่เซิงเจี๋ยสินะ"

ลู่หนานหยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ ต่อต้านความอยากที่จะตีว่านหลงจนตาย

หลังจากจัดกลุ่มเรียบร้อย พิธีกรก็พูดขึ้น " เกมของเราวันนี้คือ..ตอบคำถามประลองปัญญา"

ว่านหลงตกตะลึงในจุดนั้น จากนั้นก็จ้องมองไปที่เหว่ยอี้เฉินที่ฝั่งตรงข้าม แล้วเขาก็ตบเข่าตัวเองพูดว่า “ให้ตายเถอะ ใครจะเก่งเท่าเด็กโรงเรียนหัวกะทิ!”

“อะแฮ่ม” กู่เว่ยเฉิงเตือนว่านหลง “ลู่หนานหยุนกับเหว่ยอี้เฉินก็มาจากโรงเรียนเดียวกัน”

"โอ้ นั่นสินะ" ว่านหลงรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง “พี่หนาน ฝากความหวังไว้ที่นายแล้ว”

เริ่มเกม

เดิมทีจีเจ๋อหยูคิดว่ามันจะเป็นพวกคำถามพัฒนาสมองหรืออะไรทำนองนั้น แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นคำถามประวัติศาสตร์แบบฮาร์ดคอร์ขนาดนี้ แต่เหว่ยอี้เฉินก็ยังกดปุ่มคำตอบโดยไม่แม้แต่จะคิดและดันเป็นคำตอบที่ถูกต้องด้วย

หลังจากนั้นก็มี คำถามฟิสิกส์ เคมี และภูมิศาสตร์ผลัดกันไป นอกจากเหว่ยอี้เฉินกับลู่หนานหยุนก็ไม่มีใครสามารถตอบคำถามได้

จีเจ๋อหยูทรุดตัวลงบนโซฟา ฟังเรื่องที่พิธีกรอ่านด้วยใบหน้าว่างเปล่า แล้วคิดในใจ: เอาน่า ฉันมาที่นี่เพื่ออยู่ให้ห่างจากตัวเอกเท่านั้น

สุดท้ายลู่หนานหยุนก็ชนะเกมไปด้วยคะแนนนำเล็กน้อย โดยอาศัยความเร็วของมือที่เร็วกว่าเหว่ยอี้เฉิน 0.5 วินาที

หลังจบเกม ว่านหลงก็ไปรับชานมกับลู่หนานหยุนอย่างมีความสุข ในขณะที่เหว่ยอี้เฉินพูดกับจีเจ๋อหยูว่า " น่าเสียดาย ช้าไปนิดเดียวเอง นายเลยไม่ได้กินชานมเลย"

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้อยากกินหรอก” เขาถอนหายใจ จริงๆแล้วเขานั้นอยากกินชานมนั่นแหละ “ฉันไปก่อนนะ ต้องไปซ้อมแล้ว”

" เดี๋ยวก่อน" จู่ๆ เว่ยอี้เฉินก็เรียกเขาไว้ “สิ่งที่ฉันบอกนายในห้องแต่งตัวก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับกาแก้ไขการแสดงบนเวที นายสนใจจะฟังไหม?”

จีเจ๋อหยูเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจแล้วถามกลับ " นายอยากจะบอกฉันเหรอ? " ทักษะของเหว่ยอี้เฉินเกมถาม-ตอบยอดเยี่ยมมาก มันทำให้จีเจ๋อหยูเชื่อว่าเขาคงมีความคิดเห็นที่ต่างออกไปอย่างแน่นอน

“ความตั้งใจเดิมคือการเต็มใจ” เหว่ยอี้เฉินยิ้มนิดๆและพูดช้าๆ “อย่างไรก็ตาม นายต้องสัญญากับฉันอย่างหนึ่ง”

ด้านนอกสตูดิโอ ลู่หนานหยุนหยิบชานมและเตรียมจะเอาให้จีเจ๋อหยูเมื่อทุกคนกลับไปหมด เขาคิดเหตุผลต่างๆเป็นข้ออ้าง และบอกว่าเขาไม่ชอบของหวาน ด้วยเรื่องนี้จีเจ๋อหยูต้องประทับใจแน่นอน

เมื่อทุกคนต่างกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงเหว่ยอี้เฉินและจีเจ๋อหยูที่ยังไม่ออกมา

ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย และเมื่อเขาเดินไปที่ประตู เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านใน

“อาทิตย์นี้ถึงตาที่ฉันต้องถ่าย Vlog Shining แล้ว” เหว่ยอี้เฉินพูดกับจีเจ๋อหยู“นายอยากมาออก vlog กับฉันไหม?”

ลู่หนานหยุนบีบแก้วชานมโดยไม่รู้ตัว แล้วกลั้นหายใจ

" Vlog Shiningเหรอ?" จีเจ๋อหยูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมกับตัวเอกมากนัก แต่เขาก็ต้องการรู้วิธีแก้ไขแสดงบนเวทีจริงๆ

ไม่กี่วินาทีต่อมา

ลู่หนานหยุนก็ได้ยินเสียงของจีเจ๋อหยูมาจากสตูดิโอ:

“โอเค ฉันตกลง”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด