ตอนที่แล้วตอนที่ 153+154 ผลจากการสืบสวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 157+158 ตามเธอไป!

ตอนที่ 155+156 ยกโทษให้แล้ว


กำลังโหลดไฟล์

หลังจากวางสาย จางซีชิงได้ฉาบรอยยิ้มอันน่ารื่นรมย์บนใบหน้าของเธอ เอตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่เจียงเหยาผู้เย่อหยิ่งและสามีของเธอจะถูกเยาะเย้ย

เช้าวันรุ่งขึ้น กลุ่มนักศึกษายืนล้อมที่หน้าบอร์ดประกาศข่าวของทางมหาวิทยาลัย เวินเสวี่ยฮุ่ยทำหน้าบูดบึ้งด้วยความตกใจมาก หลังจากที่เธอและเจียงเหยาเดินออกจากกลุ่มคน

“โธ่! มีการเพิ่มตัวแทนนักศึกษาจากหนึ่งคนเป็นสองคน” เวินเสวี่ยฮุ่ยบ่นอย่างหงุดหงิด แม้ว่าเธอจะไม่ได้กลับบ้าน แต่เธอก็รู้ว่าตระกูลจางน่าจะทำยางอย่างให้ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยช่วยเหลือ

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” เจียงเหยาเลิกคิ้วและกล่าว มัวได้บอกเรื่องนี้กับเธอตั้งแต่เช้าแล้ว เธอไม่แน่ใจว่ามันไปได้ข่าวนี้มาจากไหน แต่เธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการคัดเลือกตัวแทนนักศึกษาใหม่อยู่แล้ว ตระกูลจางได้ตัดสินใจบริจาคเงินสร้างอาคารหอพักนักศึกษาหนึ่งหลังในพื้นที่เขตตะวันตกของมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยตอบแทนความมีน้ำใจของตระกูลจางโดยการเลือกจางซีชิงเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ แต่เนื่องจากมีการประกาศตัวแทนนักศึกษาใหม่ไปเมื่อวานแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจเพิ่มตัวแทนนักศึกษาให้มีสองคน และให้เวลากล่าวสุนทรพจน์คนละสิบห้านาที

เวินเสวี่ยฮุ่ยพูดถูก พ่อแม่ของจางซีชิงไม่มีเงินมากพอที่จะบริจาคให้กับการก่อสร้างอาหารเขตตะวันตกทั้งหมด พวกเขาทำได้เพียงบริจาคอาคารหอพักใหม่ สำหรับทางมหาวิทยาลัยได้บางอย่างดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ดังนั้นทางผู้บริหารจึงรับน้ำใจนี้จากตระกูลจาง

จางซีชิงเห็นเจียงเหยาและเวินเสวี่ยฮุ่ยจากระยะไกล ขณะที่เธอรีบมาขวางหน้าพวกเขา เธอเรียกชื่อพวกเขาจากที่ไกล ๆ และวิ่งมาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมถ่อมตนว่า

“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วยนะ ฉันเข้าใจผิดเอง ฉันหวังว่าพวกเธอจะยกโทษให้ฉัน”

เจียงเหยาคิดว่าจางซีชิงมาหาพวกเขาคงเพราะอยากจะอวดเรื่องข่าวที่เธอได้รับเลือกเป็นนักศึกษาใหม่มากกว่า แต่เธอกลับขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยความถ่อมตัวและจริงใจ ความเย่อหยิ่งที่เธอแสดงเมื่อวานแทบไม่มีเลย

เจียงเหยาคงเชื่อเธอ หากเธอไม่มีประสบการณ์ที่ได้รับจากชีวิตก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอทำได้เพียงสงสัยในเจตนาของจางซีชิง

“เพื่อแสดงความขอโทษอย่างจริงใจ ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นคืนนี้นะ ได้ด้วยกันสิ ฉีเซียงจะเชิญสามีของเธอมากับเราด้วย”

จางซีชิงหัวเราะอย่างลับ ๆ เมื่อเจียงเหยาเอียงศีรษะของเธออย่างสงสัยเพื่อพูดถึงชื่อฉีเซียง เธอไม่รู้ว่าฉีเซียงคือใคร! เธอสงสัยว่าสามีของเจียงเหยาคงโกหกเธอเรื่องความร่ำรวยของเขา และเรื่องรถที่ยืมฉีเซ๊ยงมาหลอกให้เจียงเหยาเชื่อว่าเป็นของเขา เธอยิ้มอย่างเขินอายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ และตั้งตารอที่เฝ้าดูเจียงเหยาได้รู้ความลับที่จะถูกเปิดเผยในคืนนี้

จางซีชิงสันนิษฐานว่าเจียงเหยาผู้มาจากเมืองเล็ก ๆ คงจะไร้เดีงสา คิดว่าตัวเองสวยมากสินะ คงจะถูกสามีหลอกทุกวิถีทางให้แต่งงานกับเขา

จางซีชิงมั่นใจว่าเจียงเหยาถูกหลอกให้แต่งงาน!

“ฉีเซียงเป็นเจ้าของรถในรูปไง เขากับสามีของเธอเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? ฉันเลยโทรหาเขาให้มากับเราด้วย คนยิ่งมากยิ่งสนุก ไหน ๆ ก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน ก็ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว ดีเสียอีกที่จะได้พูดคุยกันระหว่างทานอาหารเย็น เธอคิดว่ายังไง”

“เขาขวนสามีของฉันด้วยเหรอ?” เจียงเหยายิ้มอย่างอ่อนโยน “รู้ไหมว่าสามีของฉันเป็นใคร”

หวกพวกเขารู้ว่าใครคือสามีของเอ เจียงเหยาจะยกเครดิตให้พวกเขาเลย ไม่ว่าจะฟังดูไม่น่าเชื่อแค่ไหนก็ตาม เมื่อเธอได้ยินว่าพวกเขาได้เชิญลู่ชิงสีมาทานข้าวในเย็นนี้ แม้ว่าเธอปัญญาอ่อนไปแล้ว ก็เชื่อไม่ลงหรอก

อันดับแรก ลู่ชิงสีอยู่ที่เจียงโด แล้วเขาจะมาในคืนนี้ได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่เขาจะออกมาจากกองทัพได้ตามใจ

ประการที่สอง แม้ว่าลู่ชิงสีจะมาที่นี่ เขาไม่ใช่คนที่จะไปเที่ยวกับผู้ชายที่ชื่อฉีเซียงนั่นหรอก

เมื่อคิดถึงข้อความที่เธอได้รับเมื่อเช้า – ‘อีก 25 วัน จะได้รู้กันแล้ว’ แวบเข้ามาในหัวของเธอ เธอมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากเขามาที่หนานเจียง เขาคงตรงมาหาเธอทันที คงไม่เสียเวลากับคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรอก

__

“สามีของเธอคือคนในรูปไม่ใช่เหรอ? ฉีเซียงบอกฉันว่าเขาชื่อโจว อะไรสักอย่าง” จางซีชิงตอบทันที

“ฮา!” เวินเสวี่ยฮุ่ยโพล่งหัวเราะออกมาทันที

เจียงเหยาเงียบและพูดว่า “โอ้ ในเมื่อฉีเซียงเป็นเพื่อนที่ดีกับสามีของฉัน เขาคงไม่รู้สินะว่าฉันไม่อยากเจอสามีในตอนนี้? ขอบคุณที่เชิญนะ แต่ไม่ล่ะ คืนนี้ฉันไปไม่ได้ พวกคุณไปกันเองเลย ฉันรับคำขอโทษจากคุณและยกโทษให้คุณ คุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวหรืออะไรกับฉันหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรกับเรื่องนั้นแล้วล่ะ”

จากนั้นเจียงเหยาก็จับมือเวินเสวี่ยฮุ่ยและเดินออกไป โดยปล่อยให้จางซีชิงยืนอยู่คนเดียวด้วยความงุนงง จางซีชิงค่อย ๆ กำหมัดแน่นและกัดฟัน ขณะที่เธอมองดูพวกเขาเดินห่างออกไปจากเธอ จองหองนัก!

“จางซีชิงคนนี้ นิสัยไม่ดีเลย” เวินเสวี่ยฮุ่ยคร่ำครวญอย่างขุ่นเคือง “เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีของเธอเป็นใคร ยังกล้าบอกอีกว่าจะเชิญสามีของเธอมาด้วย? โจวอะไรสักอย่างเหรอ? ทำฉันขำจะตายอยู่แล้ว”

เวินเสวี่ยฮุ่ยหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ทุกคนในหนานเจียงต่างรู้จักฉีเซียงดี เขาเจ้าชู้ยังกับอะไรดี ควงสาวแล้วทิ้งมาตั้งกี่คนต่อกี่คน จางซีชิงยังจะพาเธอไปรู้จักกับฉีเซียงอีก งี่เง่าที่สุด พูดตามตรงนะ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามีแผนร้ายอะไรที่จะใช้กับเธอเลยจริง ๆ”

ถ้าเธอพูดตามตรง เธออยากให้ผู้ชายที่ชื่อฉีเซียงคนนั้นอยู่ในคุกตลอดชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปทำอันตรายต่อสังคม แต่ตระกูลฉีนั้นมีอิทธิพลในเมืองหนานเจียงไม่ว่าเธอจะหงุดหงิดกับเขาแค่ไหน เธอก็ต้องฝืนยิ้มทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา

ดังนั้นเวินเสวี่ยฮุ่ยจึงทำได้เพียงบอกข้อมูลกับเจียงเหยาให้เธอได้รู้ว่าฉีเซียงเป็นคนยังไง และเตือนให้เธออยู่ให้ห่างจากชายผู้นั้น

เจียงเหยาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างฉีเซียงและโจวเหวยฉี หากฉีเซียงสามารถให้โจวเหวยฉียืมรถใหม่ได้ ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงดีไม่น้อย แล้วจุดประสงค์ที่ฉีเซียงและจางซีชิงจัดงานเลี้ยงขึ้นคืออะไร แต่คงไม่ใช่อย่างที่จางซีชิงพูดอย่างแน่นอน

เพราะพวกเขาไม่อยากถูกหลอก ทั้งเจียงเหยาและเวินเสวี่ยฮุ่ยจึงโยนเรื่องของจางซีชิงทิ้งไป

ในตอนเย็น เวินเสวี่ยฮุ่ยออกไปข้างนอกเพราะประธานเวินเรียกหาเธอ โจวเสี่ยวเซี่ยลาว ๆ คนอื่น ๆ ก็ออกไปที่ห้องสมุด ทำให้เจียงเหยาอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง

ส่วนมัวก็ออกไปเตร็ดเตร่เป็นปกติของมันอยู่แล้ว เจียงเหยาหยิบปากกาและกระดาษออกมาร่างสุนทรพจน์ที่จะใช้ในพิธีเปิด เธอได้คิดเกี่ยวกับเนื้อหาของสุนทรพจน์ในช่วงสองวันที่ผ่านมาแล้ว และจะเป็นการดีที่จะจดมันไว้ในคืนนี้

“เจียงเหยา เวินเสวี่ยฮุ่ยขอให้ฉันมาบอกเธอ ว่ากำลังรอเธออยู่ที่สนามฟุตบอลทางใต้ของมหาวิทยาลัย เธอบอกว่ากำลังรอเธออยู่”

เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ห้องพักใกล้ ๆ มาเคาะประตูและตะโกนบอก ขณะที่เจียงเหยากำลังนั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนที่เธอจะถามอะไร เด็กสาวคนนั้นก็เดินจากไปแล้ว ราวกับว่าเธอเป็นเพียงผู้ส่งสารและไม่ได้รอฟังว่าเจียงเหยาได้ยินข้อความที่เธอพูดไปหรือไม่ด้วยซ้ำ

เจียงเหยาวางปากกาและกระดาษลง ตะโกนกลับไปที่ประตูอย่างไร้ความหมาย เธอคิดว่าทำไมเวินเสวี่ยฮุ่ยถึงได้ขอให้เธอไปที่สนามฟุตบอลในเวลานี้ มันเริ่มมืดแล้ว ตอนนี้สนามฟุตบอลก็คงไม่มีใครแล้วด้วย

ไม่ได้สงสัยอะไร เธอหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไป เพราะเชื่อว่านั่นคือคำพูดที่เวินเสวี่ยฮุ่ยฝากมาจริง ๆ

สนามฟุตบอลอยู่ไม่ไกลจากหอพัก เจียงเหยาใช้เวลาเดินมาประมาณ 15 นาที สนามฟตุบอลไม่ได้ล็อค เหล็กที่ล็อคก็ถูกปลดออก เธอผลักประตูให้เปิดและเดินเข้าไป ตามที่คิดไว้ สนามฟุตบอลในเวลานี้เงียบสงัด ไม่มีใครอยู่จนน่าขนลุก

 

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด