ตอนที่แล้วตอนที่ 28 อเนจอนาถ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30 ขวานทลายสวรรค์

ตอนที่ 29 ความต่างของประสบการณ์


"ช่างน่าเสียดาย ด้วยความเป็นอัจฉริยะระดับนี้ ภายภาคหน้าเจ้าย่อมขึ้นสู่จุดสูงสุดในเมืองเมฆครามได้ไม่ยาก แต่เจ้ากระทำการอุกอาจเกินอภัยได้ เจ้าจำต้องตายภายใต้เงื้อมมือข้าในวันนี้!!"

"ท่านอาวุโส แห่งป้อมอัคคีอันเกรียงไกร กล่าวชมผู้เยาว์เช่นนี้ ผู้เยาว์รู้สึกปิติเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ท่านสร้างความขุ่นเคืองแก่ข้ามากเกินไป หากท่านยอมทิ้งแขนสักข้างไว้ที่นี่ ข้าอาจจะปล่อยให้ท่านกลับไปก็เป็นได้?"

เล้งซานแสยะยิ้ม ประสานมือพลางโค้งตัวเล็กน้อย การกระทำที่อ่อนน้อมของมันช่างขัดกับคำพูดเชือดเฉือนของมันเป็นอย่างมาก!!

"เจ้า!!"

ซูจ้าวกายสั่นสะท้านไปด้วยโทสะ มันไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะกล้ากล่าวถ้อยคำเช่นนี้กับมัน ด้วยตำแหน่งบุตรชายหัวหน้าพรรคป้อมอัคคีคนก่อน และน้องชายหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ตลอดอายุมีแต่คนสรรเสริญเยินยอมัน ไม่มีใครในเมืองเมฆคราม ไม่ให้เกียรติมัน การถูกดูหมิ่นจากผู้เยาว์อายุไม่ถึง 1 ใน 3 ของมันเช่นนี้ มีหรือที่มันจะทนรับฟังไหว

"อย่าหวังว่าจะได้เป็นศพที่สมบูรณ์!!!"

ซูจ้าว โคจรพลังลมปราณและทะยานร่างเข้าใส่เล้งซานอีกครั้ง ปราณอัคคีที่ร้อนแรงห่อหุ้มมือทั้งสองข้างของมัน เมื่อเข้าระยะ สิบก้าวจากเล้งซานมันซัดฝ่ามืออัคคีที่ร้อนแรงลงสู่พื้น

"อัคคีผลาญท้องทุ่ง!!"

เปลวเพลิงอัคคีที่ร้อนแรงลุกไหม้เป็นวงกว้างกว่า ร้อยเมตร โดยมีซูจ้าวเป็นศูนย์กลาง ต้นไม้สองข้างทางลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงสูงกว่า 2 เมตรลุกโชนกลบร่างของเล้งซานหายเข้าไปในกองเพลิงขนาดใหญ่

ซูจ้าวมั่นใจว่าเล้งซานย่อมไม่สามารถหลบเลี่ยง หรือหนีออกจากกระบวนท่าที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่เช่นนี้ได้อย่างแน่นอน ซูจ้าวเผยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะและเหลือบตาขึ้นไปมองเล้งซานเล็กน้อย แต่ภาพที่ปรากฏกลับทำให้มันซีดราวกับไร้โลหิตที่หมุนเวียน

เล้งซานไม่ได้ขยับหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย ใบหน้าก็ไม่แสดงถึงความร้อนที่ได้รับจากเปลวเพลิง กลับยืนแสยะยิ้มมือทั้งสองข้างไขว้หลัง แม้เส้นผมสักเส้นก็ไม่มีทีท่าว่าถูกเผาไหม้แม้สักนิด

ความจริงแล้วเล้งซานแอบโคจรพลังปราณอัคคีแห่งมังกร และปล่อยออกมาครอบคลุมร่างเป็นชั้นบางๆ เพื่อใช้ป้องกันความร้อน แต่ก็มิได้ปล่อยออกมากพอให้สังเกตเห็นได้

ซูจ้าวแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เปลวอัคคีร้อนแรงอันแสนภาคภูมิใจของพรรคมัน กลับมิอาจทำอันตรายแม้เส้นผมเส้นเดียว ให้แก่ผู้เยาว์คนหนึ่ง ตัวมันเองนั้นแม้จะสูญเสียลมปราณในการตามล่าเล้งซานมาตลอดทั้งคืน แต่ก็ยังยอมใช้กระบวนท่าที่ใช้ลมปราณมหาศาลอย่าง อัคคีผลาญท้องทุ่ง โดยหวังจะจบการต่อสู้ในทันที

แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่า มันเสียลมปราณทั้งหมดที่เหลือเพียงน้อยนิด แลกกับความสูญเปล่า!!

ในตอนนี้นั้นแม้ใช้ปราณคุ้มกันร่างกายยังทำได้ไม่ถึงสามส่วนของยามปรกติ อย่าได้พูดถึงเรื่องเอาชัยเลย แม้จะหนีออกไปยังนับว่าสาหัสมาก

"จบการแสดงปาหี่ ของท่านแล้วหรือยัง อาวุโสซู?"

เล้งซานค่อยๆเดินออกมาจากกองเพลิงพร้อมจิตสังหารที่ลุกโชน ทิ้งเปลวเพลิงอันโชติช่วงไว้เบื้องหลังของมัน ราวกับปีศาจที่ก้าวออกมาจากขุมนรก

ซูจ้าวนั้นเบิกตากว้างเล็กน้อย จากนั้นก็รวบรวมสติกลับมาสงบอีกครั้ง จริงอยู่ที่มันแทบไม่เหลือลมปราณในร่างแล้ว แต่ประสบการณ์ในยุทธภพหลายสิบปีของมันยังคงอยู่!! มีหรือที่มันจะเกรงกลัวต่อผู้เยาว์ที่พึ่งลืมตาดูโลกได้เพียงสิบกว่าปี

เล้งซานทะยานร่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โคจรพลังปล่อยหมัดขวาที่อัดพลังสิบส่วนแหวกอากาศมา จนก่อให้เกิดเสียงอย่างน่าหวาดหวั่น

วูบ...

ซูจ้าวเบี่ยงตัวหลบหมัดขวาของเล็งซานเล็กน้อย พลางย่อตัวลง และกระแทกศอกเข้าที่หน้าอกของเล้งซานอย่างจัง!!

ตูม!!

เล้งซานกระเด็นถอยกรูดไปร่วมสิบก้าว กระอักเลือดเล็กน้อยใบหน้าซีดเผือก

'บัดซบ!! ไอแก่นี่มันร้ายจริงๆ หากเมื่อครู่โคจรปราณมังกรบรรพตไม่ทันมีหวังกระดูกหน้าอกหักหมดเป็นแน่!!'

"เจ้าเด็กน้อย ตอนข้าเดินทางทั่วยุทธภพ เจ้ายังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ อย่าคิดว่าข้าไร้ซึ่งลมปราณและจะสังหารข้าได้โดยง่าย!!"

ซูจ้าวกล่าวจบก็ทะยานร่างเข้าหาเล้งซานในทันที ปล่อยเพลงหมัดออกมานับสิบกระบวน ทุกหมัดแฝงด้วยลมปราณชั้นสีเขียว และซัดเข้าใส่จุดตายอย่างแม่นยำ!! เล้งซานโคจรปราณมังกรบรรพตตลอดเวลา และใช้สองมือรับกระบวนท่าเป็นพัลวัน แทบไม่มีโอกาสได้จู่โจมตอบโต้

ผ่านไปร้อยกระบวน ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ แต่สีหน้าของซูจ้าวนั่นมีอาการอย่างเห็นได้ชัด เพราะลมปราณที่แทบจะหมดสิ้น ซูจ้าวถึงกับขมวดคิ้ว เพราะไม่ว่ามันจะจู่โจมเข้าที่ใด กลับถูกปัดป้องด้วยมือทั้งสองข้างของเล้งซานทั้งสิ้น อีกทั้งในช่วงหลังของการปะทะเล้งซานยังสามารถสวนกลับมาได้ ถึง 3 หมัด ทำให้มันไม่อาจประมาณได้แม้ชั่วพริบตา

'อะไรกัน!! การเคลื่อนไหวออกกระบวนของเจ้าเด็กบัดซบนี่ ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ!!'

ซูจ้าวตกตะลึงแต่ยังกัดฟันออกกระบวนท่าต่อไปจนใกล้ถึงขีดสุดของมันแล้ว

และในชั่วเวลาที่ซูจ้าวปรับลมหายใจเพียงน้อยนิด เล้งซานหรี่ตาเล็กน้อย มันสามารถรับรู้ได้ด้วยสัมผัสแห่งมังกร มันย่อมมิปล่อยโอกาสงามเช่นนี้หลุดไป มันเร่งลมปราณสิบส่วนทันทีและซัดเข้าไปที่ท้องของซูจ้าวทันที ด้วยปราณคุ้มกันที่เหลือเพียงสามส่วนของซูจ้าว มีหรือที่จะหยุดหมัดนี้ของเล้งซานไว้ได้!!

ตูม!!

ซูจ้าวถูกกระแทกกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร กระอักเลือดคำโตพ่นออกมาจากปาก ร่างนั้นกลิ้งตามแรงของหมัดไถลไปกับพื้นโดนไม่มีการตั้งหลักในท่าลงแม้แต่น้อย มันแทบจะครองสติเอาไว้ไม่อยู่หลังโดนหมัดนี้ของเล้งซานเข้าไป

เล้งซานรีบปรับลมปราณหมายพุ่งเข้าไปซ้ำทันทีเพื่อมิให้ซูจ้าวมีโอกาสฟื้นตัว แต่พอพุ่งเข้าไปถึงในระยะสิบก้าวห่างจากซูจ้าว แหวนมิติของซูจ้าวฉายแสงออกมาวูปหนึ่ง ซูจ้าวได้หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ

เล้งซานชะงักเล็กน้อย เพื่อมองของสิ่งนั้น และพอเห็นสิ่งนั้นชัดเจน เล้งซานเบิกตากว้างและรีบถอยกรูดออกมาหลายสิบก้าวในทันที

'บัดซบ!! เจ้าแก่นี่มันมีอาวุธอักขระ!!'

......................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด