ตอนที่แล้วตอนที่ 29 แบ่งส่วนอักษรเวทมนตร์(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 คนเร่ร่อนในกองขยะ(อ่านฟรี)

ตอนที่ 30 สำเร็จคาถาแสงชำระล้าง


ตอนที่ 30 สำเร็จคาถาแสงชำระล้าง

ทั้งหัวหน้าคอนราดและหัวหน้าไดร่าดูจะเคร่งเครียดกว่าปกติ คงจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในเมืองเรซีแห่งนี้แต่เกิดอะไรขึ้นกันแน่...เรย์ตกอยู่ท่ามกลางกระแสความคิด

เขารีบสะบัดหัว ไล่ความคิดล่องลอยในหัวออกไปและรีบเดินไปยังห้องพักทีมตัวเอง แต่ในระหว่างทางนั้นเองเรย์ก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งผู้มีแผลไฟไหม้อย่างรุนแรงที่ใบหน้าข้างซ้ายเดินสวนมาจากทางเดินเบื้องหน้า

สัญชาตญาณของเรย์ร้องเตือนเพราะมันรับรู้ได้ถึงอาร่าแห่งการฆ่าฟันและกลิ่นคาวเลือดกระจายออกมาจากตัวของชายคนเบื้องหน้าอย่างรุนแรง ออร่าเหล่านั้นถึงกับทำให้ตัวของเขาแข็งทื่อและสั่นกลัวไปทั้งตัว คล้ายกับเจอกับสัตว์ประหลาดจากขุมนรกไม่มีผิด

แม้เรย์จะไม่เคยเจอจริงก็เถอะ แต่ถ้ามีสัตว์ประหลาดจากขุมนรก ชายเบื้องหน้าของเขาคงเป็นหนึ่งในนั้น

“หือ...”

ชายคนนั้นหันมามองเรย์ด้วยสายตาสงบนิ่งมาก เรย์เกร็งไปทั้งตัว ตาสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ชายคนนั้นโดยไม่ละสายตา

“สวัสดีครับ” เรย์พยายามฝืนยิ้มทักทายไปตามมารยาท เพราะใครที่อยู่ในตึกนี้ได้คงไม่ใช่ศัตรูจากหน่วยงานนักล่าความตาย

ชายคนนั้นพยักหน้าให้เรย์ ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่กล่าวอะไร

“ฟู่...แข็งแกร่งมาก อาจจะทรงพลังกว่าหัวหน้าไดร่าและหัวหน้าคอนราดซะอีก” เรย์ถอนหายใจ เขารีบเดินไปที่ห้องพักทีมในทันที

เรย์ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ชายผู้มีแผลไฟไหม้ที่ใบหน้าเดินผ่านมาจะพึมพำออกมาเงียบ ๆ

“ผู้ใช้เวทมนตร์ที่สำนักงานใหญ่ฝากมาตรวจสอบเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงกว่าปกติ แต่น่าเสียดายที่เขามีพรสวรรค์ของผู้ใช้เวทมนตร์ แค่ระดับ 2 เท่านั้น ถ้าเขาเป็นผู้ใช้พลังจิตอาจจะมีคุณค่ามากกว่านี้มากนัก” ชายผู้มีแผลไฟไหม้ที่ใบหน้ากล่าวออกมาอย่างผิดหวัง เมื่อนึกถึงเอกสารข้อมูลของเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่

...

เรย์เดินเข้ามาในห้องพักทีมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของลูกผู้ชาย ตอนนี้ในห้องมีเพียงโบเวนและฟาริสที่กำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่สองคน

“สวัสดีทั้งสองคนครับ” เรย์ทักทายอย่างสุภาพอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็เป็นรุ่นพี่

“เรย์นายมาแล้ว มา...มาลงอีกขา ช่วยกันกินเงินฟาริส วันนี้หมอนี่มันดวงซวย” โบเวนหัวเราะอย่างมีความสุข ด้านหน้ามีเงินหลายร้อยเหรียญวางอยู่

เรย์พยักหน้าลากเก้าอี้เข้ามานั่งในมุมหนึ่งของโต๊ะก่อนจะล้วงหยิบเงินเดิมพันออกมา 350 เหรียญ

ซึ่งประกอบไปด้วยแบงก์100 เหรียญ 2 ใบ แบงก์ 50 เหรียญ 1 ใบ แบงก์ 25 เหรียญ 2 ใบและเหรียญ 10 อีก 4 เหรียญกับเหรียญมูลค่า 1 เหรียญอีก 10 เหรียญ

เรย์วางตรงหน้าของทั้งสอง นี่คือเงินที่เขาพกมาทั้งหมดของวันนี้

“โอ้ดูเหมือนเราจะเจอแกะตัวอ้วนมาแล้ว” ฟาริสกล่าวด้วยความยินดี เพราะเขามีโอกาสเอาเงินที่เสียคืนมา ถ้าเกิดเขาไม่สามารถเอาเงินที่เสียคืนมาได้มีหวังโดนอันนาโกรธจนหูชาอย่างแน่นอน

สายตาของโบเวนก็เป็นประกายเช่นกัน

เรย์หันไปมองหน้าทั้งสองคน ทำเอาทั้งคู่ยิ้มกลบเกลื่อนออกมา

ฟาริสรีบหยิบไพ่ขึ้นมาสับแจกในทันที เกมไพ่ที่ทั้งสองคนเล่นนั้นคือโป๊กเกอร์ มันเป็นเกมไพ่ที่เล่นกันมาหลายร้อยปี ถือว่าเป็นเกมไพ่สากลเลยก็ว่าได้ทำให้แทบทุกคนนั้นเล่นเกือบหมด โดยเฉพาะหมู่คนงานที่ยากจะหาความบันเทิงในชีวิตได้ยากพวกเขาก็นิยมเล่นเช่นกัน

“เริ่มที่ 10 เหรียญ”

เรย์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะลงเงินกองกลางไป

...

ผ่านไปประมาณ 30 นาที ทั้งฟาริสและโบเวนต่างหน้านิ้วคิ้วขมวด เพราะเงินเบื้องหน้าของทั้งสองนั้นแทบจะหมดเกลี้ยงไปแล้ว

“เออ..วันนี้เราพอกันก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวหัวหน้าก็กลับมาแล้ว”

“พวกเราต้องเตรียมอุปกรณ์กัน”

ทั้งโบเวนและฟาริสกล่าวเสริมกัน ที่จริงพวกเขาทั้งสองยังไม่เต็มใจจะหยุดเล่นแค่นี้ แต่ก็ต้องฝืนกล่าวเพราะเงินหมดทั้งตัวไม่มีเหลือสักเหรียญ

เรย์เล่นกินเรียบพวกเขาทุกตาจนเงินเกลี้ยงโต๊ะ

“ด้วยความยินดี” เรย์ยิ้มและเก็บเงินทั้งหมด 350 เหรียญจองตัวเองเข้ากระเป๋า ก่อนที่จะนับเงินอีกส่วนคือกำไร มันเป็นเงินทั้งหมด 890 เหรียญ

“วันนี้ตอนเย็นผมจะเลี้ยงอาหารเอง เราควรไปสนุกกัน” เรย์ยิ้มและกล่าว พอฟาริสและโบเวนได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมา โบเวนตบไหล่ของเรย์ก่อนจะยกนิ้วให้

ฟาริสเองก็พยักหน้าขอบคุณ ถ้าเรย์ไม่พูดว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นวันนี้พวกเขาคงต้องนอนอดอาหารทั้งคืน แม้มันจะเป็นเงินที่พวกเขาเสียไป แต่ก็ไม่ได้มีใครคิดมากอะไร เพราะเล่นไผ่มันก็มีได้มีเสียกันไป

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่นับฟาริส เขากำลังคิดหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้เงินนี้จ่ายออกไปอย่างถูกต้อง

“ถ้าอันนาถามบอกพวกเรารวมเงินเลี้ยงกันได้ไหม” ฟาริสมองไปที่ทั้งสอง

เรย์และโบเวนพยักหน้ากัน ก่อนจะบอกว่า “แน่นอน”

ในตอนั้นเรย์นึกขึ้นได้ จึงสอบถามทั้งสองถึงชายผู้มีแผลไฟไหม้ใบหน้าด้านซ้ายคนนั้น พอเรย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกไป ทั้งสองนึกขึ้นมาได้ในทันที

“นายหมายถึง หัวหน้าเบรนเดอร์ ผู้ใช้พลังจิตระดับ 7 คนนั้นใช่ไหม เขาคือคนที่ทางสำนักงานใหญ่ส่งมาประจำที่สาขาเรซี เพื่อช่วยงานพวกเรา” โบเวนถามกลับ

“ถ้าอย่างนั้นก็คงจะใช่ แต่ทำไมหัวหน้าเบรนเดอร์เขาต้องปล่อยพลังจิตกดดันผมแบบนั้น”

“ฉันว่า...ฉันพอจะรู้” ฟาริสกล่าว เรย์และโบเวนหันไปมองฟาริสด้วยสายตาเดียวกัน

“ลองคิดดูสิว่านายคือผู้ใช้พลังเวทมนตร์ใช่ไหม ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นหายากและมีคุณค่าในหลาย ๆ ด้าน ทางสำนักงานใหญ่คงอยากจะตรวจสอบนายว่าคุ้มค่าในการลงทุนแค่ไหนหรือจะกลายเป็นอันตรายหรือไม่”

เรย์ได้ยินก็ขมวดคิ้ว

“หมายความว่าสำนักงานใหญ่สนใจเรย์อย่างนั้นเหรอ” โบเวนถาม

“คงอย่างนั้น ผู้ใช้เวทมนตร์จะเป็นคนที่อันตรายมาก ถ้าไม่อยู่ข้างสำนักงานใหญ่ และถ้าเรย์เป็นพวกอันตรายอาจจะเกิดปัญหาได้ พวกเขาจึงส่งคนมาตรวจสอบ” ฟาริสอธิบาย

“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่เป็นอะไร” เรย์ถอนหายใจ

“หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่เป็นอะไร?” ฟาริสและโบเวนถามออกมาพร้อมกัน

“พวกคุณรู้ใช่ไหมว่า ผู้ใช้พลังมีการแบ่งพรสวรรค์”

“แน่นอน พวกเราสองคนมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้พลังระดับ 3 ช่วงกลาง”

“แต่สำหรับผู้ใช้พลังเวทมนตร์พรสวรรค์ส่งผลกระทบมากกว่านั้น ผมเป็นเพียงผู้ใช้เวทมนตร์ที่มีพรสวรรค์ระดับ 2 ที่ต่ำสุดในระดับนั้นแล้ว ซึ่งมันทำให้การเรียนรู้คาถานั้นยากขึ้นในแต่ละระดับ ดังนั้นถ้าพวกเขารู้ก็คงจะไม่คิดว่าผมเป็นภัยคุกคามหรือจะสนใจอะไรในตัวผมมากนัก หรือก็คือ ผมจะเป็นเพียงผู้มีพลังพิเศษ สายผู้ใช้พลังเวทมนตร์ระดับต่ำคนหนึ่งเท่านั้นในอนาคต” เรย์เผยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา

ทั้งสองพอได้ฟังก็เข้าใจว่าทำไม เรย์ถึงจะพูดแบบนั้น

“แต่ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวเราต้องฝึกฝนมันด้วย ดังนั้นนายอย่าหมดหวัง” โบเวนกล่าวให้กำลังใจ

“คำพูดของหัวหน้า” เรย์หันไปถาม

“แน่นอน ฉันยืมหัวหน้ามาพูด ฮ่า ๆ เอาคำหัวหน้าไปใช้ด้วยล่ะ” โบเวนตบไหล่เรย์ ทำเอาเขาทรุดลงไปเล็กน้อย

“แน่นอน แม้ผมจะมีพรสวรรค์ระดับ 2 เท่านั้น แต่ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งสุด ๆ ในระดับมนุษย์” เรย์ยิ้มออกมา

ฟาริสและโบเวนทั้งสองไม่มีใครคัดค้าน พวกเขารู้ว่าผู้ใช้เวทมนตร์นั้นน่ากลัวมาก โดยเฉพาะถ้าได้มีเวลาเตรียมตัว ผู้ใช้เวทมนตร์คนหนึ่งสามารถรับมือกับสายอื่น ๆ ในระดับเดียวกันได้ 3-4 คนเลยทีเดียว และนี่ก็คือความน่ากลัวของผู้ใช้พลังเวทมนตร์

“แล้วตอนนี้หัวหน้าคอนราดไปไหน”

“หัวหน้านะเหรอ เพราะมีทีมใหม่มาประจำที่สาขาเรา ก็คือหัวหน้าเบรนเดอร์คนนั้น ผู้จัดการซีน่อนจึงเรียกไปประชุม หัวหน้าจึงไปร่วมประชุมเมื่อสักครู่”

...

วันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรย์จึงอาศัยช่วงเวลานั้นไปซ้อมยิงปืน ด้วยกระสุนที่ซื้อมาเพิ่มจากเงินที่แบ่งไว้จากส่วนที่จะไปเลี้ยงทุกคน

พอตกเย็นพอหัวหน้าคอนราดกลับมาพวกเขาก็บอกเรื่องกินเลี้ยงกัน

แน่นอนว่าคอนราดก็ไม่มีอะไรคัดค้าน ดังนั้นทุกคนในทีมจึงพากันไปกินมื้อดึกที่ทางเขตเหนือของเมืองเรซี แต่ก่อนจะไปพวกเขาต้องผ่านไปยังชั้น 1 ของโรงแรมนักล่า

ซึ่งได้มีคนมาดักรออยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฮอลลี่ ดังนั้นสุดท้ายเรย์จึงชวนเธอมาด้วย ซึ่งก็ทำให้ฮอลลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

หลังจากกินดื่มกันอย่างพอใจ จนเรย์แทบจะขาดทุน สุดท้ายพวกเขาทุกคนก็พากันแยกย้ายกันกลับไปทางใครทางมัน

ที่บ้านหลังใหม่ของสองพี่น้องเรนเดล

เรย์นั่งอยู่ในห้องนอนพลางมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย

วันนี้คือวันสงบสุขที่หายาก ปกติแล้วจะมีรอยแยกมิติเกิดขึ้นแทบทุกคืน เรย์คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันไม่ต้องมีซอมบี้ก็ดี

แต่เขาก็ละทิ้งความคิดบ้า ๆ นั้นไป เพราะถ้าไม่มีรอยแยกมิติหลังจากเขาแข็งแกร่งขึ้นเรย์จะเข้าไปถามหาพ่อกับแม่ได้อย่างไร

เรย์เข้าใจว่าการพัฒนาของตัวเขานั้นดูเหมือนจะเร็ว แต่เป็นเพราะมีหัวหน้าไดรึคอยมอบทรัพยากรให้ต่างหาก ถ้าเขาแลกมาด้วยผลงานของตัวเอง เรย์อาจจะต้องใช้เวลาสองสามเดือนในการขึ้นมาระดับ 2

ส่วนระดับ 3 นั้นเรย์ไม่แน่ใจ และในระดับสีนั้นยิ่งยากเข้าไปอีก ขนาดที่ว่าโบเวนและฟาริสยังติดอยู่ในระดับ 3 เกือบปีถึงจะมีเลือดสีขาวที่หามาอย่างยากลำบากมากพอในการเปิดระดับ 4

จำนวนเลือดสีขาวเพื่อใช้ในการเปิดระดับ 4 เรย์ยังไม่แน่ใจ แต่อย่างไร ตัวเขาในตอนนี้ก็ยังห่างไกลจากระดับ 4 มาก เรย์จึงเก็บมันไปคิดหลังจากเปิดระดับ 3 ได้แล้ว

ส่วนระดับ 3 นั้นตามข้อตกลง หัวหน้าไดร่าจะเป็นผู้มอบให้กับเขา จึงทำให้เรย์ไม่หนักใจมากนัก

“ตอนนี้ที่ต้องทำคือเรียนคาถาแสงชำระล้างเป็นคาถาติดตัวให้ได้ก่อน”

เรย์เริ่มจากการแยกส่วนอักษรเวทมนตร์ รวบรวมพลังงานและปลดปล่อยก่อนจะสลักลงไปที่จุดพลังงานอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป

ค่ำคืนนี้ผ่านไป เรย์สร้างอักษรส่วนศูนย์กลางได้แล้ว...

หลังจากยามเช้ามาถึงเรย์ก็ไปที่โรงแรมนักล่านั่งเหงา ๆ อยู่ในห้องไม่ได้ไปไหน เพราะตอนนี้งานที่เกิดขึ้นถูกโยนไปให้ทีมของหัวหน้าเบรนเดอร์ นั้นทำให้เรย์มีเวลาเรียนคาถาติดตัวมากขึ้น

ในวันที่สองเรย์สร้างในส่วนของช่วงกลางและส่วนของช่วงปลายขอบอักษรเวทมนตร์ได้สำเร็จ ขณะที่อยู่ในห้องพักทีมสร้างความสนใจให้กับทั้งคอนราด ฟาริสและโบเวนพอสมควร

“ในที่สุดก็สำเร็จ” เรย์ยิ้มด้วยความยินดี เพื่อเขามองไปยังจุดพลังงานดวงที่สองของตนเองที่มีอักษรเวทมนตร์สวยงามสลักอยู่โดยรอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด