ตอนที่แล้วตอนที่ 25 อุบัติเหตุกลางหมู่บ้าน 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 อุบัติเหตุกลางหมู่บ้าน 4

ตอนที่ 26 อุบัติเหตุกลางหมู่บ้าน 3


“ใช่แล้ว...ใช่จริงๆ เพราะแบบนี้ เจ้าขยะปี้ยี่ถึงได้แข็งแกร่งขึ้นจนชนะปี้จูได้ มันต้องกินโสมอายุวัฒนะไปแล้วแน่ๆ” ปี้ฟานกล่าวโทษ มันไม่รีรอที่จะสุ่มฟืนเข้าไปในไฟให้โหมแรงขึ้น

คำพูดของปี้ฟานนั้นช่วยเสริมความมั่นใจของฝูงชนเข้าไปอีก ทุกคนในหมู่บ้านไม่มีใคร ไม่รู้ว่าปี้ยี่นั้นเป็นเด็กที่อ่อนแอเพียงใด

แล้วเพราะเหตุใดมันถึงเอาชนะปี้จูได้ คำตอบเดียวภายในจิตใจฝูงชนนับร้อยคือปี้ยี่ได้กินโสมอายุวัฒนะเข้าไปแล้ว

หนิงเทียนมองไปยังปี้ฟาน ‘ด้วยอายุเพียง9ปีแต่การกระทำของมันกลับเลวร้ายเกินอายุไปมากนัก’

“โอ้ ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าขโมยที่ใจกล้านั้นจะเป็นหญิงงามอย่างเจ้า” ซิเฟยกล่าวด้วยเสียงประหลาดใจ

“ถึงข้านั้นเอนดูลูกชายเจ้าเป็นอย่างมากแต่ข้าก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปง่ายๆได้” มุมปากของมันยิ้มด้วยความกระหาย

“ปี้เหยาเจ้าเกือบที่จะทำให้เราทั้งหมู่บ้านเดือดร้อน”

“เจ้าช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ”

“ฆ่ามัน ฆ่านางนางแพศยานี้ มันเป็นปลาเน่าของหมู่บ้านเรา”

“ใช่ จับมันถอดเสื้อผ้า แล้วนำไปแขวนให้สัตว์ป่ากัดกินเนื้อ”

เสียงก่นด่าของฝูงชนดังออกมาอย่างมิหยุดหย่อน ทุกๆคำพูดโจมตีไปยังปี้เหยาอย่างหยาบคาย

“ท่านลุงจาง ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ขโมย”

“ท่านตาเฟิ่ง ข้าไม่ได้ทำ ท่านต้องเชื่อข้า”

“หัวหน้าชี ข้าไม่ได้ขโมยมันจริงๆ นี้มันต้องเป็นความเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ขโมยมัน”

ปี้เหยาสั่นศีรษะ พล่างตะโกนบอกว่ามันไม่ได้ทำ แก้มที่แดงงามบัดนี้กลับซีดขาวราวกระดาษ

ดวงตาของซิเฟยหดแคบลง มันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ

“ทักษะบ่มเพาะของเผ่าข้าถูกค้นพบที่บ้านเจ้า ถ้าเจ้าไม่ได้ขโมย เจ้าจะบอกข้าว่าปี้ฟานใส่ร้ายเจ้าอย่างนั้น??”

“นายน้อยเฟย ข้าไม่ได้ทำ ท่านโปรดเชื่อข้า” ปี้เหยายังยืนกรานปฎิเสธ

“ดีดี ในเมื่อเจ้ายืนกรานบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ ข้านั้นจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง ซิตู่สังหารคนในหมู่บ้านทั้งหมดจนกว่ามันจะยอมรับว่าเป็นผู้ใดที่ใส่ร้ายแม่นางปี้เหยาคนนี้”

ได้ยินคำพูดของซิเฟย ฝูงชนทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกมันยิ่งก่นด่า ปี้เหยาอย่างรุนแรง และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“หญิงชั่วถ้าเจ้าไม่ยอมรับจะทำให้พวกเราซวยไปด้วยกับเจ้า”

“สารเลว เจ้าทำตัวต่ำช้าเจ้าก็ยอมรับไปสิ”

แม้หนิงเทียนจะพอคาดเดาเรื่องราวได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเหตุการณ์มันปรากฏขึ้นจริง สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นดำมืดลง ไม่มีผู้ใดคาดเดาความคิดของหนิงเทียนได้

ซิเฟยยังกล่าวต่อ “ข้านั้นให้โอกาสเจ้าเลือกทางรอดแต่เป็นเจ้าที่ไม่รับผิดและเลือกทางตายให้แก่ตนเอง ตอนนี้หลักฐานปรากฏชัดเจน เจ้ายังกล้าที่จะปฎิเสธ ดูท่าว่าถ้าข้าไม่ลงโทษเจ้าบ้าง เจ้าจะไม่ยอมรับผิดสินะ”

“ซิตู่โบยนางซะ แต่จงระวังอย่าได้ทำให้เกิดบาดแผลบนใบหน้าของนาง มันจะทำให้ข้าหมดอารมณ์” ประโยคสุดท้ายมันจงใจส่งเสียงผ่านลมปราณไปยังซิตู่

“ทหาร เอาไม้มาโบยนาง จนกว่าจะรับสารภาพ” เพียงได้ยินเสียงของซิตู่ ปี้เหยานั้นสั่นสะท้านไปทั่วร่าง

“นายน้อยเฟย ขออภัยให้แม่ข้าด้วย” ปี้ยี่ก้าวเท้ามาเบื้องหน้า มันคุกสองเข่าลงบนพื้น มันกล่าวด้วยน้ำเสียววิงวอนขอร้องให้แก่มารดาของมัน

“ท่านแม่ของข้าไม่ได้เป็นขโมย ตัวข้าเชื่ออย่างแท้จริง แต่ถ้าจากที่นายน้อยกล่าวโทษมาเป็นจริง เหตุผลก็เป็นเพียงเพราะตัวข้า”

“เพราะตัวเจ้า เหตุอันใด?” ซิเฟยอย่างกล่าวโดยที่สีหน้าไม่ได้แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย

“ถ้าเป็นเช่นที่ทุกคนกล่าวโทษท่านแม่ของข้าจริง เหตุผลที่ท่านแม่ทำก็เพื่อข้าเพราะข้าต้องการความแข็งแกร่ง ข้าต้องการที่จะร่วมประลองไม่ได้เกี่ยวอันใดกับแม่ของข้าแม้แต่น้อย”

ขอให้นายน้อยเฟยโปรดลงทัณฑ์ข้าแทน เสียงวิงวอนขอร้องของปี้ยี่นั้นเต็มไปด้วยความเวทนา

ชายชราสองคนก้าวเท้าออกมาจากฝูงชน พร้อมคุกเข่าลงเบื้องหน้าซิเฟย ตัวพวกมันทั้งคู่อายุรวมกันเกือบสองร้อยปี แต่วันนี้มันกลับมาคุกเข่าให้กับเด็กหนุ่มอายุเพียง21ปี

“นายน้อยเฟยผู้เฒ่าผู้นี้อยากจะขอความเมตตาจากท่าน แม้นางจะทำผิดและทั้งหลักฐานยังชี้ชัดไปที่นาง แต่ผู้เฒ่าคนนี้ขอร้องนายน้อยเฟย ผ่อนผันโทษต่อนางบ้าง นางนั้นยังอายุน้อยและมีจิตใจที่ดีงาม”

“ตัวข้าก็ขอร้องให้นายน้อยลงโทษสถานเบาแก่ปี้เหยาด้วย มันมองไปที่ซิเฟยด้วยสายตาวิงวอน”

“ท่านตาเฟิ่ง ท่านลุงจาง อย่าได้ขอร้องให้หญิงสารเลวเช่นนี้เลย” หนึ่งในฝูงชนนับสิบตะโกนออกมา

ถึงแม้จะมีคนกล่าวเช่นนั้นอีกทั้งผู้คนส่วนมากยังดูแคลนการกระทำของปี้เหยา แต่เมื่อพวกมันมองไปยังผู้เฒ่าทั้งสองที่ขอร้องแทนอยู่นั้นจึงบังเกิดความคิดที่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ท่านตาเฟิงและลุงจาง ทั้งสองเป็นคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านและยังเป็นที่เคารพของคนทั้งหมู่บ้าน การที่ทั้งสองออกมาขอร้องแทนปี้เหยานั้นทำให้ฝูงชนค่อยๆเงียบเสียงด่ากราดลง

“นายน้อยเฟย ตัวข้านั้นเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้าน วันนี้ลูกบ้านทำความผิด ส่วนหนึ่งมาจากข้าที่ปกครองพวกมันได้ไม่ดี นายน้อยเฟยขอให้ท่านลงโทษข้าด้วย” มันกล่าวจบก็คุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้นโดยทันที

ฝูงชนทั้งหลายมองไปที่ผู้นำของมันอย่างประทับใจ เพียงเพื่อปกป้องผู้หญิงสารเลวนางหนึ่ง

มันกลับกล้าร้องขอความเมตตาจากนายน้อยเฟยโดยมิหวั่นว่าจะทำให้นายน้อยเฟยขุ่นเคือง

ทุกคำที่มันกล่าวออกมานั้นไม่ต่างอะไรกับแบกรับความผิดร่วมกับปี้เหยา

มีเพียงหนิงเทียนที่มองการแสดงตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ช่างแสดงได้แนบเนียนนัก!!....

“หัวหน้าชีท่านลุกขึ้นก่อน” หลังจากได้ฟังคำของปี้ชี สีหน้าที่ดำมืดของซิเฟยแปรเปลี่ยนเป็นดีขึ้น น้ำเสียงของมันที่กล่าวให้ปี้ชีลุกขึ้นนั้น มีความอ่อนโยนเล็กน้อย

“อืมม์ ในเมื่อทุกคนต่างร้องขอให้แก่หญิงนางนี้และตัวข้าซิเฟยเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการฆ่าแกงมากมายนัก

ตัวข้านั้นมีความรู้สึกสงสารนางอยู่บ้างอีกทั้งยังรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยปี้ยี่อย่างมาก

ถ้านางยอมรับผิดต่อหน้าทุกคน ข้านั้นจะกรุณารับนางมาเป็นอนุภรรยาและรับปี้ยี่เป็นบุตรบุญธรรม”น้ำเสียงของซิเฟยโอนอ่อนลงอย่างมาก

หนิงเทียนที่ได้ฟังอยู่ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น ‘ในที่สุดหางของสุนัขก็โผล่ออกมาเสียที’

“นายน้อยเฟย ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ” ปี้เหยาสั่นศีรษะปฎิเสธ บัดนี้คำว่าข้าไม่ได้ทำนั้นมันตะโกนจนเสียงแหบแห้ง

“ถ้าข้าเป็นคนทำ ข้าจะยอมรับ ข้าไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไรและทักษะบ่มเพาะมาอยู่ที่บ้านข้าได้อย่างไร แต่ข้าไม่ได้เป็นผู้ขโมยอย่างแน่นอน” ใบหน้าของปี้เหยาเวลานี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคาบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

การที่ปี้เหยาปฎิเสธไม่ยอมรับคำกล่าวโทษนั้นไม่ต่างอะไรกับการปฎิเสธเป็นอนุของซิเฟย นางนั้นไม่ยอมรับผิดและไม่คิดแม้แต่จะเป็นอนุของซิเฟย

สีหน้าของซิเฟยกลับกลายเป็นมืดดำอีกครั้ง มันพูดอย่างมีโทสะว่า

“เจ้าบอกว่าตัวเองไม่ผิด เช่นนั้นคงเป็นข้าที่ใส่ร้ายเจ้า...เป็นข้าที่จัดฉากเหล่านี้เพื่อต้องการใส่ร้ายมดตัวน้อยเช่นเจ้า?”

มันยังกล่าวต่อว่า “ทักษะบ่มเพาะกระดูกราชสีห์นั้นมีค่ากว่าหญิงชั่วเช่นเจ้ามาก

ข้าเพียงเห็นถึงพรสวรรค์ของปี้ยี่ จึงยอมให้เจ้ามาเป็นอนุแต่เจ้าปฎิเสธความหวังดีของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร” มันตวาดเสียงดังไปยังปี้เหยาที่กำลังตัวสั่นเหมือนลูกนก

เสียงของฝูงชนที่เมื่อสักครู่พึ่งจะเงียบลงกลับกลายเป็นโห่ร้องตะโกนก่นด่าไปที่ปี้เหยาอีกครั้ง

“ปี้เหยาเจ้าทำความผิดใหญ่หลวงให้แก่หมู่บ้านของเรา”

“นายน้อยเฟยหวังดีต้องการรับเจ้าเป็นอนุ แต่เจ้ากล้าที่จะปฎิเสธ!”

“หญิงแพศยา อย่างเจ้าไม่เหมาะกับนายน้อยเฟย เจ้านั้นเหมาะกับเป็นของเล่นของพวกทหารมากกว่า ฮ่าๆๆ”

“ช่างน่าผิดหวังจริงๆ เจ้าเห็นการขอร้องของท่านปี้ชีเป็นอะไร”

“เจ้าไม่เห็นความเมตตาของท่านลุงจางกับท่านตาเฟิ่งที่ขอร้องให้แก่เจ้าหรืออย่างไร”

เสียงก่นด่าตะโกนใส่ปี้เหยาราวกับมันจะทับร่างของปี้เหยาให้แบนราบอยู่แทบพื้น

“อย่า พวกท่านอย่าว่าแม่ของข้า อย่าว่าแม่ข้า” ปี้ยี่ตะโกนขึ้นแต่เสียงของมันไม่เพียงพอที่จะทานเสียงของฝูงชนนั้นร้อยได้ เสียงอันเล็กน้อยกลับถูกกลื่นด้วยคลื่นเสียงของฝูงชน

“ข้า...ท่าน...ข้า..ไม่” เมื่อปี้เหยามองไปรอบๆเห็นสายตาที่สมเพชเวทนารวมทั้งสายตาที่เย็นชาของผู้คนจับจ้องมาที่มัน ทั่วร่างของปี้เหยาสั่นสะท้าน

นางล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น หยดน้ำตาหลั่งไหลอาบทั่วใบหน้าของปี้เหยา ภายในใจนางนั้นวางเปล่า นี้เป็นความสิ้นหวังที่มากที่สุดนับตั้งแต่นางเกิดมา

ถ้าตัวนางนั้นไม่ห่วงปี้ยี่ บางทีการกระทำต่อไปของนางคือการเอามีดสั่นที่พกอยู่มาทิ่มแทงตนเองและใช้ความตายล้างคำครหาเหล่านี้

ชั่วขณะที่ความสิ้นหวังถาโถมมาสู่จิตใจของนาง ปรากฏเงาร่างของชายหนุ่มมายืนเคียงข้างกับนาง

พร้อมกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น “แม่นางปี้เหยา สิ่งที่จะเกิดต่อไปนี้เป็นพียงเรื่องบังเอิญ เพราะเช่นนั้นจงอย่าได้คิดว่าจะมีอีกเป็นครั้งที่2”

สิ้นเสียงของชายหนุ่มนั้น ปี้เหยายกใบหน้าที่อาบน้ำตาของนางขึ้นพลันปรากฎแผ่นหลังบางๆของบุรุษผู้หนึ่ง

คำกล่าวของหนิงเทียนนั้นแทบจะทำลายความสิ้นหวังในจิตของปี้เหยาออกไปหมด

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรคำพูดที่แสนเย็นชานั้นกลับทำให้น้ำใสๆจากดวงตาทั้งคู่พลันหยุดลง

บรรยากาศอันเหน็บหนาวแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นในทันที ความจริงแล้วไม่มีเหตุผลใดให้นางเชื่อมั่นในตัวบุรุษผู้ที่พบเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง นางนั้นไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ออกมาได้เหมือนกัน

‘คุณชายหนิง’ ปี้เหยาพึมพำอย่างแผ่วเบาภายในใจ

หนิงเทียนที่แหวกฝูงชนนับสิบ มายืนอยู่เบื้องหน้าของปี้เหยาที่ยังนั่งอยู่กับพื้น มันจ้องมองไปยังซิเฟยอย่างยิ้มแย้ม

“พี่ชายหนิง”ปี้ยี่ตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง

“ท่านพ่อเป็นมัน” ปี้ฟานกระตุกชายเสื้อของพ่อของมัน

ซิเฟยมองไปทางหนิงเทียนมันกล่าวถามอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร”

หนิงเทียนมองไปยังซิเฟยสลับกับฝูงชน พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยเฟย ท่านหัวหน้าชี และพี่น้องในหมู่บ้านทั้งหลาย

ตัวข้าเป็นเป็นคนพเนจร ร่อนเร่ นามว่าหนิงเทียน เมื่อสามวันก่อนแม่นางปี้เหยาได้ช่วยเหลือข้าไว้จากความตาย ไม่เช่นนั้นตัวข้าคงตายจากความหิวโหยอย่างน่าสังเวชใจ”

พอกล่าวมาถึงประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของหนิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว “นางนั้นถือว่าเป็น ผู้มีพระคุณของข้า เมื่อข้าเห็นนางไม่ได้รับความยุติธรรมจึงต้องออกมาเพื่อตอบแทนพระคุณ”

“ไม่ยุติธรรม เจ้าเห็นการกระทำของนายน้อยเฟยไม่ยุติธรรม เดรัจฉานเจ้าจงกลับที่ของเจ้าไป มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ารังแกเด็ก” ซิตู่คำรามด้วยความโกรธ

บัดนี้แววตาของซิเฟยที่จ้องมองไปยังหนิงเทียน เต็มไปด้วยจิตสังหาร

หนิงเทียนแย้มยิ้มอย่างร่าเริง “นายน้อยเฟยผู้สูงศักดิ์และเที่ยงธรรม ท่านอย่าพึ่งได้มีโทสะ ตัวข้าได้ฟังเรื่องตลกเช่นนี้จึงเกิดความสงสัยเล็กน้อย”

มุมปากของซิเฟยกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าตลกจากปากของหนิงเทียน มันจ้องมองไปที่หนิงเทียนอย่างเย็นชา

“เจ้ามีสังสัยอันใดหรือเจ้ามีความหวังที่จะหาข้อแก้ตัวให้หญิงแพศยานี้?”

หนิงเทียนกล่าวกับปี้ฟานด้วยเสียงเรียบ“ข้านั้นรู้มาบ้างว่าผู้นำฟางดูแลบรรณาการด้วยความรอบครอบมามากกว่ายี่สิบ ข้านั้นสงสัยเป็นอย่างมากว่าเหตุใดคนที่รอบครอบเช่นนี้ถึงไม่นำกระดาษแผ่นเดียวติดตัวไว้”

“เด็กน้อยเจ้าสงสัยข้า? ก็ได้ คำถามของเจ้ามันง่ายนิดเดียว ตัวข้านั้นดูแลบรรณาการมามายก็จริงแต่ทั้งชีวิตของข้า ไม่เคยแม้แต่ได้สัมผัสทักษะบ่มเพาะ

มันถือว่าเป็นของวิเศษที่สุดที่ข้าเคยดูแลมาจึงไม่กล้าพกมันไว้ติดตัว ข้าเกรงว่าจะถูกลอบทำร้ายจากผู้ที่ต้องการจะขโมยมันจึงได้ซ่อนมันไว้อย่างมิดชิดภายในบ้าน”

“ผู้นำฟางขอให้ท่านคลายความสงสัยให้ข้าเล็กน้อยได้หรือไม่....ข้านั้นสงสัยว่า ในหมู่บ้านนี้ มีใครแข็งแกร่งไปกว่าท่านปี้ชีที่เป็นมนุษย์ขั้น9

และตัวท่านที่ถึงแม้จะทำตัวเฉกเช่นพ่อค้าแต่ความแข็งแกร่งในแดนมนุษย์ขั้น7ของท่านก็นับว่าไม่เลวนัก”

เมื่อกล่าวจบประโยคนี้หนิงเทียนตะโกนไปยังฝูงชนทั้งหมด “ข้าขอถามผู้คนทั้งหมด ภายในหมู่บ้านนี้มีใครสามารถแย่งชิ่งสิ่งของไปจากแดนมนุษย์ขั้นที่7และขั้นที่9ได้บ้าง”

เมื่อกล่าวจบมันมองไปยังซิตู่และซิเฟยทันที ทุกสายตาเคลื่อนมองไปทางเดียวกับหนิงเทียนโดยไม่ได้นัดหมายราวกับว่ามันเป็นผู้นำเหล่าสายตาทุกคู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด