ตอนที่แล้วตอนที่ 128 ความสามารถพิเศษของโคดี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 130 จดหมายที่ไม่น่าเชื่อ

ตอนที่ 129 การพบเจอโดยบังเอิญนำมาซึ่งความตาย


กำลังโหลดไฟล์

ตอนที่ 129 การพบเจอโดยบังเอิญนำมาซึ่งความตาย

โคดี้กางปีกทะยานขึ้นไปสูงจากพื้นดินก่อนจะรีบกวาดสายตาหาเหยื่อให้กับกาย ก่อนที่สายตาของมันจะจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มเนินหินและดิน สอดแทรกด้วยพุ่มไม้จำนวนที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

โคดี้รีบบินวนส่งสัญญาณไปหากายที่นอนนี้นั่งอยู่บนหลังเจ้าหมอกมองไปที่มันอย่างใจจดใจจ่อ

“โคดี้เจอบางอย่างแล้ว เจ้าหมอกไปเร็ว”

กายกระทุ้งเท้าไปที่ท้องเบา ๆ ให้เจ้าหมอกรีบไปที่นั่น

เมื่อถึงกายก็รีบกวาดสายตามองไปยังทิศทางที่โคดี้ชี้เป้า สิ่งที่มันเห็นนั้นก็คือหนูทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ตัวสีน้ำตาลเทาที่ตอนนี้กำลังขุดคุ้ยหาอะไรกินอยู่

หนูในทุ่งหญ้าในโลกราชันนี้มันตัวใหญ่ไม่น้อยไปกว่าแมวเลย...แม้เราจะไม่เคยเห็นแมวจริง ๆ ก็เถอะ

กายไม่รอช้าคว้าหยิบธนูโลหะระดับ 4 ออกมา ก่อนจะขึ้นศรง้างออกไปจนสุด สายตาจับจ้องไปที่หนูทุ่งหญ้าดวงซวยที่เป็นเป้าหมาย

แต่แล้วเหมือนหนูทุ่งหญ้าตัวนี้จะรับรู้ได้ถึงอันตรายไม่ใช่เพราะมาจากกาย แต่มาจากเจ้าเหยี่ยวโคดี้ที่บินวนไปมาอยู่สักพักแล้ว ด้วยความตื่นตูมและสัญชาตญาณในการระวังภัยของมัน ทำให้หนูทุ่งหญ้าตัวนี้เลือกจะออกตัววิ่งไปทางหลบหนีที่มันทำไว้ในทันที

ซคางก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กายปล่อยศรออกมาแล้วด้วย

ฟริ้ว!

ศรที่ยิงออกไปภายใต้การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เจาะทะลวงที่ยังถึงกับสำเร็จขั้น 1 ของกายได้พลาดเป้าไปเป็นที่เรียบร้อย

“ไปเร็ว ตามมันไป” กายสั่งให้เจ้าหมอกวิ่งออกไป ตอนนี้เขาพยายามไล่ตามหนูทุ่งหญ้าตัวนั้นไปติด ๆ ศรดอกที่สองถูกดึงออกมา ก่อนจะง้างธนู แต่ครั้งนี้กายไม่ยิงไปในทันที

เพราะเขากำลังรอจังหวะอยู่

ใจเย็น ๆ ใจเย็นไว้

กายเตือนตัวเองในใจ และแล้วจังหวะของเขาก็มาถึงเมื่อหนูทุ่งหญ้าที่วิ่งสลับไปมากำลังกระโดดขั้นไปบนก้อนหินที่อยู่สูงขึ้นไปอีกก้อน กายก็ยิ่งออกไปในทันที

ฟริ้ว! ปัก!

ลูกศรปักเข้าไปเต็มแรงกลางลำตัวของหนูทุ่งหญ้า ก่อนที่หัวลูกศรจะทะลุไปหินปักคาร่างของหนูทุ่งหญ้าไว้ทั้งอย่างนั้น

“ดีมาก” กายกล่าวออกมาอย่างพอใจ รีบตรงไปเก็บมื้อค่ำของตนเอง เจ้าโคดี้ที่บนอยู่บนท้องฟ้ารีบโฉบมายังหนูทุ่งหญ้าที่ตายไปแล้วในทันที มันกำลังจะจิกลงไปลิ้มลองเนื้อสด ๆ ตามความเคยชิน แต่แล้วกายก็ยื่นมือออกไปคว้าจับไปที่คอของเหยี่ยวโคดี้ ก่อนจะกล่าว “นี่ไม่ใช่ของเจ้าทั้งหมด”

เขามองไปที่โคดี้อย่างดุดัน ทำเอาโคดี้ไม่กล้าอีก ที่จริงแล้วเจ้านายคนก่อนของมันมักจะตามใจให้มันกินก่อนได้เสมอ แต่มันลืมไปว่าเจ้านายใหม่นั้นโหดแค่ไหน

กายดึงเอาศรและหนูออกจากหิน ก่อนจะเก็บศรลงไปและตัดชิ้นเนื้อส่วนขาออกก่อนจะโยนให้เจ้าโคดี้ที่เฝ้ารออยู่

โคดี้ใช้กรงเล็บเท้าของมันตะครุบเข้าที่ชิ้นเนื้อก่อนจะลงมือกินอย่างตั้งใจ

กายเองก็เก็บมื้อเย็นลงในถุงผ้าเตรียมออกล่าอีกครั้ง

ยังมีเวลาเหลืออยู่หนึ่งชั่วโมงก่อนดวงอาทิตย์ตก เราน่าจะได้อะไรกลับไปอีกพอสมควร กายเงยหน้ามองท้องฟ้า เพราะหลังจากดวงอาทิตย์ตกแล้วเหยี่ยวของเขาคงจะมองหาเหยื่อยากพอสมควร ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเหยี่ยวนั้นเป็นสัตว์นักล่าตอนกลางวัน

ที่จริงแล้วเจ้าโคดี้นั้นเป็นเหยี่ยวเฟอร์รุจินัส ที่มีความสามารถในการตรวจจับสิ่งมีชีวิตได้ระดับสูง มันจึงยังล่าได้ในช่วงหลังอาทิตย์ตก ถึงจะไม่มีประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ตาม แต่กายไม่คิดจะทำแบบนั้นเพราะเขายังต้องกลับไปที่คาราวาน

ในตอนนั้นเองขณะที่กายคิดจะออกล่าอีกอยู่ ๆ เจ้าโคดี้ก็หยุดกินเนื้อสีแดงสดของหนูทุ่งหญ้าในทันที มันยกหัวขึ้นสูงมองไปยังทิศทางหนึ่งอย่างระวัง

“หืม เกิดอะไรขึ้น” กายเองก็มองตามทิศทางที่โคดี้มองไป จนในที่สุดสายตาของเขาก็เห็นเงาดำไกลออกไป ซึ่งเป็นกลุ่มเงาคนจำนวนสามคนกำลังเดินทางอย่างระวังไปตามทุ่งหญ้าอยู่

“นั้นมัน...” กายหรี่ตามองอย่างสนใจ ก่อนจะควบม้าเข้าไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของทั้งสามคน

...

“ซวยแล้วไงมีคนเจอเรา”

“เอายังไงดี”

“หืม แค่คนเดียว มันมีม้ามาด้วย ถ้าเราได้มาตัวนั้นมาจะทำให้เราเดินทางได้เร็วขึ้น”

“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอยู่เล่า ฆ่าแม่งเลย”

ทั้งสามคนมองหน้ากัน ไม่คิดจะพูดจากับกายก็เปิดฉากลงมือก่อนในทันที แต่กายจะพลาดท่ากับทั้งสามคนง่าย ๆ ได้อย่างไร

“สมกับเป็นพวกกะโหลกแดง ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอพวกเจ้าอีกซะแล้ว” กายยิ้มออกมาอย่างยินดี เพราะทั้งสามคนนี้ไม่ใช่ NPC แต่เป็นผู้เล่นกิลด์ของกะโหลกแดง ส่วนที่ว่าเขาแยกแยะพวกมันได้อย่างไรนั้นก็ไม่ยาก เนื่องจากพวกกิลด์กะโหลกแดงนั้นชอบโอ้อวดสัญญาลักษณ์กิลด์ของตัวเองนั้นก็คือ รูปกะโหลกสีแดง

ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผ้าคลุมที่ด้านหลังมีการรูปหัวกะโหลกสีแดงอย่างชัดเจน

“ถึงเจ้าจะรู้ว่าพวกข้าคือกลุ่มกะโหลกแดงมันก็สายไปแล้ว ยอมตายแต่โดยดีซะ” ผู้เล่นกิลด์กะโหลกสีแดงที่ใช้อาวุธประเภทขวานสองคมกระโจนเข้าหากายคิดจะฟันเขาด้วยขวาน

แต่มันกับคิดไม่ถึงว่ากายที่อยู่บนหลังม้าจะมีท่าทีใจเย็นถึงขนาดยิ้มให้กับมัน

“เจ้าโง่หรือเปล่า” กายแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะยกง้างธนูโลหะในมือปล่อยศรออกไปใส่ผู้เล่นกิลด์กะโหลกสีแดงที่ใช้อาวุธประเภทขวานสองคม ลูกศรยิงปักเข้าไปที่กลางอกส่งให้ร่างที่ลอยกลางอากาศต้องกระเด็นถอยกลับไปถึง 5 เมตรตกตายไปและกลายเป็นลูกไฟไปในทันที

“เชี่ย!”

อีกสองคนที่เหลือถึงกับตกใจจนชะงักไปในทันที พวกมันรีบตั้งสติมองหน้ากันก่อนจะโจมตีกายอีกครั้ง เพราะด้วยระยะแต่นี้ทั้งสองคิดว่ากายคงจะหยิบศรขึ้นมายิงพวกมันไม่ทันอย่างแน่นอน

“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ฟาดฟัน ขั้น 1”

“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ฟาดฟัน ขั้น 1”

ทั้งสองโจรรีบใช้ศิลปะการต่อสู้ของพวกมันในทันที ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกนี้คือนักรบฝึกหัดระดับ 1 แล้ว

“ช่างสมกับเป็นกิลด์กะโหลกแดง พวกมันพัฒนาคนในกิลด์ได้เร็วมาก” กายพึมพำออกมา ก่อนจะสั่งให้เจ้าหมอกหันหลังใส่ผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงทั้งสองในทันที

ผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงทั้งสองเห็นเช่นนั้นก็คิดว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังจะหนี แต่แล้วกายก็ตะโกนออกมา

“ถีบ!!”

สองผู้เล่นงงกับการกระทำและคำพูดของกาย แต่ก่อนที่มันจะได้คิดไปมากกว่านี้ อยู่ ๆ ก็มีเกือกเท้าม้าลอยเข้ามากระแทกเข้ากับหน้าอกของมันคนละ 1 ข้าง

“อุก!”

“อั๊ก!”

ผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงทั้งสองถึงกับลอยกระเด็นและกระแทกกับพื้นห่างออกไปถึง 4 เมตรจากการโจมตีที่ไม่คาดคิดของเจ้าหมอก พวกมันไม่คาดคิดว่าชายบนหลังม้าคนนั้นจะใช้วิธีการนี้ในการโจมตีกลับมาแบบนี้

“อ๊ากก!!! เจ้ามันขี้โกง” หนึ่งในโจรที่นอนเจ็บสาหัสจนแทบจะกระดิกตัวไม่ได้ตะโกนสาปแช่งกายด้วยน้ำเสียงที่ทรมานสุด ๆ

“เจ้าจะฆ่าข้า ดังนั้นข้าจึงโจมตีกลับแล้วทำไมข้าถึงจะขี้โกงเจ้าเล่า” กายเอียงหัวถามกลับ

“เจ้าใช้ม้าตัวนั้นโจมตีพวกเรา”

“แล้วมันจะต่างกันตรงไหน” กายพูดอย่างดูถูก ก่อนที่จะกระโดดลงจากหลังม้าดึงค้อนสั่นสะเทือนออกมาทุบซ้ำไปหน้าอกของผู้เล่นคนนั้นจนตกตายไปกลายเป็นลูกไฟลอยหายไปบนท้องฟ้า

ชายหนุ่มหันไปมองชายอีกคน ซึ่งทำให้โจรอีกคนที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ถึงกับใจกลัว มันพยายามขยับหนีและพูดขอร้องกาย

“เจ้าฆ่า ๆ ไม่ได้ ข้าตายมาสองครั้งแล้ว ถ้าตายอีกครั้ง ข้าต้องกลับไปเริ่มใหม่” ผู้เล่นคนนี้กล่าวขอร้องกายโดยไม่สนใจแล้วว่ากายจะเข้าใจที่ตนพูดหรือไม่

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีนะสิ เพราะข้าจะได้ไม่ต้องไปตามฆ่าเจ้าซ้ำอีก” กายกล่าวออกมา ก่อนจะยกค้อนสั่นสะเทือนขึ้นเหนือหัว

“เจ้าเป็นพวกนักล่าค่าหัวผู้เล่น แม่จ๋าช่วยด้วย!! ไม่!!!!”

กายยอมรับหรือปฏิเสธ เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวอะไรกับผู้เล่นที่กำลังจะเสียไอดีนี้ไปอยู่แล้ว

ปัง!

ค้อนทุบไปเต็มแรง ทำให้กระดูกหน้าอกแตกยับและยกตัวลงไป ฉีกอวัยวะภายใจจนตายลงไป ครั้งนี้ร่างของผู้เล่นไม่ได้เปลี่ยนเป็นลูกไฟลอยหายไป แต่มันกับมีสภาพไม่ต่างจากศพของ NPC ที่ตายโดยทั่วไป

แต่นอนว่าก็ไม่เหมือนซะทีเดียวร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตามผิวหนังของศพผู้เล่นเหมือนกับมีรอยแตกเหมือนผิวดินแห้งแล้งกระจายไปทั่วทั้งตัว กายมองไปรอยพวกนี้อย่างสนใจ เมื่อสำรวจดูก็พบว่ามันเป็นรอยที่เกิดขึ้น เพราะเป็นร่างของผู้เล่นนอกนั้นร่างกายศพก็ไม่มีความต่างอะไรอื่น ๆ อีก

แบบนี้สินะ พวกนั้นถึงสามารถระบุได้ว่าศพที่มีลักษณะแบบนี้คือศพของผู้เล่นหรือที่ NPC มักเรียกกันว่ามนุษย์ไฟ กายมองอย่างไตร่ตรอง ก่อนจะเดินไปหยิบดาบสังหารออกมาแล้วสับเอาเฉพาะหัวของผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงออกมา

อีกสองคนน่าจะเกิดใหม่แถว ๆ นี้ เราคงรอสักพักหนึ่ง

กายเรียกเหยี่ยวโคดี้ที่บนวนอยู่บนท้องฟ้ากลับลงมา ก่อนจะกล่าวกับมัน “เจ้าคอยมองหาคนที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏออกมาในระยะนี้และส่งเสียงเรียกข้า ถ้าทำได้ดีข้าจะให้หนูทุ่งหญ้าตัวนี้กับเจ้าทั้งหมด”

โคดี้มองไปที่หนูทุ่งหญ้าก่อนที่มันจะพยักหน้าและบินกลับขึ้นไปด้านบน ก่อนจะบินวนไปมาท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่น้อยลงเรื่อย ๆ

ผู้เล่นที่เราพึ่งฆ่าไปตายครบสามครั้งแล้ว อีกสองที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็น่าจะไม่ได้เหลือชีวิตครบสามอย่างแน่นอน อย่างมากก็ฆ่าพวกมันอีกคนละ 1 ครั้งเท่านั้น

หวังว่าผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงทั้งสามคนนี้จะมีหมายจับของทางนครดาราฟ้ารวมกันถึงหนึ่งพันเหรียญทองนะ

กายมองไปที่เจ้าเหยี่ยวโคดี้อย่างเฝ้ารอ เพราะถ้าได้สามหัวนี้ของผู้เล่นกิลด์กะโหลกแดงนั้นก็เท่ากับว่ากายขาดอีกเพียงหนึ่งหัวของโจรที่มีค่าหัวหนึ่งพันเหรียญทอง เขาก็จะทำภารกิจสำเร็จแล้ว

............

Witterry : ตอนนี้ไรท์มีเพจเฟสบุ๊คแล้วนะ มากดติดตามเพื่อคอยรับข่าวสารหรือเข้ามาพูดคุยกันได้นะ จะมาติดตามทวงนิยายก็ได้ https://www.facebook.com/witterry.writer/ หรือพิมพ์ค้นหาในเฟสบุ๊ค witterry writer ได้เลยนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด