ตอนที่แล้วตอนที่ 1 โลหิตนักรบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่3 โชคชะตา

ตอนที่ 2 กำเนิดใหม่


นับตั้งแต่โบราณกาลไม่เคยปรากฏว่ามนุษย์ผู้ใดหนีพ้นความตายได้ แต่ในโลกแห่งนี้กลับมีสารพัดเรื่องราวแปลกประหลาดมหัศจรรย์มากมาย ทั้งการฝึกตนเป็นอมตะ ความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ รวมไปถึงภัยร้ายจากธรรมชาติและความเสียหายจากสงคราม

มนุษย์จึงเกิดความเชื่อเรื่องลิขิตฟ้า เบื้องบนคือวังสวรรค์ เบื้องล่างคือแดนพญายมแหล่งพำนักสุดท้ายของวิญญาณหลังความตาย

ถึงแม้มนุษย์จะเรียกพื้นที่สุขาวดีว่าแดนสวรรค์ เรียกความเสื่อมโทรมว่านรกแต่นั้นก็เป็นเพียงคำเปรียบเปรยเท่านั้น ไม่มีผู้ใดหารู้ได้อย่างแท้จริงว่า วังสวรรค์และแดนพญายมมีอยู่จริงหรือไม่?

....

....

ในดินแดนตอนเหนือของพื้นที่ราบภาคกลาง ภายในหุบเขาลึกสุดหยั่ง ผู้ฝึกตนขนานนามสถานที่แห่งนี้ว่า ‘หุบเขาหมื่นอสูร’

หนิงเทียนค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในอากาศ ภาพแรกที่ปรากฏในสายตา คือยักษ์ในชุดสีดำ เหยียบเหินเดินอากาศได้ราวกับภูตผีปีศาจ

หนิงเทียนใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการปรับความคิด จึงค่อยๆ เข้าใจว่า ที่เห็นอีกฝ่ายเป็นยักษ์ก็เพราะร่างกายของเขามีขนาดเล็กลง “ข้าไม่ได้ตายไปแล้วหรือ?” คำถามชวนปวดหัวมากมายเกิดขึ้นในมโนสำนึก

ชายชุดดำเคลื่อนไหวรวดเร็วว่องไว ในสองแขนกำลังโอบอุ้มทารกผู้คนหนึ่งเอาไว้แน่น

ฟิ้ววว... เสียงของสายลมแผ่วเบา พัดผ่านเข้ามา พลันปรากฏเป็นเงาร่างสี่สาย เคลื่อนที่เข้าหาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเงาร่างทั้งสี่ได้ยืนล้อมกรอบชายในชุดสีดำเอาไว้

บุรุษชุดสีเขียวทอดสายตามองไปทางชายชุดดำ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “น้องสี่ ในอ้อมแขนของเจ้าคือสิ่งใดกัน? เหตุใดข้าสัมผัสได้ถึงชีพจรชีวิตอ่อนๆของชีวิต??”

“ฮ่ะฮะฮ่ะๆ พี่รองท่านสมกับเป็น ‘แพทย์พิสดาร’ จริงๆ ขนาดข้าใช้กลืนวิญญาณปกคลุมไปทั่วตัวของทารกน้อยคนนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถรอดพ้นสายตาของท่านไปได้ ข้านับถือจากใจจริงๆ นับถือ นับถือ”

“ทารกน้อย!!” เงาทั้งสี่พูดขึ้นพร้อมกันเห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย

“น้องสี่ เหตุใดทารกน้อยคนนี้ถึงมาอยู่กับเจ้าได้แล้ว ‘หญ้าสามวิญญาณ’ ที่พวกเราตามหา เจ้าได้มันมาหรือยัง?” บุรุษชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็น บุรุษชุดขาวผู้นี้มีรูปลักษณ์อยู่ในวัยกลางคน สวมใส่ชุดสีขาวสะอาดสะอ้าน มีหนวดเคราขึ้นตามใบหน้าประปราย บุคลิกองอาจเหนือกว่าผู้คนทั่วไป

ได้ยินเช่นนั้น อีกฝ่ายยิ้มตอบคล้ายกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย “ย่อมต้องได้มา งานง่ายๆแบบนี้มีหรือที่ข้า ‘จูซ่ง’ จะทำไม่สำเร็จ ส่วนทารกน้อยคนนี้....”  ชายชุดดำหยุดเสียงลงและมองไปยังทารกในมือ ใบหน้าปรากฏความลังเลขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยต่อไป

“พี่ใหญ่ ระหว่างการเก็บหญ้าสามวิญญาณข้าได้พบเจอทารกน้อยคนนี้ถูกวางทิ้งเอาไว้ ถ้าข้าไม่ยื่นมือเข้าช่วย คงตกเป็นอาหารของ มังกรพิษฟ้าครามไปแล้ว” กล่าวจบมันยื่นหญ้าพิษหนึ่งกำมือให้แก่บุรุษชุดเขียว “พี่รอง นี้คือหญ้าสามวิญญาณที่ท่านต้องการ”

“ลำบากเจ้าแล้ว น้องสี่”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด”

แม้ว่าชายชุดดำจะรีบยกเรื่องหญ้าสามวิญญาณขึ้นมากล่าวและพยายามบ่ายเบี่ยงคำถามที่กล่าวถึงทารกน้อย ทว่ากลับไม่พ้นความสงสัยของสตรีผู้หนึ่ง

“ข้าไม่ยักจะรู้ ว่าพี่สี่เป็นคนที่มีจิตใจเมตตา คิดช่วยเหลือผู้อื่นด้วย??”

“จิ๊ จิ๊ น้องห้าเจ้าพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก พี่สี่ของเจ้าก็เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งคนหนึ่งเหมือนกัน” แต่กระนั้นน้ำเสียงที่มันกล่าวมิได้มั่นคงเหมือนเช่นท่าทาง เป็นพิรุธให้เกิดเหตุแห่งความสงสัยขึ้น

ได้ยินแบบนั้นแล้ว หญิงสาวยกยิ้มมุมปากและกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกเย้า “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่า จะได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของ ทูตมรณะ ว่าแต่พี่สี่ ขอให้ข้าอุ้มทารกน้อยคนนี้ได้หรือไม่?”

ชายชุดดำส่ายหน้าและตอบกลับเสียงแข็ง “น้องห้า เรื่องนี้พี่สี่คงต้องขัดใจเจ้าแล้ว”

“พี่สี่หมายความเช่นไรกัน?? น้องของท่านเพียงต้องการดูหน้าเด็กน้อยให้ชัดๆเท่านั้นเอง” คิ้วอันเรียวงามของนางยกขึ้นสูง แววตาไม่เป็นมิตรชวนหาเรื่อง

“ทารกน้อยคนนี้เป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ข้าเกรงว่าหากให้อยู่ในมือของ 'ธิดาโลหิต' เด็กมันจะไม่มีโอกาสได้เติบโต” ชายชุดดำกล่าวจบพร้อมโคจรพลังปราณไปทั่วร่าง ราวกับรู้ในนิสัยของพี่น้องร่วมสาบานเป็นอย่างดี

“ข้า เทียนไห่ชางเยว่ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องการแล้วไม่ได้มันมา” ดวงตาอันงดงามของนางหรี่เล็กแหลมคม น้ำเสียงเจือด้วยโทสะจางๆ เห็นได้ชัดว่าหากขอกันดีๆไม่ได้นางจะใช้กำลังเข้าแย่งชิง

“น้องสี่ ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังปิดบังอะไรพวกเราอยู่ ขอให้พี่สามคนนี้ได้ดูทารกน้อยด้วยคนได้หรือไม่?” บุรุษร่างกายกำยำ พูดจาเสียดังโพงพาง

หญิงสาวกล่าวย้ำกดดัน “ข้าเองก็ต้องการดู” สิ้นเสียง เงาร่างทั้งสองพุ่งเข้าหา หมายจะแย่งชิงทารกน้อยออกจากอ้อมอกของชายชุดดำ

หนึ่งเป็นสตรี ที่มีรูปลักษณ์งดงาม สวมชุดสีครามบริสุทธิ์ ดุจนางเซียนสวรรค์ลงมาจุติบนโลก อีกหนึ่งคือ บุรุษผู้มีร่างกายกำยำ ใบหน้าหยาบกร้าน ดวงตากลมโตดำมืดไม่คล้ายเป็นดวงตาของมนุษย์

เมื่อทั้งสองทะยานร่างเข้าหาชายชุดดำ ร่างกายของเป้าหมายกลับเลือนหายไปคล้ายว่าไม่เคยอยู่ในที่แห่งนี้มาก่อน

“ก้าววิญญาณไร้เงา!!!” น้ำเสียงของทั้งคู่แฝงด้วยโทสะ ความเร็วของอีกฝ่ายไม่สามารถจับต้องได้แม้เงา

“เหอะ เด็กอยู่ในมือของข้าแล้ว ผู้ใดก็ไม่สามารถแย่งไปได้”

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ดูเหมือน ท่าเท้าที่เคยเป็นหนึ่งในแดนสวรรค์ภาคกลาง จะยังไม่ขึ้นสนิม ขอให้พี่รองคนนี้ได้ทดสอบดูบ้าง” สิ้นเสียงบุรุษชุดเขียว ล้วงมือเข้าไปหยิบ ขวดโอสถออกมาจากสาบเสื้อ

แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำสิ่งใดออกไป บุรุษชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นปกคลุมไปถึงร่างกายของคนทั้งสี่ “หยุดกันได้แล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ในทวีปฟ้าสวรรค์ ถ้าหากพวกเจ้าทะเลาะกันขึ้นมา ‘เย่ชิงอวิ๋น’ ผู้นั้นคงไม่ปล่อยให้พวกเรากลับไปแดนภูตเร้นลับได้ง่ายๆเป็นแน่”

ได้ยินเช่นนั้น ทั้งสี่หยุดการต่อสู้ทันที แสดงให้เห็นว่าพวกมันทั้งหมดมีท่าทีเคารพและเชื่อฟังพี่ใหญ่เป็นอย่างสูง

“ไปเถอะ...พวกเราเดินทางกลับแดนภูตได้แล้ว” สิ้นเสียงบุรุษชุดขาวหายตัวไปราวกับภาพมายา พร้อมกันนั้น เงาร่างทั้งสี่ทะยานตามติดไปอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันปีที่ อู่โม่กุ้ย หรือห้าปีศาจแดนภูต ย่างกรายออกมาจากแดนภูตเร้นลับ

....

หนิงเทียนในร่างทารกน้อย มองดูเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดตรงหน้า เขาไม่สามารถเข้าใจถึงบทสนทนาที่บุคคลทั้งห้ากล่าวออกมาได้แม้แต่น้อย และน่าแปลกที่สุดคือ หนิงเทียนไม่สามารถรับรู้ในภาษาที่ทั้งห้าใช้ ราวกับเขาไม่เคยได้เรียนรู้การสนทนาของโลกใบนี้มาก่อน

แต่ถึงอย่างนั้นความทรงจำทั้งหมดยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เหตุการณ์ต่อสู้ที่หน้าผาบรรจบเมฆราวกับว่ามันพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนและที่สำคัญหนิงเทียนรับรู้ได้อย่างแน่ชัดแล้วว่า บัดนี้เขาไม่ได้อยู่ในร่างกายและโลกใบเดิมอีกต่อไปแล้ว

“ที่นี่มันคือที่ไหนกัน? ทำไมถึงมีเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจเต็มไปหมด??” หนิงเทียนยังคงค้างอยู่ในอารมณ์ เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก โลกใบนี้ช่างมหัศจรรย์เกินกว่าที่จะจินตนาการได้

ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของแดนสวรรค์ถูกขนานนามด้วยชื่อของ หวงตี้ มีเพียง ‘ที่ราบภาคกลาง’ เท่านั้นที่มีผืนแผ่นดินอุดรสมบูรณ์ เก้าในสิบส่วนของจำนวนประชากรล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

บริเวณชายแดนรอบนอกของสี่ทิศอันประกอบไปด้วย อุดร ทักษิณ บูรพาและประจิมไร้ร่องรอยของผู้คนอยู่อาศัย เนื่องจากเป็นมิติที่ถูกตัดขาด ดั่งเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ผู้ที่ย่างกรายออกไปล้วนแล้วแต่ไม่สามารถกลับมายังแผ่นดินใหญ่ได้อีก

แต่ถึงอย่างนั้น ภายในพื้นที่ราบภาคกลางยังมีบางส่วนที่เป็นภูมิประเทศรกร้างเต็มไปด้วยหุบเขาสูงชัน ผืนป่าและมหาสมุทร ชุกชมไปด้วย สัตว์อสูรต่างๆนานาสายพันธุ์ อีกทั้งยังมีแหล่งอาศัยของเผ่าอสูร เผ่าวิญญาณและเผ่าพันธุ์ต่างๆอีกมากมาย ตัวตนลึกลับต่าง ปิดบังซ่อนเร้น ทำให้ทั้งโลกลืมเลือนเสมือนไม่เคยมีอยู่

ตามตำนานเล่าว่ามีสิ่งมีชีวิตจากยุคบรรพกาลอายุเกินกว่าหนึ่งหมื่นปีสามารถเอาชนะกาลเวลา อยู่รอดมาจนถึงปัจจุบันได้ แต่ก็ยังมิเคยมีผู้ใดพบเห็น หรืออาจได้เห็นแต่ไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับมาเล่าสู่กันฟัง นอกจากนี้ในแดนสวรรค์หวงตี้ มียอดคนผู้วิเศษและอัจฉริยะอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ทักษะในการใช้บ่มเพาะหลากหลายแตกแขนงกันออกไป

แผ่นดินทั้งหมดของ ‘ที่ราบภาคกลาง’ ถูกแบ่งออกเป็นสี่ทิศ ทั้งสี่ทิศนั้นถูกปกครองด้วยขั้วอำนาจใหญ่เป็นดั่งราชาผู้ปกครองดินแดน รวมไปถึงพยัคฆ์หมอบ มังกรซ่อน อีกมากมายที่ยังคงเร้นกายไม่ปรากฏตัว ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ราบภาคกลางจึงกลายเป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยไฟแห่งสงครามอยู่ตลอดเวลา

“อุดรฟ้าสวรรค์ ทักษิณแดนปีศาจ ประจิมเป็นนิจรันดร์ บูรพาดุจเอกกาล” ประโยคเหล่านี้แม้แต่เด็กเล็กๆในที่ราบภาคกลาง ยังสามารถท่องได้จนติดปาก

....

....

บริเวณเหนือสุดของพื้นที่ราบภาคกลางห่างไกลจากความเจริญ เหนือขุนเขาทะลุเมฆา ปกคลุมไปด้วยผืนป่าเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัญญาณแห่งชีวิต มองจากด้านบนประดุจสายน้ำมรกตไหลนิ่ง หากแต่รอบๆผืนป่ากลับถูกปกคลุมหมอกพิษสีดำมืด ด้วยเหตุนี้แทนที่จะถูกเรียกขานด้วยชื่อเรียกที่มีชีวิตชีวา กลับกลายเป็นมีนามที่สร้างความหวาดกลัวว่า ‘ผืนป่านรกดำ’

ป่านรกดำ ตั้งอยู่ในส่วนลึกที่สุดของทวีปฟ้าสวรรค์หนึ่งในสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของแผ่นดิน อีกชื่อหนึ่งมันถูกเรียกว่า ‘ดินแดนที่ถูกลืม’ เนื่องจากเป็นที่เร้นกายของยอดคนในตำนาน กอปรกับภายในอุดสมบูรณ์ด้วยสัตว์อสูรดุร้าย ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดกรายเข้าใกล้

มีคำบอกเล่าต่อๆกันว่า เมื่อเข้าไปด้านในแล้วจะไม่สามารถกลับออกมาได้ ว่ากันว่าป่านรกดำเต็มไปด้วยอสูรระดับปีศาจ แม้กระทั่งอาจมีอสูรระดับสวรรค์ แอบซ่อนอยู่ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสมุนไพรที่มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเองและสัตว์พิษน้อยใหญ่ นานาชนิด

บนท้องฟ้าของป่านรกดำปรากฏเงาร่างห้าสาย ทั้งห้าก้าวเดินอยู่ในอากาศ และเพียงแค่การสะบัดเท้าเบาๆ ทั้งหกชีวิตก็เข้ามาถึง ส่วนที่ลึกที่สุดในป่านรกดำแล้ว

เบื้องหน้าของบุคคลทั้งห้า พลันปรากฏธารน้ำตกขนาดยักษ์แม้ว่าความสูงของน้ำตกนี้จะไม่มากนัก ทว่าพลังที่แฝงมากับสายน้ำอันเกรี้ยวกราด ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ร่างของมนุษย์ให้แหลกเป็นชิ้นๆได้ภายในอึดใจเดียว

จากนั้นสตรีในชุดครามยกมือขึ้น ปลายนิ้วชี้ไปทางธารน้ำใหญ่ พริบตาเดียวน้ำตกทั้งสาย แปรเปลี่ยนเป็นก้อนน้ำแข็ง และเมื่อนางตวัดปลายนิ้วเบาๆสายน้ำที่ถูกความหนาวเย็นแช่จนกลายเป็นน้ำแข็ง ได้แตกกระจาย ออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ข้ามผ่านจากธารน้ำตกใหญ่ ปรากฏเป็นทางเดินเล็กๆสายหนึ่งทอดยาวเข้าไปด้านใน แท้จริงแล้ว ภายในของกระแสน้ำเชี่ยวกราก คือถ้ำขนาดใหญ่ หากมองจากภายนอกจะไม่ทางรู้ได้เลยว่ามีถ้ำซุกซ้อนอยู่ด้านหลังม่านน้ำตกใหญ่แห่งนี้

“น้องห้าเจ้าอย่าได้กระทำสิ่งที่มันน่ากลัวเช่นนี้อีก เดียวทารกน้อยของข้าจะตกใจได้!!!” ชายชุดดำกล่าวตำหนิ

สตรีชุดครามไม่ได้ตอบอันใดกลับไป นางเพียงแต่มองค้อนไปยังพี่สี่เล็กน้อย

ช่องทางเดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวค่อยๆแตกแขนงออกเป็นช่องทางมากมายนับสิบ นับร้อยสาย คล้ายเป็นทางเดินของเขาวงกตที่ยากจะหาปลายทางได้เจอ ทั้งห้าคนเดินไปตามทางที่คดเคี้ยว ซับซ้อนอย่างชำนาญ

ล่วงเวลาผ่านราวๆหนึ่งก้านธูป ทั้งหมดมาถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ มันปรากฏให้เห็นเป็นผนังเหล็กกล ที่มีน้ำหนักกว่าล้านจิน*(1จินเท่ากับ500กรัม) ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับสูงก็ไม่มีทางทำลายผนังเหล็กนี้ลงได้

จากนั้นบุรุษชุดขาว ก้าวเท้าออกมา มันได้ส่งจิตสัมผัสไปยังผนังเหล็กกล ราวกับว่าประตูเหล็กกลตอบสนองความต้องการของผู้เป็นนาย

ครึก...ครึก...ครืดดดดดดดด

เสียงผนังเหล็กค่อยๆ เลื่อนออกจากกัน ฉับพลันนั้นเอง ปรากฏดินแดนสนธยา ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ลำธารและสายน้ำ กึ่งกลางของแดนสนธยา มีตำหนักใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ห้าตำหนักอันมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป

“ข้าได้รับบาดเจ็บจากมังกรพิษฟ้าครามเล็กน้อย ขอตัวกลับไปพักก่อน” ชายชุดดำกล่าวออกและกำลังเดินจากไป

“หยุดก่อน!!” ทั้งสามพูดออกมาเป็นเสียงเดียว

“พี่สี่ ด้วยความสามารถของท่าน ต่อให้มีมังกรพิษฟ้าครามอีกสักสิบ ไม่สิ อีกสักร้อยตัว เกรงว่ายังไม่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ท่านได้”

“หึหึหึ น้องสี่หรือเจ้าเก็บตัวออกจากแดนสวรรค์มานานนับพันปี ฝีมือเลยตกไปเสียแล้ว โดนแม้กระทั่งงูตัวน้อยๆ ทำร้ายบาดเจ็บเอาได้” บุรุษร่างกายกำยำกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขบขัน

“น้องสี่ขอให้พี่รองคนนี้มองดูทารกสักเล็กน้อยเถิด หากเขาได้รับบาดเจ็บเราจะได้รักษาทันท่วงที” บุรุษชุดเขียวให้ความสนใจในตัวของทารกน้อยมากกว่า

ชายชุดดำ มีท่าทางลำบากใจเมื่อถูกพี่น้องทั้งสามคนรบเร้าอย่างหนัก มันจึงเอ่ยขอความช่วยเหลือ “พี่ใหญ่ โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย ทารกน้อยคนนี้ข้าเป็นคนเจอข้ามีสิทธิ์ที่จะพาเขาไป”

หญิงสาวรีบชิงกล่าว ก่อนที่พี่ใหญ่ของนางจะตัดสิน “พี่สี่ ข้าไม่ได้ต้องการแย่งทารกน้อยคนนี้กับท่าน ข้าเพียงต้องการสำรวจบางสิ่งสักเล็กน้อย”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พี่รองก็แค่อยากรู้ว่า ทารกน้อยคนนี้มีอะไรดี ถึงสามารถทำให้น้องสี่ แสดงท่าทีผิดแปลกไปจากทุกทีได้” ดวงตาของบุรุษชุดเขียวคล้ายกับอสรพิษจับจ้องไปยังเด็กทารก

“ฮ่าๆ พี่สามก็สงสัยเหมือนกันว่าเหตุใด ‘ผู้ส่งสาส์นแห่งความตาย’ ที่ครั้งหนึ่งเคยเหยียบย้ำอยู่บนกองซากศพนับล้านชีวิต มาวันนี้กลับมีจิตใจดี เมตตาช่วยเหลือชีวิตคนอื่น”

“นี้พวกท่าน!!! จะรังแกกันเกินไปแล้ว??” ชายชุดดำกล่าวด้วยโทสะ

ได้ยินวาจาโต้เถียงของน้องๆ บุรุษในชุดขาว ถอนหายใจเบาๆ เขารู้ถึงนิสัยน้องทั้งสี่เป็นอย่างดี หากปล่อยต่อไป พวกมันจะต้องตีกันเองอย่างแน่นอน

“ในเมื่อทุกคนใคร่รู้ เช่นนั้นน้องสี่เจ้าบอกได้หรือไม่? ว่ามีความคิดจะทำเช่นไรกับทารกน้อยคนนี้?? เมื่อคลายความสงสัยแล้ว พี่ใหญ่ให้สัญญาว่าพวกเราทั้งสี่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของเจ้า”

“พี่ใหญ่ให้สัญญาแล้ว และพวกท่านทั้งสามละ??” ชายชุดดำปลายสายตาไปทางพี่น้องร่วมสาบานอีกสามคนเพื่อรอฟังคำตอบ

สตรีชุดครามยกยิ้มด้วยความงดงามราวกับเทพธิดา สายตามองไปยังทารกน้อยไม่กระพริบ “พี่สี่ข้ารู้แล้ว มา มา มา ข้าขอสัญญาด้วยคน ท่านสบายใจแล้วนะ ว่าแต่พี่สี่ขอข้าอุ้มทารกน้อยคนนี้ก่อนเถอะ”

“เจ้าสัญญาแล้วแน่นะ” ชายชุดดำแสดงท่าทีลังเลอยู่ชั่วอึดใจ แม้ไม่อยากเชื่อในคำสัญญาของน้องห้า แต่เมื่อถูกทุกสายตารุมเร้าจ้องมอง จึงไม่มีทางเลือก ต้องส่งตัวทารกน้อยออกไป

“โอ๋ โอ๋ โอ่ น่ารักน่าชังเสียจริงๆนะ” สองมือของนางโอบอุ้มทารกน้อย พร้อมกับไกว่ไปมาเบาๆ นางมองทารกน้อยด้วยความเอนดู

“น้องสี่ในเมื่อพี่สามได้ให้สัญญากับเจ้าแล้ว เหตุใดถึงยังไม่บอกอีกว่า เจ้านำตัวทารกน้อยผู้นี้กลับมาที่แดนภูตทำไม??”

ชายชุดดำคิดอยู่นาน ว่าจะบอกความจริงออกไปดีหรือไม่ แต่แล้วสายตาทั้งแปดคู่ที่จ้องมองกดดันมา ทำให้มันต้องถอนหายใจยาวและเล่าความออกไปว่า “ตอนที่ข้าพบทารกคนนี้ ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าเด็กนี้มากและคิดจะช่วยเขาจากมังกรพิษฟ้าครามเท่านั้น แต่เมื่อข้าบังเอิญได้สำรวจร่างกายของเขา กลับพบว่า เส้นชีพจรลมปราณของเด็กคนนี้เปิดออกทั้งหมด ห้าสิบสี่จุด”

“ห้าสิบสี่จุด!!!” น้ำเสียงตกตะลึง ของทั้งสี่คนร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง

“ใช่ พวกท่านฟังไม่ผิด ห้าสิบสี่จุดบนร่างเปิดออกทั้งหมด”

“ห้าสิบสี่จุดแต่กำเนิด เป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งนัก” บุรุษร่างกายกำยำตะโกนออกมาเสียงดัง

การเปิดจุดชีพจรลมปราณ เมื่อฝึกตนถึงระดับสูง ผู้ฝึกจะสามารถบังคับเปิดออกได้ด้วยพลังลมปราณหรืออีกวิธีคือได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์มากความสามารถ แต่นั้นก็หมายความว่า จะต้องมีความแข็งแกร่งในระดับสูงเสียก่อนถึงจะสามารถใช้ทั้งสองวิธีนี้ได้ ดังนั้นการที่เด็กทารกเกิดมาพร้อมกับจุดชีพจรลมปราณทั่วร่างทั้งห้าสิบสี่จุด นับว่าได้เปรียบผู้ฝึกตนคนอื่นเป็นอย่างมาก ลองคิดดูว่าจะวิเศษเพียงใด หากสามารถฝึกฝนทักษะวิชาระดับสูงได้โดยที่พลังฝึกตนยังต่ำอยู่

แต่แล้วความตกตะลึงของทั้งสี่ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อชายชุดดำยังกล่าวต่อไป “และข้าได้ทดสอบพรสวรรค์ในการฝึกตนของเขาแล้ว พรสวรรค์ของเขาอยู่ที่เก้าแก่นแท้”

“กะ...กะ...เก้าแก่นแท้!!!” คราวนี้เป็นเสียงของบุรุษชุดเขียวที่ได้อุทานออกมา

เก้าแก่นแท้เป็นจุดสูงสุดของแก่นแท้พรสวรรค์ในดินแดนสวรรค์หวงตี้ แค่เพียงเจ็ดแก่นแท้พรสวรรค์ก็จะถูกเรียกเป็นอัจฉริยะ แปดแก่นแท้นับว่าเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะทั่วหล้า สำหรับเก้าแก่นแท้ นับตั้งแต่ยุคบรรพกาลก็เป็นเพียงตำนานเท่านั้น

สตรีชุดครามที่กำลังอุ้มทารกน้อยอยู่ กล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ “ที่ข้ากำลังอุ้มอยู่คือร่างกายเทวะสวรรค์ในตำนาน!!” แม้แต่สองมือที่กำลังประคองทารกน้อย ก็ยังมีอาการสั่นไหวด้วยความดีใจอยู่มาก

บุรุษร่างกายกำยำมองไปที่เด็กทารกความแววตาตกตะลึงและความไม่เชื่อในสายตา “จริงหรือเนี้ย!!! ร่างกายเทวะสวรรค์ที่เคยได้ยินแค่ในตำนาน ได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว”

“เส้นชีพจรห้าสิบสี่จุดเหมาะแก่การฝึกฝนทักษะวิชาทุกแขนงและพรสวรรค์เก้าแก่นแท้สามารถทำความเข้าใจทุกๆทักษะในใต้หล้าได้อย่างง่ายดาย” บุรุษในชุดเขียวพึมพำออกมา แววตาเป็นประกายคล้ายมองไปยังสมบัติล้ำค่าที่หามิได้อีกในโลก

บุรุษชุดขาวเองก็มองไปที่ทารกน้อย ด้วยแววตาเปล่งประกาย ความเยือกเย็นรอบๆ ตัวมลายหายไปหมดสิ้น

ชายชุดดำจ้องมองไปยังทารกด้วยแววตาภาคภูมิใจ มันวาดฝันมาตลอดชีวิตว่าจะได้พบทายาทที่สามารถสืบทอดวิชาของตนเอง “เพราะเป็นร่างกายเทวะสวรรค์ ข้าจึงนำเขากลับมาที่แดนภูต หมายจะสั่งสอนวิชาความรู้และวรยุทธ์ทั้งหมดของข้าให้แก่เขา เมื่อเติบใหญ่ ทารกน้อยคนนี้จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ก้าววิญญาณไร้เงา สืบต่อไปไปยังชั่วลูกชั่วหลาน” กล่าวจบความสุขเอ่อล้นปรากฏบนใบหน้าที่ไร้สีเลือด ความปิติยินดีไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้อีก

เมื่อได้ยินความปรารถนาของชายชุดดำ ความคาดหวังของ สามบุรุษ หนึ่งสตรีทะยานขึ้นถึงขีดสุด พวกมันเร้นกายมาเป็นเวลากว่าพันปี และอาศัยอยู่ในแดนภูตเร้นลับที่ไร้ซึ่งผู้คน  หากพวกเขามีทายาทสืบต่อเคล็ดวิชาต่างๆไม่ให้สูญหายไปจะวิเศษมากเพียงใดกัน???

“พี่สี่ ถ้าท่านต้องการเป็นอาจารย์ของเขาก็เป็นไป แต่ข้าต้องการรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม ท่านคงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ” บัดนี้ทารกน้อยอยู่ในมือของชางเยว่ นางไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบเช่นไรและหากตอบว่าไม่ แน่นอนว่านางจะแย่งชิงมาเป็นของตัวเอง!!

เมื่อได้ยินคำกล่าวของน้องห้า คำว่า “บุตรบุญธรรม” ดังก้องอยู่ในหัวของคนทั้งสาม ดวงตาของพวกมันกลมโตเป็นไข่หาน

ทว่ามีผู้หนึ่งที่ไม่ได้ยินดีกับคำพูดเหล่านั้น คำกล่าวของหญิงสาวสร้างความไม่พอใจให้แก่ชายชุดดำเป็นอย่างมาก “น้องห้า เจ้าสัญญากับข้าแล้ว เจ้าจะผิดคำสัญญาได้อย่างไร??”

“ข้าไม่สนใจ ท่านลืมไปแล้วหรือว่า หากเทียนไห่ชางเยว่ ต้องการสิ่งใด จะต้องได้สิ่งนั้น”

“น้องห้านี้เจ้า!!” ได้ยินเช่นนั้นโทสะของเขาปะทุออกมา หากไม่สามารถตกลงกันได้ คงต้องตัดสินด้วยการต่อสู้เท่านั้นแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด