ตอนที่แล้วบทที่ 48 ความลับของคนแซ่เจี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 50 ผู้ร้ายปากแข็ง

บทที่ 49 บุกจับ


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 49 บุกจับ

หลินชิวผูขัดจังหวะหญิงสาว “คุณกับเจี่ยยังไม่ได้หย่ากันอย่างเป็นทางการแล้วมาแต่งงานกับสามีคนปัจจุบัน นี่ไม่ถือว่าผิด...” เขาฉุกคิดได้ว่าการต่อว่าอีกฝ่ายว่าผิดศีลธรรมอาจเป็นเรื่องที่อ่อนไหวเกินไปจึงพูดไม่จบประโยค

หญิงสาวตอบกลับ “ตอนที่ฉันหนีตามเจี่ยเจิ้นหัวมา ครอบครัวของฉันยึดเอกสารทะเบียนบ้านของฉันไว้ทั้งหมด ทำให้ฉันกับเขาไม่สามารถจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายได้ แค่เคยอยู่กินด้วยกันเท่านั้น”

หลินชิวผูพยักหน้ารับทราบและส่งสัญญาณให้เธอเล่าต่อ

หญิงสาวพูดต่อไปว่าหลายวันก่อนเธอออกไปซื้อผักผลไม้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างทางเธอไม่รู้ว่าเจี่ยโผล่มาจากไหนและหลบหนีเข้าเมืองหลงอันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากระโจนมาขวางทางเธอไว้พร้อมอาวุธมีดในมือและตะคอกใส่เธออย่างดุร้าย “ถ้าไม่ใช่เพราะมึง กูคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้!”

ขณะเกิดการทะเลาะวิวาทฉุดรั้งกันไปมา ปลายมีดของเขาเฉือนใต้ท้องแขนเธอจนเกิดแผล โชคดีจังหวะนั้นมีคนเดินผ่านมาพอดีเจี่ยจึงหลบหนีไป ส่วนเธอเองไม่ต้องการให้สามีของเธอรู้เกี่ยวกับเรื่องในอดีตจึงไม่ได้แจ้งความเรื่องนี้กับทางตำรวจ

“ผู้ชายคนนี้เป็นขยะสังคมจริง ๆ ไม่ว่าใครหลงผิดมาคลุกคลีอยู่กับมันก็ต้องพบเจอแต่ความโชคร้าย ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตัดสินลงโทษมันในข้อหาหนักด้วยเถอะนะคะ อย่าให้มันได้มีโอกาสออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก” หญิงสาววิงวอน

“เจี่ยพรากชีวิตผู้คนไปหลายศพ ยังไงเขาก็ไม่รอดพ้นไปจากโทษประหารชีวิตหรอกค่ะ” หลินถงซูพูดให้เธอวางใจ

หลินชิวผูขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณสะดวก ผมขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของคุณไว้เพื่อเปรียบเทียบกับคราบเลือดที่ติดอยู่บนมีดของเขาหน่อยได้ไหมครับ?”

“ยินดีเลยค่ะ!”

หลินชิวผูให้หลินถงซูใช้สำลีเก็บตัวอย่างจากเนื้อเยื่อภายในกระพุ้งแก้มของหญิงสาว เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจึงกล่าวอำลา

ทั้งสองกลับมาที่สถานีตำรวจและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนอื่นทำการสอบปากคำเจี่ยไปก่อน ส่วนตัวเขารีบตรงดิ่งไปยังแผนกนิติเวชทันที เผิงซื่อจวี๋ทักทายเขา “ผู้กองหลินมาด้วยตัวเองเลยเหรอเนี่ย? ดีเอ็นเอบนอาวุธมีดได้รับการทดสอบแล้ว ผลคือไม่ตรงกันกับผู้เสียชีวิต”

หลินถงซูที่เดินตามมาด้วยเหลือบมองท่าทีหลินชิวผูทันทีและพบว่าเขาชะงักอึ้งไปคล้ายจะเป็นลม เขารีบหยิบตัวอย่างดีเอ็นเอของภรรยาเก่าคนแซ่เจี่ยยื่นให้อีกฝ่ายทันที “เปรียบเทียบดีเอ็นเอบนมีดกับตัวอย่างนี้ให้เร็วที่สุด!”

สองชั่วโมงถัดมา หลินชิวผูก็ยังเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูห้องแล็บเหมือนหนูติดจั่น ไม่ว่าหลินถงซูจะพยายามเกลี้ยกล่อมแค่ไหนก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้เขาหยุดเดินและสงบสติอารมณ์ลงได้

ในที่สุดผลการทดสอบก็สำเร็จ เผิงซื่อจวี๋เดินออกมาพร้อมหยิบสำเนาผลการทดสอบสองชุดติดมือมาด้วย เขาอธิบาย “ดีเอ็นเอของทั้งสองตัวอย่างตรงกันเป๊ะเลย เขาเป็นคนคนเดียวกัน”

“ไม่มีดีเอ็นเอของคนอื่นบนมีดเลยเหรอ?”

“ไม่มี มีแค่ชุดนี้ชุดเดียว”

หลินชิวผูเงยหน้าขึ้นมองเพดานพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “สุดท้ายฉันก็ผิดอีกจนได้!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งวิ่งมารายงาน “ผู้กองหลินครับ การสอบปากคำจบลงแล้ว คนแซ่เจี่ยยืนกรานปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำการฆาตกรรมคดีหญิงสาวไร้หัว”

“ถูกแล้ว เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าเธอ นำตัวเขาไปฝากขังรอพิจารณาคดีต่อไป!” หลินชิวผูโบกมือไล่อย่างอ่อนแรง

หลินชิวผูเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวด้วยอาการเหม่อลอย เขาทรุดตัวลงนั่ง ข้อศอกเท้าไว้กับโต๊ะ สองมือกุมขมับ หลินถงซูรู้ดีว่าตอนนี้เขาต้องผิดหวังและท้อแท้มากแน่ ๆ เธอจึงกระซิบปลอบใจเขา “พี่คะ เบาะแสของเราไม่ได้สิ้นสุดแค่ตรงนี้ซะหน่อย ยังมีทางฝั่งของเฉินฉี...”

“พี่สันนิษฐานผิดพลาดตั้งแต่ตอนไหนกัน?! ทำไมพี่ถึงเอาชนะคนขับรถนั่นไม่เคยได้เลย?!” หลินชิวผูแบมือออกขณะตั้งคำถามอย่างไม่เข้าใจ

หลินถงซูยิ้มเจื่อน “แต่ถึงยังไงคดีทั้งหมดก็คลี่คลายลงด้วยดีนี่คะ ความดีความชอบทั้งหลายก็ตกเป็นของทีมสืบสวนที่มีพี่เป็นหัวหน้าอยู่ดี”

“เฮ้อ ปีนี้ปีชงหรือยังไงนะ” หลินชิวผูตบข้างแก้มเพื่อเรียกสติ จากนั้นเขาจึงกลับมาอยู่ในสภาพปกติ “แล้วทางฝั่งเฉินฉีเป็นยังไงบ้าง?”

หลินถงซูสรุปผลการตรวจสอบของพวกเขาให้ฟังคร่าว ๆ และไม่ลืมบอกว่าทางตำรวจสามารถออกหมายจับและเข้าไปตรวจค้นบริษัทคังซิงอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นทางการได้ในวันพรุ่งนี้ หลินชิวผูพยักหน้าและพูดขึ้น “ฝากบอกเขาด้วยว่าครั้งนี้พี่แพ้เดิมพันเขาอีกแล้ว ถ้าคดีนี้คลี่คลายลงเมื่อไหร่พี่จะเชิญเขาไปร้านหม้อไฟต่งต้าชุ่น สั่งเนื้อแกะมากินให้หนำใจ ไม่สิ พี่จะเลี้ยงทุกคนในทีมสืบสวนเฉพาะกิจเลย และถ้าเขามีความจำเป็นใด ๆ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือจากเราได้โดยตรง”

“ทำไมรอบนี้พี่ยอมแพ้เขาง่าย ๆ แบบนี้ล่ะ?” หลินถงซูเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย

“ยัยน้องโง่ เธอจะพูดว่าพี่ยอมแพ้เขาง่าย ๆ ไม่ได้! พี่ก็แค่อยากเดิมพันกับเขาเล่น ๆ เท่านั้นเอง ต่อให้พี่สันนิษฐานผิดทางแต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่พี่ไม่ได้ใส่ไข่ทุกฟองลงในตะกร้าใบเดียว* อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังมีเบาะแสจากทางพวกเธออยู่”

* ใส่ไข่ทุกฟองลงในตะกร้าใบเดียว = เป็นสำนวนเปรียบเทียบ การแบ่งไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบก็เหมือนการคาดเดาไปในหลายทิศทาง พอเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับตะกร้าใบใดใบหนึ่งจนไข่แตก ก็ยังมีตะกร้าใบอื่นที่มีไข่เหลืออยู่

“คิดในแง่ดี คราวนี้พี่สามารถคลี่คลายทั้งคดีอาชญากรมีหมายจับที่หลบหนีข้ามเมือง และคดีศพหญิงสาวไร้หัวได้พร้อม ๆ กันเลยนะคะ”

หลินชิวผูทำหน้าไม่ถูกเพราะรู้ดีว่าผลงานที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความสามารถของเขาโดยตรง เขาได้แต่ยิ้มเจื่อน “ไปได้แล้วน่า รูปคดีทั้งหมดยังไม่ชัดเจนขนาดนั้นซะหน่อย ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ พวกเธอก็อย่าทำพลาดเชียว!”

หลินถงซูเดินออกจากห้องของหลินชิวผูมาแล้วและไม่ลืมแจ้งข่าวดีให้กับเฉินฉี ซึ่งเขาก็ตอบกลับแชทของเธอทันที “ศิษย์มีครูก็งี้แหละ คุณเก่งมาก โชคดีที่พี่ชายของคุณไม่ทำตัวน่ารำคาญเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทีนี้เรามารอดูกันว่าพรุ่งนี้เราจะเจอกับความโชคดีอะไรบ้าง?”

วันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เฉินฉีส่งแชทถึงหลินถงซูและกำชับให้เธอรีบเปิดดูกล่องจดหมายเข้าในอีเมล

สิ่งที่ส่งมาคือคลิปวิดีโอแอบถ่ายที่ถูกส่งมาจาก ‘พลเมืองนิรนาม’ เนื้อหาในคลิปเป็นการประชุมตอนเช้าของ บริษัทคังซิงอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้จัดการบริษัททำการล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิงและบีบบังคับพวกเธอต่อหน้าพนักงานคนอื่น ๆ อย่างโจ่งแจ้ง หลินถงซูรีบนำคลิปวิดีโอไปเปิดเผยต่อผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทันทีและยื่นเรื่องขอออกหมายจับ

หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด หลินถงซูและสวีเสี่ยวตงพาเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเดินทางมายังบริษัทคังซิงอิเล็กทรอนิกส์ เฉินฉีมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าและกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ตรงชั้นล่าง เขาทักทาย “หมายจับออกเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”

“นี่ไง ดูสิ!”

“แบบนี้ดีเลย มาเถอะ! รีบบุกจับซะให้จบ ๆ ไป!”

ทันทีที่ผู้จัดการร่างอ้วนเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่แหนกันเข้ามาที่บริษัท ใบหน้าของเขาก็ถอดสีทันทีเพราะความกลัวจนขึ้นสมอง ถึงอย่างนั้นเขายังลุกขึ้นและฝืนยิ้มแย้มต้อนรับ “คุณเจ้าหน้าที่ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

หลินถงซูแสดงหมายจับและจงใจพูดยอกย้อนเขา “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ฉันว่าตัวคุณน่าจะรู้ดีแก่ใจที่สุดนะคะ!”

ผู้จัดการตกตะลึงจนเหงื่อแตกพลั่ก ดวงตาเบิกกว้างกลอกกลิ้งไปมาด้วยความคาดไม่ถึง สวีเสี่ยวตงรีบเดินออกมาเพื่อจะใส่กุญแจมือ ขณะนั้นผู้จัดการก็จนตรอกถึงขั้นคิดกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง แต่ไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่หลายคนช่วยกันจับกดร่างเขาไว้กับโต๊ะ หลินถงซูพูดต่อไป “คุณล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิงต่ออย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าพนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัท ทางเรามีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานที่แน่ชัด เพราะฉะนั้นกลับไปที่สถานีตำรวจกับพวกเราโดยดีเถอะค่ะ!”

“โอ้! เรื่องนี้นี่เอง!” สีหน้าของผู้จัดการร่างอ้วนแสดงความโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด

“หมายความว่ามีเรื่องอื่นด้วยใช่ไหม?” เฉินฉีถามกลับพร้อมเหยียดยิ้ม

“ปะ... เปล่าครับ! ไม่มี!” เขารีบส่ายหน้าถี่ ๆ ทันทีจนเนื้อไขมันบนใบหน้าสั่นกระพือไปมา

“งั้นข้อหาล่วงละเมิดทางเพศก็เป็นความจริงน่ะสิ!”

“นะ... นั่นเป็นคลิปตัดต่อต่างหาก! ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย คุณเจ้าหน้าที่ต้องเชื่อผมนะ!”

หลินถงซูโบกมือไล่เขาออกไป “ควบคุมตัวเขาไปได้แล้ว!”

เฉินฉีหันไปกระซิบข้างหูของหลินถงซู “พาไอ้อ้วนหื่นกามนี่กลับไปก่อน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสักสองคนสอบปากคำพวกพนักงานให้ละเอียด ส่วนคนที่เหลือให้แยกออกไปทำการตรวจค้น”

หลังจากวางแผนกลยุทธ์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขาสามารถเข้าตรวจค้นทุกซอกทุกมุมของบริษัทคังซิงอย่างชอบด้วยกฎหมาย หลินถงซูขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนลงไปตรวจหาคราบเลือดที่บริเวณลานจอดรถและทางเข้าออกของตัวอาคาร ส่วนเธอ สวีเสี่ยวตง เฉินฉี และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองคนได้ช่วยกันกวาดต้อนพนักงานเข้ามาอยู่รวมกันเพื่อทำการสืบสวน

พนักงานทุกคนถูกเรียกเข้ามาอยู่รวมกันในห้องประชุมของบริษัท ทุกคนมีสีหน้างุนงงสงสัย มีหลายคนที่มีอาการเลิ่กลั่กเพราะวางตัวไม่ถูก เฉินฉีหยิบแฟ้มรายชื่อพนักงานมาถือไว้ในมือก่อนตั้งคำถาม “วันนี้พนักงานทุกคนมาทำงานกันครบไหม?”

“วันนี้เรามากันครบค่ะ บริษัทของเรามีพนักงานทั้งหมดสิบเจ็ดคน”

“ใครอยู่ฝ่ายบัญชี?”

ผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้น เฉินฉีเรียกเธอให้เดินออกมา “มาคุยกันตรงนี้หน่อยครับ”

เฉินฉีขอให้พนักงานฝ่ายบัญชีคนนี้แสดงรายการจ่ายเงินเดือนพนักงานในแต่ละปีให้เขาตรวจสอบ ซึ่งในโปรแกรมแสดงข้อมูลของพนักงานแค่ 17 คนเท่านั้น แต่เฉินฉีไม่เชื่อ เขามองไปบนแถบประวัติการแก้ไขและถามขึ้น “ทำไมสถานะหน้าเอกสารของปี 2015 และปี 2016 ถึงขึ้นว่าได้รับการแก้ไขเมื่อเร็ว ๆ นี้?”

พนักงานบัญชีหัวเราะแหะ ๆ และตอบคำถาม “ท่านผู้จัดการขอให้ฉันทำรายงานสรุปค่ะ อาจไปคลิกโดนนิดหน่อยโปรแกรมก็เลยแสดงสถานะแบบนั้น”

“เมื่อไหร่?”

“ไม่กี่วันนี้เองค่ะ”

“วันอะไร?”

“เอ่อ... ประมาณวันจันทร์”

“คุณได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?” เฉินฉีใช้วิธีตั้งคำถามสั้น ๆ แบบไม่เว้นจังหวะเพื่อกดดันอีกฝ่าย

“หกพันสี่ร้อยหยวนค่ะ”

เฉินฉียิ้ม เขาเหลือบมองบัตรพนักงานของเธอที่ห้อยอยู่ด้านหน้า จากนั้นจึงชี้ไปที่คอลัมน์ในแบบฟอร์มและพูดคาดคั้น “แต่ผมว่าเดือนนี้คุณได้เงินเดือนมากกว่าเจ็ดพันหยวนอีกนะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด