ตอนที่แล้วตอนที่ 18 เพื่อนสนิทและไอ้โหด(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 ระดับของรอยแยกมิติและชนิดของซอมบี้(อ่านฟรี)

ตอนที่ 19 สลักคาถาแสงชำระล้าง(อ่านฟรี)


ตอนที่ 19 สลักคาถาแสงชำระล้าง

เมื่อกลับเข้ามาในห้องเรย์ก็จัดการวางของไว้ตามโต๊ะประกอบด้วย หนังสือเวทมนตร์ กระดาษคาถาแสงชำระล้างและขวดเลือดสีขาวอีกสามขวด หลังจากจดเตรียมแล้วเรย์ก็หลับตาลงสู่ห้วงสมาธิสงบจิตใจของตัวเองลง

เรย์นิ่งไปราว ๆ 1 นาทีก่อนจะลืมตาขึ้นมาไม่พูดจาอะไร กล่าวเบา ๆ ว่า “ฟาลัน (บอลแสง)” บอลแสงปรากฏขึ้นมาในมือของเรย์ก่อนจะลอยไปเบื้องหน้าของเขา

แสงของบอลแสงสว่างมากกว่าหลอดไฟภายในห้องมากทำให้เรย์มองเห็นได้อย่างชัดเจน มือของเขาคว้าหนังสือเวทมนตร์หยิบปากกาทองคำออกมา จากนั้นก็ใส่หยดเลือดสีขาวลงไป ไม่ใช่แค่ห้าหยด แต่เรย์ใส่มันไปจนเต็ม

เขาพยายามไม่คิดเรื่องที่ว่าจะใช้เลือดสีขาวกี่หยดถึงจะสำเร็จ

เรย์ไม่อยากให้มันมารบกวนอารมณ์ของตนเอง ที่จริงเรย์กำลังลอกเรียนแบบวิธีการยิงปืนที่ฟาริสคอยสอน ฟาริสบอกว่าตอนจะยิงบางสิ่งก็ให้สนใจแค่เป้าหมาย แต่ก็ต้องรับรู้ด้วยว่าอะไรจะทำให้ยิงไม่ถูกเป้าหมาย แต่อย่าไปทุ่มสมาธิตรงนั้นมากเกินไป

ตอนนี้เรย์รู้แต่เขาก็ควบคุมความคิด สมาธิ และการหายใจ ความสนใจของเรย์มุ่งไปที่การเขียนอักษรเวทมนตร์จากคาถาแสงชำระล้าง เรย์มองไปที่กระดาษแสงชำระล้างก่อนจะหันไปที่กระดาษผสมทองคำในหน้าที่ 5 มือเริ่มบรรจงเขียนจากใจกลางขยายออกไปทุกทิศทางทั้ง 4 ความหนาของเส้น

ความกว้างของอักษรเวทมนตร์ถูกเติมเต็มอย่างชำนาญ ด้วยความซับซ้อนของอักษรเวทมนตร์คาถาแสงชำระล้าง ทำให้เรย์ใช้สมาธิมากเป็นอย่างยิ่ง แต่ยิ่งขีดเส้นลากลายเขียนก็ยิ่งทำได้เร็วขึ้น แต่แล้วจังหวะหักตวัดข้อมือก็เกิดความผิดพลาดไปหนึ่งจุด

กึก!

ลายเส้นทั้งหมดหายไปทันที แต่กลับไม่มีอาการทางสีหน้าของเรย์แม้แต้น้อย เรย์เริ่มลงมือเขียนใหม่อีกครั้ง เส้นอักษรเวทมนตร์เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ผ่านไปสองครั้ง

ผ่านไปครั้งที่สาม

เข้าครั้งที่สี่จนกระทั่งในที่สุดครั้งที่ห้าเส้นสุดท้ายถูกเติมเต็ม อักษรเวทมนตร์เริ่มสั่นไหว คล้ายกับจะลอยหายไป เรย์หันหัวปากกากดไปที่นิ้วชี้หยดเลือดทำตามขั้นตอนสุดท้ายอักษรเวทมนตร์ดูดซับเลือดของเรย์ไปหลายหยดในที่สุดก็ผนึกเข้าไปในกระดาษผสมทองคำได้สำเร็จ

อักษรเวทมนตร์ของแสงชำระล้างนั้นส่องแสงวูบวาบไล่ไปมาตามกระดาษสวยงามจนน่าแปลกใจอยู่ไม่กี่วินาทีก็หยุดลง กลับไปเป็นลายเส้นปกติ

เรย์ยืนมือไปลูปเบา ๆ ย่างภาคภูมิใจ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้เรย์ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาใช้ความเงียบดื่มด่ำกับความสำเร็จอยู่คนเดียวในห้อง ตอนนี้นอกจากคาถาบอลเพลิงแล้ว คาถาแสงชำระล้างคือคาถาโจมตีแบบที่สองที่เรย์ได้ครอบครอง

“แค่นี้งานในวันพรุ่งนี้ก็ปลอดภัยมากขึ้น แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด...”

เรย์รวบรวมสมาธิอีกครั้ง และลงมือต่อ คาถาบอลแสงหนึ่งคาถาใช้หยดเลือดสีขาว 4 หยดในเขียนขึ้นมา หลังจากคงความผิดพลาดอยู่ในอัตราส่วนสามสำเร็จหนึ่ง ในที่สุดเรย์สามารถสร้างคาถาแสงชำระล้างได้อีก 4 บท

กระดาษแสงชำระล้างทั้ง 5 แผ่นถูกสร้างต่อจากคาถาบอลเพลิง กระดาษผสมทองคำ 9 แผ่นเติมเต็มด้วยคาถาแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงกระดาษผสมทองคำ 1 แผ่นที่ยังไม่ใช้งานและกระดาษผสมเงินอีก 20 แผ่นที่ยังไม่ใช้งาน

“ควรบันทึกคาถาอะไรต่อดี” เรย์คิดอยู่สักพักจึงลอกสลักคาถาบอลแสงลงในหน้าสุดท้ายของหน้ากระดาษทองทำ

พอเรย์ลงมือเขาก็พบกับเรื่องบางอย่างที่น่าฉงนเข้า นั้นก็เพราะเพียงครั้งแรกคาถาบอลแสงถูกเขียนสำเร็จในครั้งแรกอย่างไม่น่าเชื่อ เรย์ตกใจพอควรดังนั้นจึงเปิดหน้าต่อไปและสลักลงไปที่กระดาษผสมเงินหน้าแรกสลักคาถาบอลแสงลงไปอีกครั้ง ซึ่งก็สำเร็จตามเคย ครั้งที่สามก็ไม่ต่างกัน

“ครั้งแรกอาจจะโชคดี ครั้งสองอาจจะบังเอิญ แต่ถ้าสามครั้งไม่ใช่ทั้งโชคดีและบังเอิญแน่นอน อาจจะเพราะคาถาบอลแสงคือคาถาติดตัว มันมีอักษรเวทมนตร์สลักลึกอยู่ในจุดพลังงานของเราจึงทำให้เขียนออกมาอย่างไม่มีข้อผิดพลาดและยังง่ายมากราวกับการหายใจเข้าออก”

เรย์เหมือนกับได้เปิดโลกใบไม่ขึ้นมา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา

ผู้ใช้พลังกายภาพแกร่งในเรื่องร่างกาย ผู้ใช้พลังจิตแกร่งในเรื่องพลังจิต ส่วนผู้ใช้เวทมนตร์นั้นแกร่งในเรื่องการเตรียมตัว เพราะขอแค่มีเวลาให้เตรียมตัวมากพอผู้ใช้พลังเวทมนตร์จะทรงพลังมากจนน่าหวาดหวั่น สิ่งที่มีอยู่ในมือของเรย์ในตอนนี้สามารถต่อกรกับผู้มีพลังระดับ 2-3 ได้อย่างไม่มีปัญหา

“คาถาบอลเพลิง 4 หน้า คาถาแสงชำระล้าง 5 แผ่น คาถาบอลแสงอีก 3 แผ่น รวม 12 คาถาแค่นี้ก็คงพอแล้ว”

ในตอนนั้นเองเสียงของริชาร์ดก็กลับเข้ามาพอดี เรย์เก็บของเข้าที่ ปากกาทองคำเก็บเข้าสันปกหนังสือเวทมนตร์ จากนั้นใส่กระเป๋า

เดินลงไปด้านล่าง พอลงมาเรย์ก็เห็นว่าในมือของริชาร์ดนั้นเต็มไปด้วยกล่องอาหาร

ดูเหมือนว่าวันนี้ริชาร์ดจะประสบความสำเร็จในการเจรจา จึงซื้ออาหารมาฉลองมากขนาดนี้ เรย์คิดในใจก่อนจะเดินลงมาช่วยริชาร์ดถือของ

“นายเจรจาธุรกิจสำเร็จอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ ฉันใช้เงิน 400,000 เหรียญ ซื้อหุ่น 81 เปอร์เซ็นต์โรงงานรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน มันน่าจะพอทำกำไรให้ได้ปีละ 80,000 เหรียญ แต่ฉันมีแผนจะเปลี่ยนจากการสร้างรถยนต์ปกติ ไปเป็นรถบรรทุกขนาดเล็กแทน เพื่อให้กับลูกค้ารายย่อยเช่นพวกคนงานหรือคนที่มีเงินไม่มากพอ นั้นจะทำให้ต้นทุนรถหนึ่งคันลดลงครั้งหนึ่งและโอกาสในการขยายตลาดในเมืองเรซีเพิ่มขึ้นอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าเป็นไปถามแผนก็จะมีกำไรต่อปีมากกว่า 120,000 เหรียญได้อย่างไม่มีปัญหา” ริชาร์ดอธิบายให้เรย์ฟัง ขณะที่ทั้งสองช่วยกันเทอาหารใส่จาน

“แบบนั้นก็สุดยอดไป” เรย์กล่าวออกมาจากใจ แม้เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนัก แต่เรย์อาศัยอยู่ที่เมืองนั้นเป็นเมืองเหมืองเรย์ ดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกขนส่งแร่มากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วรถบรรทุกเหล่านี้ถูกเน้นไปที่ขนาดที่ใหญ่ นั้นตามมาด้วยราคาที่แพงมากขึ้น ทำให้มีแค่ระดับบริษัทเท่านั้นที่ซื้อพวกมันมาใช้

แต่เมืองแห่งนี้เหมืองไม่ได้มีแค่ของบริษัทใหญ่ แต่ยังมีเหมืองของชาวเมืองแรกเริ่มก่อนที่พวกกลุ่มบริษัทเคลินเนีย กรุ๊ปจะเข้ามาสัมปทานเมืองเรซีแห่งนี้

ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านี้คือเป้าหมายในการขายรถบรรทุกขนาดเล็กของริชาร์ด แม้ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มเล็ก ๆแต่นั่นคือในมุมมองของพวกบริษัทใหญ่ ๆ ตั้งหาก เพราะถ้าริชาร์ดทำสำเร็จ มันจะทำให้โรงงานผลิตรถยนต์ของริชาร์ดเติบโตอย่างบ้าคลั่ง และรถบรรทุกขนาดเล็กพวกนี้จะไม่จำกัดอยู่แค่เรื่องขนส่งในเมืองเล็ก ๆ พวกนี้แต่จะกระจายไปตามเมืองด้วย

“นายรู้ใช่ไหมว่าเรื่องนี้หมายถึงอะไร” ริชาร์ดเห็นเรย์ครุ่นคิดก็ยิ้มและถามออกมา

“นายนี่มันฉลาดมาก” เรย์ชมพี่ชายของตัวเอง

ทั้งสองนั่งลงและลงมือกินมื้อเย็นกันขณะที่พูดต่อ

“แน่นอน แต่เรื่องนี้ฉันยังต้องวางแผนดี ๆ เพราะถ้าเกิดมีหมาป่าพวกนั้นมาแย่งตัดแบ่งชิ้นเค้กคงไม่ดีสักเท่าไหร่” ริชาร์ดพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนัก เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้เหมือนกัน

“ทำไมไม่ทำแบบนี้ละ นายก็ผลิตรถออกมามาก ๆ ก่อน แต่ยังไม่ปล่อยออกไป แล้วก็จัดการดึงหมาป่าพวกนั้นเป็นพวกใช้พวก เช่นหุ้นสัก 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัดปัญหาคู่แข่งไปได้ในตัว แถมยังเป็นการใช้ประโยชน์พวกนั้นช่วยกระจายรถและโฆษณาให้กับเรา พอรถติดตลาดแล้ว ต่อให้คนอื่น ๆ ผลิตออกมาตาม แต่ตอนนั้นรถเราก็จะเป็นรุ่นติดตลาดไปแล้ว” เรย์เสนอความคิดแบบคร่าว ๆ ออกไป

ริชาร์ดได้ยินก็ถึงกับตาเป็นประกาย ทั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะออกมาในทันที

...

เช้าวันที่ 3 หลังจากที่พบกับผู้จัดการซีน่อนวันนี้เรย์ได้เข้ามาที่ห้องพักทีมพร้อมกับกล่องที่ใช่พวกชุดและของอื่น ๆ วางไว้มุมหนึ่ง ในห้องยังมีกวินที่เอาชุดเกราะยุทธวิธีของตัวเองมาด้วยเช่นกัน

“ฉันนึกว่าพวกนายจะแต่งออกมาจากบ้านเลยซะอีก ตอนนั้นฉันนะแต่งมันออกจากบ้านและไม่ยอมถอดไปหลายวันเลย” โบเวนพูดออกมาและนึกถึงวันเก่า ๆ

“ใครจะไปบ้าแบบนาย ถ้าทำแบบนั้นคงได้มีตำรวจเข้ามาใช้กระบองทุบนายสักสองสามทีไปแล้ว” ฟาริสพูดประชดแดกดัน

“นายรู้ได้ยังไง ตอนนั้นฉันโดนตำรวจสายตรวจไล่ตามทุบตีเพราะหาว่าเป็นพวกคนบ้า ยังดีที่ร่างกายฉันแข็งแรงจึงไม่ได้เป็นอะไรมาก”

เรย์ถึงกับพูดไม่ออก เพราะโบเวนดันโดนแบบที่ฟาริสบอกจริง ๆ ซะงั้น

ในวันนี้โบเวนและฟาริสได้เปลี่ยนจาก ‘คุณ’ เป็น ‘นาย’ แล้วแสดงให้เห็นว่าทั้งเขาและทีมสนิทกันมากขึ้น

“หัวหน้าไม่อยู่เหรอครับ” เรย์มองไปรอบ ๆ ตั้งแต่เข้ามาเขาไม่เห็นหัวหน้าคอนราดเลยแม้แต่น้อย

“หัวหน้าคอนราดไปประชุมนะ”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะทำอะไรกันต่อ” กวินถามออกมา ด้วยความอยากมีส่วนร่วมในการสนทนา

“ไม่ต้องห่วงพวกนายสองคนมีสิ่งที่ต้องเรียน ส่วนฉันนั้นไปนอนก่อนละนะ พอดีเมื่อคืนใช้แรงเยอะไปหน่อย” โบเวนพูดจบก็กระโดดขึ้นเตียงนอนชั้นบนสุดในทันที

ส่วนฟาริสนั้นหยิบเอกสารออกมาสองชุดวางข้างหน้าเรย์

“นี่คือ?”

“เรื่องของรอยแยกมิติและชนิดของซอมบี้ที่พวกนายควรรู้คร่าว ๆ เอาไปอ่านกันเองก่อนแล้วกัน”

ฟาริสพูดจบก็หันไปหยิบปืนเอ็ม1903 สปริงฟิลด์ ขั้นมาทำความสะอาด

เรย์และกวินมองหน้าก่อนจะต่างคนต่างหยิบเอกสารขึ้นมาและไปหามุมอ่านของตัวเอง เรย์ขึ้นมานั่งบนเตียงที่อยู่ติดริมหน้าต่าง ก่อนจะเปิดม่านเล็กน้อยให้แสงแดดข้างนอกส่องเข้ามาได้ เขาเริ่มเปิดเอกสารหน้าแรกทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด