ตอนที่แล้วตอนที่ 13 รับอุปกรณ์พื้นฐาน(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 สลักคาถาบอลเพลิง(อ่านฟรี)

ตอนที่ 14 ระดับพรสวรรค์(อ่านฟรี)


ตอนที่ 14 ระดับพรสวรรค์

เรย์มองไปที่กระสุนชำระล้างอย่างสนใจ เพราะไดร่าเคยบอกว่าจะสอนเขาสลักมัน ลักษณะของกระสุนชำระล้างนั้นต่างออกไปจากกระสุนทั่วไปก็ตรงที่มันทำจากทองคำและเงิน หัวกระสุนและปลอกกระสุนมีอักษรเวทมนตร์เรื่องแสงสลักอยู่

อักษรเวทมนตร์พวกนั้นคล้ายกับบอลแสงที่เรย์กำลังเรียนรู้ แต่มันซับซ้อนกว่า และที่สำคัญ มันยังเล็ก ๆ มาก จนเขายังสังเกตอักษรเวทมนตร์ไม่ชัดเจน

“ลุงคอนเนอร์ กระสุนชำระล้างต่างกับกระสุนธรรมดาตรงไหนครับ” เรย์อยากรู้ข้อมูลของกระสุนชำระล้างคร่าว ๆ ก่อน เพราะดูเหมือนมันจะมีราคาแพงและมีค่ากว่ากระสุนธรรมดา

“กระสุนชำระล้างนะเหรอ” คอนเนอร์หันมามองกระสุนในมือเรย์ ก่อนจะกล่าวอธิบาย “กระสุนชำระล้างคือสิ่งที่ของที่บรรจุคาถาเวทมนตร์ไว้ อืม...คาถาแสงชำระล้าง ดังนั้นกระสุนนี่จึงสร้างความเสียหายร้ายแรงที่รุนแรงให้กับซอมบี้ได้ ถ้ายิงเข้าที่หัวซอมบี้ มันสามารถเจาะผ่านกะโหลกซอมบี้ซากศพได้อย่างง่ายดาย นัดเดียวตาย”

พอได้ยินดังนั้น เรย์ก็นึกไปถึงกระสุนที่ฟาริสเคยใช้ยิงซอมบี้ด้วยปืนเอ็ม1903 สปริงฟิลด์จากบนชั้นสอง ในตอนนั้นเรย์เคยสงสัยว่าทำไมฟาริสถึงฆ่าซอมบี้ซากศพได้แบบหนึ่งนัดต่อตัว

ตอนนี้เขาได้คำตอบนั้นแล้ว เพราะด้วยแรงของกระสุนปืนและระยะบวกกับความพิเศษของกระสุนชำระล้างนั้นทำให้เจาะทะลุหัวซอมบี้ซากศพสังหารมันได้ไม่ยาก

หลังจากได้คำตอบ เรย์ก็เก็บของทั้งหมดลงในกล่องอย่างเป็นระเบียบ กล่องขนาดหนึ่งคูณหนึ่งเมตรถูกเก็บเข้าไว้ใน สิ่งที่กินพื้นที่มากสุดน่าจะเป็นชุดเกราะยุทธวิธีระดับสูง เพราะมันมีทั้งเสื้อเกราะ กางเกง รองเท้าและหมวกเกราะ และของอย่างอื่นใส่ลงไปตามกินพื้นที่ไม่มากนัก

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เรย์ก็จัดการขนของทุกอย่างออกมา ก่อนจะโบกรถแท็กซี่ รุ่น PWC2-001 มาขนของขึ้นและนั่งกลับไปที่บ้านซึ่งเป็นเวลาเกือบเย็นพอดี

วันนี้ริชาร์ดไม่อยู่เรย์จึงใช้กุญแจสำรองเปิดประตูเข้าไปในบ้านลากกล่องยุทโธปกรณ์เข้าไปบนห้องนอนของตน ก่อนจะกลับมาสนใจฝึกฝนคาถาบอลแสงของตนเองต่อ

อักษรเวทมนตร์ของคาถาบอลแสงปรากฏขึ้นในใจของเรย์อย่างเลือนราง เขาโคจรพลังงานเวทมนตร์ที่อยู่ในจุดพลังงานอย่างต่อเนื่อง

“ฟา”

“ฟา”

“ฟา”

เรย์พยายามท่องคาถาออกมา แต่มันยากมา เพราะทันทีที่คำแรกกล่าวออกมาก่อนจะทันได้กล่าวคำที่สองอักษรเวทมนตร์ที่ปรากฏในมือของเรย์ก็หายไปในทันที

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเรย์ก็ไม่คิดยอมแพ้ เขาเริ่มจากการสร้างอักษรเวทมนตร์ให้มั่นคงก่อน หรือก็คือสร้างทีละส่วน เรย์ไม่รู้ว่าวิธีแบ่งการฝึกเป็นส่วน ๆ แบบนี้ถูกต้องหรือไม่ แต่อย่างไรก็ควรจะลองดู

“ฟา”

เมื่อเอ่ยคาถาคำแรก เรย์หยุดนิ่งไม่พยายามเอ่ยคำต่อไป เขาเร่งส่งพลังงานเข้าไปอย่างเนื่อง อักษรเวทมนตร์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างของ เรย์สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นและจดจำรายละเอียดเอาไว้ ก่อนที่ต่อมาแรงสั่นสะเทือนจะเกิดเบา ๆ อักษรเวทมนตร์บนมือก็สลายหายไปแล้ว

“ได้ผลด้วยแฮะ” เรย์เผยรอยยิ้มออกมาและทำการฝึกต่อไปอีกหลายชั่วโมง จนกระทั่งความมืดเข้ามาเยือน ก็มีเสียงรถยนต์ไฟฟ้า PWC2-003 ของริชาร์ดกลับมาพอดี เสียงรถเลี้ยวเข้าไปที่โรงจอดรถ

ทางด้านของเรย์บนมือของเขามีอักษรเวทมนตร์ที่มั่นคงลอยอยู่นิ่ง ๆ แต่เรย์ไม่ท่องคาถาอีกคำออกมา เขาเพียงกำมือเข้าหากัน อักษรเวทมนตร์ก็สลายหายไปในทันที

ทำไมตอนส่งพลังออกมาจากจุดพลังงานเรากลับรู้สึกว่ามันยากมากต่างจากของหัวหน้าไดร่าที่เธอสามารถปลดปล่อยพลังงานออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ปัญหาของเราคือ พอพลังงานไหลผ่านออกมายาก มันทำให้เกิดส่งพลังงานไม่ต่อเนื่องจนทำให้พลังงานไปหล่อเลี้ยงอักษรเวทมนตร์ไม่เพียง จึงยากที่จะตอบสนองต่อคาถาที่ร่ายออกมา

เรย์ขมวดคิ้วพร้อมเผยสีหน้าครุ่นคิดถึงคำถามของตน

หลังจากไม่รู้จะทำอย่างไร เรย์จึงสลัดทิ้งเรื่องนี้ไปก่อน เขาเดินลงมาข้างล่างเพราะตอนนี้ริชาร์ดกลับเข้ามาแล้ว

“ริชาร์ด นายไปจัดการเรื่องที่ธนาคารเป็นยังไงบ้าง”

“ทุกอย่างจบลงแล้ว ดังนั้นตอนนี้ฉันก็กลายเป็นคนว่างงานเต็มตัวแล้ว” ที่ริชาร์ดกล่าวมานั้นหมายความว่า ทั้งบริษัทและตระกูลเรนเดลนั้นไม่ได้เกี่ยวกันอีก

“ช่างมันเถอะ ฉันว่านายควรจะเอาเงินที่เหลือไปลงทุนอะไรสักอย่างนะ หรือว่านายคิดจะกลับเข้ากองทัพอีกครั้ง” เรย์ถามอย่างอยากรู้

“เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้ คิด แต่ถ้าเอาเงินส่วนที่เหลือห้าแสนเหรียญลัวอาพวกนั้นไปลงทุนมันอาจจะเสี่ยงเกินไปในตอนนี้ อีกอย่างเงินส่วนนั้นฉันว่าจะเอาไว้ให้นายไว้เรียนหนังสือ”

“เฮ้...นายลืมแล้วหรือว่าฉันเข้าร่วมกับหน่วยนักล่าความตาย พวกเขามีเงินเดินให้ด้วยไม่ต่างจากนายตำรวจหรือพวกทหารแม้แต่น้อย” เรย์เล่าเรื่องของที่ได้มาจากทางหน่วยนรักล่าความตายให้กับริชาร์ดฟังในบางส่วน นั้นรวมถึงปืนพก นั้นทำให้ริชาร์ดเตือนการใช้งานมันว่าให้ใช้อย่างระมัดระวังอยู่หลายครั้ง

เรย์ยิ้มออกมาและพยักหน้าอย่างเข้าใจ พอพ่อกับแม่ไม่อยู่ ริชาร์ดก็เริ่มทำตัวเป็นเสาหลักของบ้าน แน่นอนว่าเรย์นั้นไม่ค่อยคุ้นชินมากนัก

อย่างไรริชาร์ดก็คือพี่ชายของเขา ดังนั้นเรย์จึงยอมรับฟังเขาอย่างเต็มใจ

แต่อย่างไรเรย์ก็ยังยืนยันเรื่องที่ว่าให้ริชาร์ดเอาเงินส่วนนั้นไปลงทุนทำอะไรสักอย่าง เพราะดีกว่าปล่อยเงินไว้เฉย ๆ ด้วยเงินเดือนหมื่นเหรียญต่อเดือนของเรย์นั้นมากพอที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายในบ้านได้อย่างสบาย

ริชาร์ดพยักหน้าตกลง อันที่จริงแล้วริชาร์ดก็มีความคิดในเรื่องการลงทุนไว้ไม่มากก็น้อย แม้เขาจะไม่ได้เก่งแต่ในบางครั้งเหตุการณ์ผ่านเข้ามาก็ทำให้บางคนนั้นเรียนรู้ที่จะเก่งในด้านที่ตนเองไม่ถนัดได้

และริชาร์ดก็เจอกับเรื่องการล้มละลายของบริษัทพ่อของตนเองมาแล้ว บทเรียนในครั้งนี้สอนอะไรริชาร์ดเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าริชาร์ดมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ตอบตกลง เขานึกไปถึงเอกสารลับเหล่านั้นของพ่อตนเอง ริชาร์ดอยากกจะลองหาคำตอบของเหล่านั้นดู

“เรื่องลงทุนฉันเห็นด้วย แต่นายอย่าลืมเรื่องลาป่วยของโรงเรียน ยังไงซะอีกแค่ปีเดียวนายก็จะจบการศึกษาแล้ว ดังนั้นควรจะมีวุฒิการศึกติดตัวไว้ก็ยังดี” ริชาร์ดพูดด้วยความเป็นห่วง

“เข้าใจแล้วน่า” เรย์ตอบกลับกับการจู้จี้ของริชาร์ด

เรย์รู้ว่าความรู้นั้นสำคัญแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ในหัวได้ เพราะลำพังแค่การเรียนรู้คาถาเวทมนตร์ก็กินพลังงานเขาไปมากเกินพอแล้ว

วันลาป่วยที่เรย์ลาไว้นั้นคือ 1 เดือน ตอนนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องมันพึ่งจะผ่านมาแค่ 10 กว่าวันเท่านั้น เรย์ยังมีเวลาให้คิดอีกมากว่าจะเอายังไงต่อ

“เดี๋ยวหมดวันลาป่วยผมจะไปจัดการเรื่องนี้อีกที”

“ตามใจนายก็แล้ว ไปหากินมื้อเย็นกันเถอะ”

ริชาร์ดให้เรย์ตัดสินใจเอาเอง เพราะอย่างไรนี่ก็ชีวิตของเรย์ หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกไปออกไปหาอะไรกินนอกบ้าน

และเหตุผลที่ออกไปหาอะไรกินนอกบ้านนั้นก็เพราะว่าทั้งสองเป็นผู้ชายทั้งคู่ที่ไม่ค่อยได้เข้าครัว ดังนั้นฝีมือการทำอาหารจึงไม่ต้องพูดถึง มันแค่พอกินได้ แต่ไม่กินจะดีซะกว่า

...

ตกดึกเรย์ยังคงฝึกฝนต่อไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่ง 4 ทุ่มในที่สุดเรย์ก็เหมือนกับจะรับรู้ได้บางอย่าง พลังงานในจุดพลังงานนั้นลดลงไป ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังงานเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่สามารถร่ายคาถาได้สำเร็จแต่ในระหว่างกระบวนการพลังงานเวทมนตร์ก็ถูกบีบออกมาใช้ไม่มากก็น้อย

“ถ้าพลังงานในจุดพลังงานหมด จะต้องกินเลือดสีขาวเพื่อเติมเต็มพลังงาน ถ้าไร้ซึ่งเลือดสีขาวพวกเราผู้มีพลังก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเลยแม้แต่น้อย” เรย์ถอนหายใจ ก่อนจะหยุดการฝึกไว้แต่เพียงเท่านี้

เขากลับมาเริ่มที่สมุดบันทึกที่ไดร่าให้มาก่อนจะเริ่มการอ่าน ข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้เวทมนตร์เท่านั้น

ในที่สุดเรย็ก็เจอหัวข้อที่น่าสนใจนั้นคือ พรสวรรค์ ของผู้ใช้เวทมนตร์ มันสามารถทนสอบด้วยคาถา “ฟอนดาบีล” หรือ “ตรวจจับเวทมนตร์” ที่สามารถตรวจจับพลังงานเวทมนตร์ในร่างของสิ่งมีชีวิต

เราเคยได้ยินคาถาบทนี้มาก่อน ตอนที่หัวหน้าไดร่าใช้เสร็จเธอก็พูดคุยกับหัวหน้าคอนราดว่าพรสวรรค์ของเราคือระดับ 4 เท่านั้น

พรสวรรค์ของผู้ใช้เวทมนตร์นั้นแบ่งออกเป็น 5 ระดับเช่นเดียวกับพลังอื่น ๆ

ระดับ 5 สุดยอด

ระดับ 4 ดีเยี่ยม

ระดับ 3 พอใช้

ระดับ 2 แย่

ระดับ 1 สิ้นหวัง

อันที่จริงแล้วยังยังมีอีกระดับนั้นคือ ไร้พรสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนให้เรย์รู้สึกดีมากขึ้น เพราะยังไง เขาก็เป็นผู้ใช้พลังเวทมนตร์ที่มีพรสวรรค์เพียงแค่ระดับ 2 ต่ำสุด ๆ เท่านั้นส่วน

พรสวรรค์นั้นสำคัญอย่างไรนั้นก็ต้องบอกว่ามันเป็นเหมือนกับตัวกำหนดการส่งพลังเวทมนต์

ระดับ 1 ส่งได้ผ่านพลังเวทมนตร์ได้แค่หนึ่งเท่า ระดับ 2 ก็ได้สองสองเท่าจนไปถึงระดับ 5 นั้นหมายถึงส่งได้มากกว่าระดับ 1 ถึง 5 เท่านั้นเอง

ตอนนี้เรย์รู้แล้วว่าเรื่องที่เขาส่งผ่านพลังเวทมนตร์ออกมาไม่เพียงพอนั้นมันเป็นเพราะพรสวรรค์ของเขา

“ซวยฉิบหาย” เรย์สบถออกมาในทันที ที่เขาใช้คำว่าซวยนั้นก็เพราะระดับของพรสวรรค์มันติดตัวมาตั้งแต่เกิด มันไม่ต่างจากการเล่นสุ่มระดับแม้แต่น้อย ถ้าโชคดีก็ได้ระดับ 5 เรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ ถ้าซวยก็ได้ระดับต่ำแบบเขา

แม้จะบ่นแบบนั้น แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองยังพอมีโชคอยู่บ้าง เพราะเขาไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ระดับ 1 แบบนั้นมันจะสมกับคำที่ว่าสิ้นหวังที่แท้จริง

เมื่อรู้ว่าปัญหาเกิดจากอะไรเรย์ก็เจอวิธีแก้ไขแล้ว เพราะในบันทึกของไดร่านั้นมีบอกอยู่ “ดูเหมือนหัวหน้าไดร่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันจะเจอกับปัญหานี้”

เรย์รีบอ่านข้อความของไดร่าที่เขียนบอกไว้ การปลดปล่อยพลังงานให้มันคงขึ้นและการใช้เวลาให้นานขึ้น หรือก็คือจงร่ายคาถาที่นานขึ้นนั้นเอง มันสามารถช่วยในการร่ายคาถาได้ง่ายขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด