ตอนที่แล้ว336 - พระจันทร์สีเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป338 - ที่พำนักของจักรพรรดิเหิงหยู

337 - เขาสุริยันร่วงหล่น


กำลังโหลดไฟล์

337 - เขาสุริยันร่วงหล่น

"มันเป็นไปไม่ได้ที่จะล่าถอย เจ้าปีศาจร้ายเมื่อสักครู่คงต้องรอเราอยู่ด้านนอกอย่างแน่นอน ข้าขอเสี่ยงไปตายข้างหน้าดีกว่า”บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“อย่าเพิ่งขยับ ให้ข้าดูก่อน”

เย่ฟ่านหันกลับไปสังเกตซากปรักหักพังด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

ที่ด้านหน้ามีถ้ำจันทราโลหิตที่ทำให้เขาไม่สบายใจและไม่ต้องการเดินหน้าต่อ ในขณะที่ทางซ้ายก็มีซากปรักหักพังโบราณซึ่งรับประกันได้ว่าอันตรายอย่างแน่นอน!

“นี่…”

ใบหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนสีอีกครั้ง ยิ่งเขามองดูมากเท่าไหร่ใบหน้าของเขายิ่งซีดขาวมากขึ้นเท่านั้น ลางสังหรณ์กลายเป็นจริงนี่คือดินแดนมรณะที่น่ากลัวกว่าถ้ำจันทราโลหิตสิบเท่า

มันคือดินแดนสุริยันร่วงหล่น

ดินแดนสุริยันร่วงหล่นก็เหมือนกับถ้ำจันทราโลหิต มันมีความเกี่ยวข้องกันอยู่บ้างเพียงแต่อยู่ในลักษณะตรงข้ามเท่านั้น

หากดินแดนทั้งสองแยกกันอยู่ความอันตรายของมันก็ทำให้พวกเขาสิ้นหวังมากพอแล้ว แต่เมื่อดินแดนมรณะทั้งสองซ้อนทับกันมันก็ทำให้ความหวังในการเอาชีวิตรอดของพวกเขาหมดลงไปทันที

“เห็นอะไรไหม?” หลี่เต๋อซ่งถาม

“นิดหน่อย” ในทันใดนั้นดวงตาของเย่ฟ่านเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย

“รู้สึกว่ามีดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆอยู่ในซากปรักหักพังนั้น” บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สังเกตเช่นกัน

"ใช่ มีดวงอาทิตย์สีดำกลมๆอยู่ด้านใน"

เหยาซีก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของดวงอาทิตย์สีดำ เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ดังนั้นนางจึงถามเย่ฟ่านเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า

"เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?"

“นี่คือเขาสุริยันร่วงหล่นในตำนานซึ่งโด่งดังพอๆกับถ้ำจันทราโลหิต หากทั้งสองดินแดนซ้อนทับกันต่อให้เป็นเทพเจ้าปรากฏตัวก็ไม่สามารถรอดชีวิตได้”

เย่ฟ่านกล่าวเบาๆ แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าซีดขาวของทุกคนเขาก็เพิ่มเติมอย่างรวดเร็วว่า

"แต่มีบางอย่างผิดปกติ ข้ารู้สึกว่าแสงจากดวงอาทิตย์นั้นจะไม่สามารถสาดส่องไปยังสถานที่บางแห่ง แต่มันมีขนาดเล็กมาก หากพวกเราไปถึงที่นั่นก็อาจมีหนทางรอดชีวิตได้!"

"คำพูดของเจ้าทำให้ข้านึกถึงสถานที่บางอย่าง มันจะเป็นสถานที่หลอมอาวุธของจักรพรรดิเหิงหยูหรือไม่?" สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกวิเคราะห์ด้วยใบหน้าซีดเผือด

ใบมีดผุก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออกและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

“จักรพรรดิแห่งตระกูลเจียงผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น?”

“จักรพรรดิเหิงหยูที่มีชีวิตอยู่เมื่อแสนปีก่อน” หลี่เต๋อซ่งก็มีความประหลาดใจเช่นกัน

เย่ฟ่านตกใจมากเมื่อได้ยินคำเหล่านี้จักรพรรดิคนหนึ่งเคยเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามเพื่อ "ใช้สันเขาสุริยันร่วงหล่น" ในการปรับแต่งอาวุธ

เขาสุริยันร่วงหล่นนั้นไม่ใช่ดวงอาทิตย์ที่ตกลงมาบนพื้นโลก แต่มันหมายถึงหงส์เพลิงซึ่งเป็นตัวแทนของเปลวไฟที่ร้อนแรงที่สุดได้เสียชีวิตอยู่ตรงนี้

และเปลวเพลิงที่กระจัดกระจายออกมาจากร่างกายของมันได้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีหลายร้อยลี้ให้กลายเป็นแดนมรณะ ไม่มีพืชพันธุ์ใดที่จะสามารถงอกเงยขึ้นมาได้อีกตลอดกาล

เมื่อเปลวเพลิงสุดร้อนแรงมาผสมผสานกับความชั่วร้ายของพลังหยินสุดขั้ว คงไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าที่ด้านล่างของดินแดนแห่งนี้จะน่ากลัวมากแค่ไหน

จักรพรรดิเหิงหยูแห่งตระกูลเจียงได้ทำการหลอมสร้างอาวุธสุดขั้วของเขาในดินแดนแห่งนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้เย่ฟ่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก

"จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นมาหลอมอาวุธที่นี่จริงๆ? เขาไม่กลัวอันตรายหรืออย่างไร?” เย่ฟ่านรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้

สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาได้

ยิ่งผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยิ่งต้องระวังมากกว่าคนปกติหลายเท่า เพราะความแข็งแกร่งของอาจกระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ดินปรากฏตัวออกมา

"โดยธรรมชาติแล้วมีจักรพรรดิโบราณหลายคนเคยเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ ขอเพียงไม่เข้าไปที่ด้านในของเหมืองโบราณต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ทำหน้าที่ปกป้องต้นกำเนิดสวรรค์ย่อมไม่สามารถทำอันตรายต่อพวกเขาได้"

เย่ฟ่านรู้สึกทึ่งอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับในข้อเท็จจริงนี้ เขาเคยเห็นภาพแกะสลักที่อยู่ในภูเขาสีม่วง แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในต้นกำเนิดสวรรค์ก็ยังถูกจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นสังหารในท้ายที่สุด

ต่อให้จักรพรรดิคนอื่นไม่มีความแข็งแกร่งเทียบได้กับจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้น เย่ฟ่านก็ไม่เชื่อว่าองครักษ์ที่ทำหน้าที่ปกป้องต้นกำเนิดสวรรค์จะมีความสามารถในการทำร้ายจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้

"สถานที่แห่งนี้มีความพิเศษอย่างไรจักรพรรดิตระกูลเจียงถึงต้องมาหลอมอาวุธที่นี่?”

" จักรพรรดิเหิงหยูถือเป็นจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก น่าเสียดายที่เขาไม่มีอาวุธประจำตัวดังนั้นเขาจึงเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้เพื่อตามหากระดูกของเทพหงส์เพลิง" ใบมีดอธิบาย

"กระดูกเทพหงส์เพลิง?” เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจมาก

ในตำนานเล่าว่าหงส์เพลิงเลือดบริสุทธิ์นั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาอมตะซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะทั่วไปสามารถนำมาเปรียบเทียบได้

แต่โลกนี้ไม่มีผู้อมตะที่แท้จริง! อย่างน้อยๆก็ไม่เคยมีใครยืนยันเรื่องนี้ได้ แล้วจะไปมีราชาอมตะปรากฏตัวมาจากไหน?

"นั่นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ในโลกนี้จะมีหงส์เพลิงเลือดบริสุทธิ์มาจากไหน!" สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกส่ายหน้าแล้วกล่าวเบาๆว่า

"กระดูกหงส์เพลิงที่จักรพรรดิหงหยูค้นหาคือกระดูกของหงส์เพลิงโลหิต ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หงส์เพลิงสายเลือดบริสุทธิ์แต่ความแข็งแกร่งของมันก็มีแต่จะมากกว่าจักรพรรดิของดินแดนรกร้างตะวันออก"

"ในโลกนี้ไม่มีราชาอมตะหงส์เพลิงอย่างแน่นอน แต่หงส์เพลิงโลหิตก็มีความแข็งแกร่งยากที่ใครจะเทียบได้!" บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

"อาวุธที่ทำจากกระดูกของหงส์เพลิงโลหิตหน้าตาเป็นอย่างไร พวกเจ้าเคยเห็นตัวอย่างของมันหรือไม่?” เย่ฟ่านถามเหยาซีและสตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกด้วยความสนใจ

หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันและกัน เรื่องนั้นเกิดขึ้นมาหลายแสนปีแล้วต่อให้มันมีอยู่จริงคนที่เคยเห็นมันก็ต้องตายไปหมดแล้ว?

มิหนำซ้ำในดินแดนรกร้างตะวันออกก็ไม่เคยได้ยินว่ามีอาวุธที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกของหงส์เพลิงโลหิตอีกด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วจักรพรรดิเหิงหยูก็อาจจะไม่สามารถหลอมกระดูกนั้นเป็นอาวุธได้สำเร็จ

"คิดว่าในโลกนี้คงมีแต่ลูกหลานตระกูลเจียงเท่านั้นที่จะเคยเห็นกระดูกของหงส์เพลิงโลหิต แม้ว่าจักรพรรดิเหิงหยูจะไม่สามารถสร้างอาวุธชิ้นนั้นขึ้นมาได้แต่สมบัติของเขาก็ตกทอดมายังลูกหลานโดยไม่ขาดตกบกพร่อง”

บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม

"ไปเร็วเถอะ ที่นี้ไม่สามารถอยู่ได้นาน" ใบมีดผุต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

หลังจากนั้นเย่ฟ่านก็เดินนำทุกคนให้ออกห่างจากถ้ำจันทราโลหิตและขยับเข้าไปใกล้สันเขาสุริยันร่วงหล่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ทุกย่างก้าวที่พวกเขาเดินเต็มไปด้วยความยากลำบากเพราะกลัวว่าจะมีสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายกระโดดออกจากถ้ำจันทราโลหิตได้ตลอดเวลา

"ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจริงๆ มันเหมือนกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เรา แต่ข้าไม่สามารถมองเห็นตัวของมันได้"

หลี่เต๋อซ่งร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อในขณะที่น้ำเสียงของเขาก็สั่นสะท้านอย่างถึงที่สุด

"ไม่จำเป็นต้องคิดถึงมัน หากมันต้องการปรากฏตัวพวกเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมันไม่ได้ปรากฏตัวออกมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับตัวเอง!”

คนทั้งหกคนเหลียวมองทั้งสี่ด้านขณะก้าวไปข้างหน้า พวกเขาสังเกตการเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะดินแดนชั่วร้ายซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำจันทราโลหิต

"ทำไมคืนนี้พระจันทร์ถึงสว่างไสว ข้าจำได้พวกเรายังห่างจากวันพระจันทร์เต็มดวงกว่าครึ่งเดือน?" ใบมีดผุกล่าวด้วยความสงสัย

"ยังห่างจากวันพระจันทร์เต็มดวงอีกแปดวัน" เหยาซีแก้ไขให้ถูกต้อง

เมื่อเย่ฟ่านได้ยินแบบนั้นเขาก็เงยศีรษะขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าจริงจัง

"ไม่ถูกต้องจริงๆ!"

" มีอะไรผิดปกติหรือท่านนักพรต? ” สตรีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกถามเบาๆ

"ปัญหาไม่ได้เกิดจากดวงจันทร์บนท้องฟ้าแต่มันเป็นความผิดปกติของถ้ำจันทราโลหิตที่ทำให้เรามองเห็นภาพหลอนนี้”

เหยาซีงุนงงและพูดว่า "ถ้ำจันทราโลหิตมีปัญหาอย่างไร?”

" อยู่ให้ห่างกันหน่อย อาจมีตัวอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากถ้ำจันทราโลหิตในเวลาใดก็ได้ อย่างน้อยๆถ้าอยู่ห่างกันคนที่ถูกโจมตีก็จะตายเพียงคนเดียว!” เย่ฟ่านตักเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง

พวกเขาเดินทางร่วมกันมานานแล้ว จากสิ่งที่เย่ฟ่านแสดงออกมาทุกคนต่างก็มั่นใจว่าเขาจะต้องเคยศึกษาตำราลับที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดสวรรค์อย่างแน่นอน!

ดังนั้นเมื่อได้ยินคำตักเตือนของเขาทุกคนจึงขยับถอยห่างออกจากกันอย่างรวดเร็ว

“ผลั่ว!”

เย่ฟ่านยังพูดไม่จบคำทรายสีแดงที่อยู่ด้านบนของบริเวณถ้ำจันทราโลหิตก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่ต้องรอให้ใครบอก คนทั้งหกก็วิ่งไปทางเขาสุริยันร่วงหล่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด