ตอนที่แล้วภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 249 ส่งเธอมาให้ข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 251 เก็บเขาไว้สําหรับปีใหม่รึ?

ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 250 ตระกูลหวังแห่งรัฐหยุนและตระกูลเซี่ยวแห่งรัฐเจียง (ฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 250 ตระกูลหวังแห่งรัฐหยุนและตระกูลเซี่ยวแห่งรัฐเจียง

‘ส่งเด็กสาวรูปงามคนนี้มาให้ข้าอย่างนั้นรึ?’ สีหน้าของเมิ่งโหยวและเมิ่งอันเย็นชาขึ้นมาในทันใด

ทั้งสองคนมองหน้ากันและตัดสินใจ พวกเขาต้องตรวจสอบนายน้อยหวังโดยละเอียด จะปล่อยไปไม่ได้ง่ายๆ!

คนคุ้มกันเคลื่อนออกไปพร้อมกับรถม้า ในขณะเดียวกันนั้นเอง คนคุ้มกันชราก็อยู่ต่อและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “น้องหยู รีบๆทำในสิ่งที่นายน้อยสั่งเร็ว”

“ไม่ต้องห่วง” ชายชุดดำตอบพร้อมรอยยิ้ม ในตอนนั้นเองเขาก็เหลือบมองลูกน้องและสั่ง “จับมาให้หมด โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงนั่น อย่าทำร้ายเธอ”

“พวกเจ้ากล้าทำขนาดนี้ในเมืองหลวงรัฐเจียงเลยอย่างนั้นรึ?” น้ำเสียงของเมิ่งโหยวเย็นชาลง “ไล่จับใครก็ได้ตามใจชอบ?”

“สาวน้อย นายน้อยของข้ารู้สึกถูกใจเจ้าขึ้นมา ถ้าหากเจ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดี จะมีความมั่งคั่งและความสุขสบายรอเจ้าอยู่ แต่หากเจ้าไม่ยอม… ข้าเกรงว่าคงจะได้มีร่างไร้วิญญาณอีกร่างอยู่ในท่อระบายน้ำในวันพรุ่งนี้เสียแล้ว” ชายชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เมืองหลวงรัฐเจียงมีทั้งคนดีไม่ดี คนจับนวนนับไม่ถ้วนต้องตายในแต่ละวัน สาวน้อย ข้าแนะนำให้เจ้าคิดให้ฉลาดๆ”

เมิ่งโหยวและเมิ่งอันตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้พวกเขาจะเคยได้ยินมาว่าเมืองหลวงรัฐเจียงนี้มีผู้คนมากมายหลายประเภทและมีความเน่าเฟะในเบื้องหลัง แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นมันตรงๆเช่นนี้

ทุกๆวัน ไม่กลับบ้านพวกเขาก็จะอยู่ที่สำนักเต๋า!

และในตอนนี้เมื่อได้พบเจอกับอะไรเช่นนี้ แม้ว่าจะโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เมิ่งอันตะโกนออกมาด้วยโทสะ “พวกเจ้ายังยำเกรงกฎหมายกันอยู่รึเปล่า? แล้วกฎของเขาหยวนชูเล่า?”

“ฮ่าๆ…” คนเหล่านั้นทำสีหน้าเยาะเย้ย

น้ำเสียงของชายชุดดำเย็นชา “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมแต่โดยดี ข้าก็ได้แต่ต้องใช้กำลัง”

“ไม่จำเป็น ข้าจะไปกับเจ้า” เมิ่งโหยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชายชุดดำและคนคุ้มกันชรายิ้มออกมา

“พี่?” เมิ่งอันมองไปที่เมิ่งโหยว

“พวกเจ้าห้ามทำร้ายน้องหนิงและครอบครัวของเธอ” เมิ่งโหยวกล่าว “พวกเจ้าห้ามทำร้ายน้องชายข้าด้วยเช่นกัน”

“ไม่ต้องห่วง เจ้าเป็นคนที่นายน้อยถูกใจ แน่นอนว่าพวกเราจะรับฟังคำของเจ้าไปคิด” ชายชุดดำโบกมือ จากนั้นรถม้าหน้าตาธรรมดาก็ขับเข้ามา เมิ่งโหยว เมิ่งอัน และครอบครัวหนิงดงกูทั้งสามคนก็ขึ้นไปบนรถม้า

“เร็วๆ” คนคุ้มกันชราตามรถม้ามาด้วยตนเองและจากไปพร้อมกัน

ข้างในรถม้า

“ศิษย์พี่หญิงเหมง! ศิษย์พี่เหมง! ข้าขอโทษที่ลากพวกท่านเข้ามาเกี่ยวด้วย!” น้องหนิงโอดครวญ

“ข้าบอกแล้วให้เจ้าอยู่ห่างๆไอ้เจ้านายน้อยหวังนั่นเข้าไว้ แต่เจ้าก็ยังอยากทำธุรกิจกับมัน แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันเล่าทีนี้?”

หนิงดงกูนั่งคุกเข่าอยู่ในรถม้าและก้มกราบเมิ่งโหยวและเมิ่งอัน

“ไม่ๆ อย่าทำอย่างนั้นเลยขอรับ” เมิ่งอันรีบประคองเขาขึ้นมา หนิงดงกูถอนหายใจ “ข้าลากพวกเจ้าทั้งสองเข้ามาเกี่ยวเสียแล้ว”

“พวกเราแค่จัดการกับความไม่เป็นธรรม แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็กล้าจับพวกเรามาตามใจชอบ ดูจากแบบนี้แล้วก็รู้ได้เลยว่าพวกมันไม่เกรงกลัวมากแค่ไหน” เมิ่งโหยวกล่าว “นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอก ลุงหนิง”

หนิงดงกูถอนหายใจเบาๆ “ชื่อของนายน้อยหวังคือหวังกง เขาเป็นลูกหลานของตระกูลหวัง ตระกูลราชันเทพอสูร”

“ตระกูลหวังแห่งรัฐหยุน?” เมิ่งโหยวประหลาดใจ

เมิ่งโหยวและเมิ่งอันต่างคุ้นเคยกับตระกูลต่างๆที่แข็งแกร่งในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างดี ตระกูลหลวง ตระกูลจิน และตระกูลราชาเทพอสูรทั้งสิบ

“ใช่ ตระกูลหวังแห่งรัฐหยุน” หนิงดงกูประหลาดใจกับความรู้ของทั้งคู่ “ตระกูลหวังอาศัยอยู่ในรัฐหยุนเป็นหลัก แต่เพราะราชาอสูร ตระกูลหวังจึงส่งครอบครัวให้มาขยายสาขาที่เมืองหลวงรัฐเจียง สาขานี้มีคนของตระกูลหวังนับร้อยคน และคนที่เป็นผู้นำคือเทพอสูรแดนอมตะ หวังฟานโจว หวังกงเป็นหลานของหวังฟานโจว”

“มีลูกหลานของตระกูลเทพอสูรมากมายในเมืองหลวงรัฐเจียง ไม่ว่าจะเป็นตระกูลราชันเทพอสูร เฟิงโหวเทพอสูร หรือตระกูลเทพอสูรธรรมดา” หนิงดงกูถอนหายใจเบาๆ “จะทำธุรกิจก็ต้องมีคนคอยสนับสนุน ตั้งแต่ที่ข้าได้มีโอกาสพบกับนายน้อยหวัง ข้าก็อยากจะเข้าไปตีสนิทด้วย ข้ายอมที่จะเป็นลูกน้องและให้เงินมากกว่าครึ่งที่ข้าได้มา เพราะสิ่งที่ข้าต้องการก็มีแค่ธุรกิจที่มั่นคง ใครจะไปรู้เล่าว่านายน้อยหวังจะขโมยทุกอย่างที่ข้ามีและไม่ให้โอกาสให้ข้าได้ใช้ชีวิต?” แววตาของหนิงดงกูเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

หญิงสาวที่อยู่ข้างๆถอนหายใจ

น้องหนิงเองก็ร้องไห้ อนาคตของพวกเขานั้นมืดบอด ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใดก็ไม่มีความหวัง เมิ่งโหยวและเมิ่งอันมองหน้ากัน

“ถึงแล้ว” รถม้าหยุดอยู่ตรงประตูข้างของคฤหาสน์หลังใหญ่โดยไม่มีพิรุธใดๆ เมิ่งโหยว เมิ่งอัน และครอบครัวของน้องหนิงลงมาจากรถ

“พาครอบครัวนี้ไปขังไว้ที่คุกใต้ดิน” ผู้คุ้มกันชราโบกมือพร้อมกับที่ลูกน้องของเขาพาครอบครัวของน้องหนิงเข้าไปในประตูข้าง

“ตามข้ามา” ผู้คุ้มกันชรายิ้มและนำทางเมิ่งโหยวกับพี่สาวไป ในขณะนั้นเขาก็กระซิบเบาๆ “สาวน้อย ถ้าเจ้าไม่อยากให้น้องชายเจ้าเป็นอะไรไป ครั้งหน้าก็เชื่อฟังให้มากกว่านี้นะ”

เมิ่งโหยวไม่พูดอะไร

ผู้คุ้มกันชรายิ้ม เขาเคยเห็นอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

ในโถงหลักของคฤหาสน์หลังใหญ่ เหล่าคนในตระกูลเทพอสูรกำลังเมาแอ๋ นักเต้นในชุดบางเต้นรำด้วยเท้าเปล่า ผ้าผืนบางนั้นคอยปกปิดร่างกายอันแสนเย้ายวนให้เห็นได้ไม่ค่อยชัดนัก นั่นทำให้เหล่าคนในตระกูลเทพอสูรรู้สึกตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเดิม

“พี่เซี่ยว นี่เป็นนักเต้นที่หอลมหวนพึ่งจะฝึกฝนมาเชียวนะ ความสูงกับน้ำหนักก็ใกล้ๆกัน อีกทั้งยังฝึกวิชาเดียวกันอีก ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังเป็นสาวบริสุทธิ์ด้วย” หวังกงที่หน้าซีดขาวนั่งอยู่ข้างๆชายหนุ่มชุดขาวพร้อมกับกระซิบด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “พี่เซี่ยว พี่สนใจหรือเปล่า? พี่เอากลับไปได้ทุกคนเลยนะ”

“ดูสิ” นายน้อยแห่งตระกูลเซี่ยวหันไปมองรอบๆ “ทุกคนกำลังดูอยู่ หากข้าจะเอาไปหมด มันจะไม่เป็นการทำให้ทุกคนเสียอารมณ์หรืออย่างไรกัน?”

“พี่เซี่ยว ที่สำคัญกว่าคือท่านมีความสุขต่างหาก ข้ามีวิธีจัดการกับพวกเขาอยู่แล้ว” หวังกงหัวเราะ

นายน้อยเซี่ยวส่ายหัว “ไม่จำเป็น”

“ขอรับๆ ไม่ว่ายังไงพวกมันก็เป็นแค่สามัญชน” หวังกงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม คนตระกูลหวังที่ย้ายมาจากรัฐหยุนนั้นเป็นเพียงสายตระกูล ดังนั้นจึงต้องสานสัมพันธ์อันดีงามกับมหาอำนาจแถบนี้ ตระกูลเซี่ยว

ตระกูลเซี่ยวนั้นเป็นตระกูลเทพอสูรอันดับหนึ่งของรัฐเจียง! อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสิบตระกูลราชันเทพอสูรของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย พวกเขาหยั่งรากอยู่ในรัฐเจียงมานานแล้ว

นายน้อยเซี่ยวนั้นเป็นลูกชายคนเดียวของผู้อาวุโสห้าตระกูลเซี่ยว เขาเป็นลูกหลานของตระกูลเทพอสูรระดับต้นๆที่มีอำนาจมาก หวังกงนั้นเรียกได้ว่าจืดจางเมื่อเทียบกับเขา

“นายน้อยขอรับ” ผู้คุ้มกันชราโผล่ขึ้นมาเงียบๆและส่งเสียงไปหาหวังกง “คู่สองพี่น้องนั้นรู้ดีที่จะไม่ต่อต้าน ทั้งคู่ถูกส่งตัวไปที่สวนข้างหลังแล้วขอรับ”

ดวงตาของหวังกงเป็นประกายพร้อมกับพยักหน้าให้กับผู้คุ้มกันชรา ในตอนนั้น ใจของหวังกงก็สั่นสะท้าน “อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ” หวังกงไม่ค่อยเต็มใจ แต่เขาก็กัดฟันและเดินไปหานายน้อยเซี่ยว

“หืม?” นายน้อยเซี่ยวมองมาที่เขา

“ข้ามีสาวน้อยรูปงามอยู่ เธอดูคล้ายๆกับนางโบตั๋นที่หอนางโลมร้อยบุปผาโฆษณาอยู่ในช่วงนี้ แต่เธอสวยยิ่งกว่า นางโบตั๋นนั้นเป็นแค่สามัญชนคนธรรมดา แต่สาวน้อยคนนี้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า นายน้อยเซี่ยว ท่านสนใจหรือเปล่า?” หวังกงถามเบาๆ

“สวยกว่านางโบตั๋นอีกรึ?” นายน้อยเซี่ยวตาเป็นประกาย

“ข้าเห็นเธอด้วยสองตาของข้าเอง ข้าไม่ผิดแน่” หวังกงกล่าวยิ้มๆ “ขออนุญาต”

“เอาเลย” นายน้อยเซี่ยวเต็มไปด้วยความคาดหวัง

หวังกงเดินไปกับผู้คุ้มกันชราไปยังสวนหลังบ้าน “พวกเจ้าตรวจสอบที่มาที่ไปของเธอรึยัง?” หวังกงถาม

“พวกเขาอาศัยอยู่ใกล้กับตระกูลหนิงและมาจากครอบครัวธรรมดาๆ พี่สาวชื่อเหมงโหยว คนน้องชายชื่อเหมงอัน มีคนรับใช้ชราอยู่ที่บ้าน คนรับใช้หญิงเป็นคนทำอาหารและซื้อของ ส่วนคนรับใช้ชายชื่อลุงฮัวและเป็นคนที่คอยดูแลทั้งสองคน ส่วนพ่อชื่อเหมงหนิง ไม่โด่งดังในเมืองหลวงรัฐเจียง เป็นแค่จอมยุทธระดับก่อกำเนิดธรรมดา” ผู้คุ้มกันชรากล่าว “แต่ว่าทั้งสองคนนี้นับได้ว่าเป็นศิษย์อันฉริยะในสำนักเต๋าฉิงหยู”

“เหมง? ไม่มีคนไหนนามสกุลเหมงที่ข้าจะไปล่วงเกินไม่ได้” หวังกงแค่นเสียง ในไม่ช้าเขาก็ไปถึงสวนแยก

มีคนคุ้มกันอยู่ในสวนนั้น ประตูเปิดออก และเด็กทั้งสองอยู่ข้างในนั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด