ตอนที่แล้ว1039-1040
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1043-1044

1041-1042


1/10

Ep.1041

“ถ้าจากที่นี่ ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยครึ่งเดือน”

ฉีมู่เฟิงขบคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบกลับ

“งั้นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใช้ไปยังนิกายซ่อนวิญญาณบ้างไหม?” ซูเฉินถาม

เขตแดนลับมิติจะเปิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หากไปตามเส้นทางปกติ อาจสายเกินไป

“ทางฝั่งหมื่นเผ่าพันธุ์ของพวกเราไม่มี แต่เมืองเฮยหยามีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มุ่งสู่เมืองหยานเจิ้น และเมืองหยานเจิ้นอยู่ห่างจากที่ตั้งของนิกายซ่อนวิญญาณเพียงไม่กี่วัน”

หลังจากที่ฉีมู่เฟิงพูดจบ เขาก็ลองถามหยั่งเชิงด้วยความกังวลว่า “ซูเฉิน เจ้าคงไม่คิดไปขุดรากถอนโคนนิกายซ่อนวิญญาณหรอกนะใช่ไหม?”

ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน มีโอกาสสูงที่เขาจะทำเช่นนั้น

ควรรู้นะว่า แม้นิกายซ่อนวิญญาณจะเป็นขุมกำลังที่เน้นขายข่าว แต่ภายในยังมียอดฝีมือคอยดูแลอยู่ ไม่อย่างนั้น คงไม่อาจยืนหยัดอยู่ในมิติภายนอกได้นานขนาดนี้

“นิกายซ่อนวิญญาณน่าจะเป็นขุมกำลังของนักพรตเทียนซ่าน ฉันต้องทำลายมันให้ได้” ซูเฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ได้ยินแบบนั้น ฉีมู่เฟิงก็ไม่สะดวกที่จะเกลี้ยกล่อมอีก เขารู้เรื่องราวระหว่างซูเฉินกับนักพรตเทียนซ่าน เนื่องจากนักพรตเทียนซ่านส่งคนของนิกายซ่อนวิญญาณมาสังหารซูเฉิน เช่นนั้นการที่ซูเฉินจะกวาดล้างนิกายซ่อนวิญญาณ ก็เป็นเรื่องพอเข้าใจได้

หลังจากนั้น ซูเฉินนั่งลงบนเก้าอี้คนขับ เริ่มจัดแจงชิ้นส่วนและสิ่งประดิษฐ์เทวะที่ปล้นมา สำหรับเรื่องการไปยังนิกายซ่อนวิญญาณ จำเป็นต้องส่งฉีชิงเฉวียนและคนอื่นๆกลับไปยังป้อมปราการมิติก่อน

หนึ่งวันต่อมา ซูเฉินคัดแยกชิ้นส่วน และแปลงสิ่งประดิษฐ์เทวะให้กลายเป็นแต้มพลังงานเสร็จสิ้นแล้ว ส่งผลให้เขามีแต้มพลังงานโดยรวมทั้งหมดมากกว่า 700,000 จุด สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับฐานฝึกตนของเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชิ้นส่วน [คุณสมบัติอย่างเต็มรูปแบบ] ต้องใช้แต้มพลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ชิ้นส่วน [คุณสมบัติเลเวล 16 อย่างเต็มรูปแบบ] หนึ่งชิ้นใช้แต้มพลังงานถึง 200,000 จุด และซูเฉินประเมินว่า [คุณสมบัติเลเวล 17 อย่างเต็มรูปแบบ] อาจทะลุเป็น 300,000 จุด

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม แต้มพลังงานจำนวนนี้แม้ดูเหมือนมาก แต่ในความเป็นจริง มันสามารถใช้แลกเปลี่ยนชิ้นส่วน [คุณสมบัติอย่างเต็มรูปแบบ] ได้แค่สองครั้งเท่านั้น

ซูเฉินนึกไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเลือกเก็บ 600,000 แต้มพลังงานไว้สำรอง ส่วนที่เหลือจะถูกเปลี่ยนเป็น [โพชั่นกายภาพ ]

จากนั้น เขาเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] อีกครั้ง เพื่อสังเกตความก้าวหน้าของเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณ ว่าดูดซับพลังงานจากศิลาฟ้ากระจ่างไปถึงไหนแล้ว

ภายใต้ฟังก์ชั่นเร่งเวลาของ [อุปกรณ์เร่งเวลา] เหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณราวกับติดปีกบิน ทั้งหมดบรรลุไปถึงระดับเทวะขั้น 3 แล้ว

อย่างไรก็ตาม จำนวนศิลาฟ้ากระจ่างมีจำกัด ปัจจุบันลดลงเหลือแค่หนึ่งส่วนสี่ของในตอนแรก

ซูเฉินคาดเดาว่า ในบรรดาเหล่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณคงมีแค่หงส์เพลิงที่สามารถยกระดับเป็นระดับเทวะขั้น 4 ได้เท่านั้น ส่วนอสูรเทพปลุกพลัง เนื่องจากฐานฝึกตนเดิมของมันที่ค่อนข้างสูง ปัจจุบันจึงทำได้แค่เกือบทะลวงสู่ระดับเทวะขั้น 6

สำหรับเพลิงเอกลักษณ์ทั้งสาม เนื่องจากมันได้กลืนกินศิลานิลกาฬไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทั้งหมดเลยเลื่อนขั้นเป็น ระดับเทวะขั้น 3 เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่จะเลื่อนสู่ขั้น 4 นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม

สำหรับผลลัพธ์พวกนี้ ซูเฉินพอใจมาก เขาปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เริ่มหลับตาพักผ่อน

สองวันต่อมา  [รถศึกอัจฉริยะ] กลับมายังป้อมปราการมิติ หลังจากส่งฉีชิงเฉวียนและคนอื่นๆลง  เขาก็รีบเดินทางไปเมืองเฮยหยาทันที คนที่ตามมาก็มี ฉีมู่เฟิง ฉีมู่เสวี่ย และฉีมู่อวี้

เมื่อตอนอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ทั้งสามได้ติดตามซูเฉินไปทุกสารทิศ เวลานี้จึงไม่อยากแยกจากกัน

สำหรับเรื่องที่ทั้งสามขอติดตามมา ซูเฉินไม่ได้ห้ามปรามอะไร

ระหว่างทาง ซูเฉินหยิบ [โพชั่นกายภาพ] ออกมาสามขวด และแจกจ่ายให้แก่พี่น้องตระกูลฉี

“ซูเฉิน สิ่งนี้คืออะไร?” ฉีมู่เสวี่ยถาม

“ยาที่สามารถช่วยให้เธอยกระดับได้ขั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว” ซูเฉินอธิบาย

ยกระดับได้ขั้นหนึ่ง?

พวกพี่น้องตระกูลฉีตื่นตกใจมาก ความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้ฝึกตนก็คือความก้าวหน้า เมื่อรู้ว่าสามารถยกระดับได้รวดเร็ว ก็เกือบร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ซูเฉิน ขอบใจเจ้ามาก!” ฉีมู่เสวี่ยกล่าวด้วยความตื้นตัน

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวเสียงเรียบ “ทำตัวให้ดี แล้วหลังจากนี้จะมีให้อีก”

ดวงตาของฉีมู่เสวี่ยสว่างไสวขึ้นทันใด พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง

2/10

Ep.1042

สามวันต่อมา เมืองใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ]

มิใช่ใดอื่น เป็นเมืองเฮยหยา

“ซูเฉิน พวกเราจะเข้าไปกันทั้งๆแบบนี้เลยเหรอ?” ฉีมู่เฟิงถามด้วยอาการประหม่า เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมืองเฮยหยาคืออาณาเขตของสัตว์ร้ายมิติ หากซี้ซั้วเดินเข้าไป มันจะไม่เกิดปัญหาจริงๆน่ะหรอ?

“ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครหยุดพวกเราได้หรอก” ซูเฉินเผยรอยยิ้มบาง

ครั้งก่อนที่เขาผ่านค่ายกลเมืองเฮยหยา ซูเฉินอยู่แค่ ระดับเทวะขั้น 2 เท่านั้น เวลานั้นเขาได้สังหารสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะในเมืองไปถึงสองตัว เจ้าเมืองเว่ยหยางไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ทั้งยังถูกเขารีดไถศิลานิลกาฬมาถึงสองก้อน

ปัจจุบันซูเฉินเลื่อนขั้นสู่ ระดับเทวะขั้น 4 แล้ว เมื่อเว่ยหยางเห็นเขา จะไม่เท่ากับเป็นหนูที่เจอแมวหรอกหรือ?

“เสี่ยวจือ เข้าไปในเมืองกัน”

ซูเฉินโบกมือ ออกคำสั่ง

“รับทราบ”

[รถศึกอัจฉริยะ] บินเข้าสู่เมืองเฮยหยาอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็มาถึงโถงใหญ่ที่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ และร่อนลงจอด

การบุกรุกอย่างกะทันหันของ [รถศึกอัจฉริยะ] ทำให้เมืองเฮยหยาตกอยู่ในความโกลาหลทันที

ไม่นาน สัตว์ร้ายมิติจำนวนมากก็กระจายกันปิดล้อม [รถศึกอัจฉริยะ]

“มาเถอะ ลงไปกัน”

ซูเฉินเรียกทุกคน ก้าวลงจากรถอย่างช้าๆ

ฉีมู่เฟิงและอีกสองคนตามหลังไปติดๆ

เมื่อลงจากรถ  ซูเฉินเก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] แล้วกวาดมองไปรอบๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่งการ “เรียกเว่ยหยางมาหาฉัน”

“มนุษย์! เจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงให้เรียกท่านเจ้าเมืองมาพบเจ้า ต้องการหาที่ตายหรือ?”

สิ้นเสียงซูเฉิน สัตว์ร้ายมิติขั้น 10 ชี้หน้าด่าทอเขา สัตว์ร้ายมิติตัวอื่นที่อยู่รอบๆก็จ้องเขาเขม็งเช่นกัน ในดวงตาของทั้งหมดเต็มไปด้วยความดุร้ายและโกรธแค้น

ซูเฉินหรี่ตาลง เหลือบมองไปทางสัตว์ร้ายมิติขั้น 10 ก่อนปล่อยพลังจิตห่อหุ้มตัวมัน และยกตัวลอยเข้ามาเบื้องหน้า

จากนั้น ภายใต้สายตาของเหล่าสัตว์ร้ายมิติ ซูเฉินระเบิดร่างมันด้วยฝ่ามือเดียว!

เขาเป็นตัวตนระดับเทวะ!

เมื่อเห็นซูเฉินฆ่าสัตว์ร้ายมิติขั้น 10 ได้อย่างง่ายดาย เสียงอุทานดังขึ้นรอบด้าน

เมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคือระดับเทวะ เหล่าสัตว์ร้ายมิติที่อยู่รอบๆเริ่มหวาดกลัว ชักฝีเท้าถอยไม่หยุด

แต่ในเวลานั้นเอง สัตว์ร้ายมิติตัวหนึ่งได้กรีดร้องออกมา “ไม่ได้การแล้ว! เขาคือซูเฉินจากเผ่ามนุษย์!”

ครั้งก่อนที่ซูเฉินมายังเมืองเฮยหยา สัตว์ร้ายมิติตัวนี้ก็อยู่ด้วย จึงจดจำได้ทันที

ซูเฉิน ....

เขาคือเทพสังหารซูเฉินคนนั้น?

หินก้อนเดียวสามารถก่อคลื่นกระเพื่อมได้นับพัน เมื่อทราบตัวตนที่แท้จริงของซูเฉิน ระลอกความหวาดกลัวก็เริ่มแทรกซึมจากทุกทิศทาง

สัตว์ร้ายมิติทั้งหมดในที่นี้สั่นสะท้าน  สายตาที่มองซูเฉินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ชื่อเสียงของซูเฉินดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง มีข่าวลือว่าทุกที่ที่เขาไป มักเกิดพายุนองเลือด

ครั้งก่อนที่เขาเข้ามายังเมืองเฮยหยา เขาสังหารสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะไปถึงสองตน แล้วจุดประสงค์ในครั้งนี้เล่า? มาเพื่ออะไร? คงไม่ใช่สังหารล้างเมืองหรอกนะ?

“ซูเฉิน อย่าได้อาละวาดให้มันเกินไปนัก!”

ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามกึกก้องดังมาจากที่ไกลๆ ซูเฉินกวาดสายตามอง และพบว่ามีสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะสองตัวกำลังบินตรงเข้ามา หนึ่งในนั้นคือเว่ยหยางเจ้าเมืองเฮยหยา

“แปลก ทำไมครั้งนี้เว่ยหยางมันถึงดูกล้านัก?” ซูเฉินบ่นพึมพำ เฝ้ารอการมาถึงของทั้งสองอย่างสงบ

หลังจากเว่ยหยางและสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะอีกตัวมาถึงด้านหน้า ทั้งสองก็กวาดมองซูเฉินด้วยความเย็นชา เอ่ยปากถาม “ซูเฉิน เจ้าช่างกล้านัก! ครั้งก่อนที่เข้าบุกเข้ามากระทำเรื่องชั่วร้ายในเมืองของข้า ข้ายอมปล่อยเจ้าไป แต่คราวนี้ยังกล้าอวดดีกลับมาอีก! คิดจริงๆหรือว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้?”

“แกนี่แสดงละครได้ไม่เลวเลยนะ” ซูเฉินมองเว่ยหยาง ผุดยิ้มดูแคลน  จากนั้นกล่าวเยาะเย้ยว่า “ครั้งก่อนฉันฆ่าสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะไปสองตัวในเมืองเฮยหยา แต่แกไม่กล้าแม้จะผายลม วันนี้เป็นอะไร? พอมีผู้ช่วยเพิ่มมาตัวหนึ่ง ก็กล้าปากดีต่อหน้าฉันซะแล้ว?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด