ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 11 ขุนนางกับนักการเมือง (Nobles and Politician)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 13 กองเรืออันทรงเกียรติของพระองค์ ( His majesty prestigious fleet )

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 12 การรุกรานทูเดีย (Invasion of Tudia)


การรุกรานทูเดีย

 ( Invasion of Tudia )

แคว้นธิโอ อาณาจักรทูเดีย

ท้องฟ้าที่ควรสดใสกลับหม่นหมืด ทุ่งปศุสัตว์อันกว้างขวางที่เคยมีแต่เสียงของสัตว์เลี้ยงในฟาร์มแต่กลับเงียบเหงา บ้านไร่ที่ควรเต็มไปด้วยวิถีชีวิตกลับว่างเปล่าอ้างว้าง ที่แห่งนี้คือทุ่งนาอันกว้างใหญ่แห่งอาณาจักรทูเดียบ้านเกิดของเหล่าชาวไร่ทูเดีย

เสียงเดินย่ำเท้าดังก้อง พื้นดินสั่นสะเทือน กองทหารขนาดใหญ่เดินทัพผ่านแคว้นธิโออย่างเป็นระเบียบ แถวเดินทัพนั้นยาวสุดลูกหูลูกตา ส่วนมากเป็นทหารเดินเท้าโดยมีทัพม้าเดินอยู่หัวขบวน เครื่องแบบสีแดงเวนิสซึ่งเป็นเครื่องแบบพื้นฐานประจำสหจักรวรรดิลีโอเนีย ช่างน่าแปลกกองกำลังเหล่านี้กลับดูเยาว์วัยคลายวัยรุ่นมากกว่าทหารชายฉกรรจ์ทั่วไปอย่างยิ่ง

กองทัพลีโอเดินทางผ่านจากทุ่งนาตรงไปยั่งเนินเขาขนาดเล็กซึ่งอยู่อีกฝั่งของไร่แห่งนี้ ไม่นานนัก ภาพหลังเนินก็เผยให้เหล่าชายหญิงในกองทัพได้เห็น พื้นดินที่แห้งแล้ง ต้นไม้ที่ตกตาย ไม่มีแม้ใบไม้หรือหญ้าสีเขียวหลงเหลือ หลุมขนาดเล็กใหญ่ ซากศพของม้าศึกที่ถูกทิ้งไว้ สถานที่รกร้างเดนตายนี้คือสนามรบเมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังการรุกคืบโต้กลับกองกำลังแฟแลงซ์และทูเดีย 2/5 ของอาณาจักรทูเดียถูกยึดครองโดยสหจักรวรรดิเกือบจะทันทีหลังข้อพิพาทลักลอบของเถื่อนเข้าอาณานิคมซึ่งอยู่ใต้อาณัติของสภาสูงแห่งลีโอเนีย อย่างไรก็ตามทูเดียก็ได้ระดมพลและเกณฑ์ชายทุกคนที่สามารถถืออาวุธได้ทั่วทั้งอาณาจักร และเข้าปะทะกับกองทหารของสหจักรวรรดิ

ทั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สงครามระหว่างอาณาจักรทูเดียและสหจักรวรรดิลีโอเนียจึงได้เริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่าอาณาจักรเล็กๆอย่างทูเดียก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถต้านทานจักรวรรดิมหาอำนาจได้ในขณะนั้น ก็ถูกช่วยเหลือไว้โดยอาณาจักรแฟแลงซ์อันศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่นานกำลังเสริมจากมหาอำนาจตอนใต้ก็เข้าสู่ดินแดนทูเดีย

ในคราวแรกสหจักรวรรดิมีชัยเหนือพันธมิตรในหลายๆศึกที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งที่ชัยชนะ กองกำลังลีโอเนียก็สูญไปมากมายซึ่งแตกต่างกับพันธมิตรทูเดียและแฟแลงซ์ที่ถาโถมเหมือนฝูงมด ภายในไม่กี่เดือนกองทัพลีโอเนียถูกตีล่าถอยกลับไปยังดินแดนลีโอ สูญเสียทั้งทหารและนายพลขุนนางสำคัญไปมาก

แต่หาได้ทำให้ราชสีห์แห่งแดนเหนืออ่อนแอไม่ เพียงแค่ถูกดันกลับมายังบ้านเกิด มิได้ทำให้ราชสีห์ต้องสมยอมแม้แต่น้อย กลับกัน มันทำให้แรงสู้ของราชสีห์แรงยิ่งกว่าเดิม ไม่แค่เกณฑ์คนเข้ากองทัพเพิ่มยิ่งขึ้น สหจักรวรรดิยังนำชาวอาณานิคมทั่วทุกมุมอองโทราล โดยเฉพาะเขตที่ 6 อาริกาเซีย ซึ่งมีพื้นที่และประชากรมากที่สุดในรัฐใต้อาณัติลีโอเนีย

และตอนนี้ราชสีห์ผู้ทะนงตนกำลังจะจู่โจมเหยื่อของมันอย่างเต็มกำลัง

หนึ่งในผู้นำหัวขบวนกองกำลังเป็นชายชาวลีโอเนียจากตอนเหนือเผ่าอมนุษย์ครึ่งหมี ชายคนนั้นมีร่างกายที่ใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างมาก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลพร้อมส่วมเครื่องแบบนายพลของลีโอเนีย สร้างรัศมีที่ดูน่าเคารพและเกรงกลัวให้ทั้งข้าศึกและผู้ใต้บัญชาสองกองพล

กองกำลังลีโอเนียเดินผ่านเนินเขาที่ปิดบังดินแดนทั้งสองเอาไว้ ก่อนจะพบเจอกับค่ายขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสหายชาวลีโอ พร้อมผู้บาดเจ็บและเชลยศึกจำนวนมาก ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์เกือบทั้งหมด ทูเดียและแฟแลงซ์มีประชากรเป็นมนุษย์จำนวนมาก ผิดกับลีโอเนียซึ่งเป็นที่ตั้งของเผ่าและอาณาจักรน้อยใหญ่ในอดีต แฟลงซ์เกิดจากซากมหาจักรวรรดิหรืออารยธรรมฟินิเธจที่ล่มสลาย ในขณะที่ทูเดียเป็นอาณาจักรที่แยกตัวหลังฟินิเธจล่มสลาย

“นายพลเจย์… ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้านะครับ” ทหารเผ่าหมีผู้แต่งตัวคล้ายๆกันกล่าวอย่างแกร่งกลัว ชายผู้มียศน้อยอย่างเขาไม่กล้าที่จะทำให้นายพลร่างยักษ์โกรธ

“สงครามอยู่ตรงหน้าหาได้ช้าไม่ ในกองทัพข้าแม้ว่าไม่ได้รวดเร็วเหมือนชาวใต้ แต่เรื่องพละกำลังและระเบียบวินัยพวกเราคือที่สุดในแผ่นดินลีโอ!” นายพลแห่งตอนเหนือกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่ดุดัน

“ตามข้ามา! ข้าจะพาพวกเจ้าสู้ ศัตรูขององค์พระจักรพรรดิ” นายพลร่างหมีชูขวานสงครามขึ้นและพูดต่อ

“พวกเราจะเข้าตีเมืองธิโอเดีย จงสังหารผู้ใดที่กล้าต่อต้าน! จงลากทูเดียและพวกคลั่งศาสนาให้ก้มจูบเท้าของพวกเรา! เพื่อสหจักรวรรดิ!! เพื่อองค์พระจักรพรรดิ!!” นายพลเจย์พูดวาจาปราศรัย ซึึ่งทำให้เหล่านายทหารยศสูงข้างหน้าขบวนต่างโห่ร้องด้วยขวัญกำลังใจที่เต็มเปี่ยม ชาวลีโอต่างคิดเป็นทางเดียวกันว่าสงครามครั้งนี้ ยังพวกเขาต้องชนะแน่นอน เหล่าทหารหาญต่างตะโกนสิงหนาทเสียงดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ

   แด่ลีโอเนีย!! เพื่อองค์พระจักรพรรดิ!! 

ไม่นานนัก กองทัพสหจักวรววดิลีโอเนียก็ได้เข้าสู่สงครามอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง นำโดยนายพลเจย์ วิทเตอร์ (General Jaye Witter) ผู้นำกองกำลังสับเปลี่ยนในตอนนี้ กับกองกำลังที่เป็นหัวหอกทะลวงอาณาจักรทูเดีย นำโดย ดยุค มาร์ชิก ดิ เวลเลอร์ (Duke Marchich the Weller) และ พลเรือเอกโรเบิร์ต แคมเดน (Admiral Robert Camden) ที่รอคำสั่งแผนการจากสภาสูง

ณ แคว้นธิโอ ก่อนถึงเมืองธิโอเดีย

ทางด้านดยุคมาร์ชิก ที่กำลังนำกองทัพเข้าตีแนวป้องกันทูเดียเพื่อเปิดทางให้นายพลเจย์

“ส่งกำลังเสริมไปฝั่งขวา! ข้าต้องการให้พวกมันแตกทัพตอนนี้!” ดยุคมาร์ชิก ชายวัยชราเป็นเผ่ามนุษย์ ถึงจะดูอายุราวๆ 70-80 แต่ประสบการณ์นั้นมีมากมาย เป็นดยุคที่ทหารยศสูงหลายนายเคารพนับถือ

ดยุคชราส่องกล้องจับจ้องไปยังแถวทหารข้าศึกชุดสีเขียวเข้มซึ่งเป็นเครื่องแบบประจำทหารทูเดีย ก่อนจะหันกล้องไปทางขวา กองทัพทูเดียเริ่มที่จะแตกทัพเมื่อกองกำลังลีโอเนียเดินหน้าอย่างช้าๆ ไม่เกรงกลัวลูกปืนที่ถูกยิงออกมาแต่อย่างใด

แต่ดูเหมือนว่าชายชราจะดูไม่พอใจกับผลงานอย่างมาก ดยุคมาร์ชิกเก็บกล้องส่องลงก่อนบ่นด้วยนํ้าเสียงที่ผิดหวังอย่างมาก

“ข้าไม่คิดว่าก่อนว่าทูเดียจะกล้าหาญเพียงนี้! หากรู้เช่นนี้ข้าก็น่าจะขอนักเวทย์จากสภาสูงก่อนทำศึกเสียก่อน”

“ขออภัยดยุคมาร์ชิก แต่พวกเราประมาทขวัญกำลังใจของชาวทูเดียเกินไป หากจบศึกนี้และเราช่วยนายพลเจย์ตีเมืองธิโอพวกเราจะบดขยี้กองทัพแฟแลงซ์พร้อมทู้เดียในคราวต่อไปแน่นอนครับ” ขุนนางชั้นสูงที่เป็นทหารกล่าว

“ให้มันเป็นเช่นนั้น…” ดยุคมาร์ชิกชะงักก่อนจะพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “ไม่งั้นข้าจะลงโทษผู้ใดที่กล้าทำให้ลีโอเนียต้องเสียเกียรติ!”

สิ้นเสียงคำพูดของดยุคชรา เหล่านายหทารชั้นสูงต่างมองไปยังสนามรบเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยหากกองกำลังลีโอเนียเริ่มแปลกไป อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าศึกนี้ก็ตกไปเป็นของพวกเขาอีกครั้ง

   ยิง! คำสั่งนายกองถูกส่งต่อกันพร้อมเสียงปืนที่ดังเหมือนฟ้าร้อง แถวทหารชุดแดงเปิดฉากยิงอย่างพร้อมเพรียง ทหารทูเดียตกตายเหมือนใบไม้ร่วง หากเห็นสหายตายกันรอบตัวมีผู้ใดที่จะไม่ตื่นตระหนกกลัวกัน แม้ว่าชาวทูเดียจะทำสงครามกับลีโอมาแล้ว แต่ความต่างชั้นระหว่างมหาอำนาจและอาณาจักรขนาดกลางมันมากพอสมควร เหล่าทหารทูเดียเริ่มที่จะแตกแถว วิ่งหนีเอาตัวรอด ในขณะที่นายทหารผู้กองทูเดียต่างพยายามกู่ร้องตะโกนเรียกให้ตั้งแถวไว้

เหมือนกับโดมิโนที่ล่มลงติดต่อกัน เหล่าเครื่องแบบเขียวที่เต็มไปด้วยเลือด ที่ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นของตนหรือของเพื่อนมิตรสหาย ต่างวิ่งหนีออกจากแถวกัน บัดนี้แนวรบกองทัพทูเดียกำลังจะพังทลายลง

“ส่งสัญญาณให้ทัพม้าเบาเข้าตีด้านข้างเดียวนี้!” ดยุคมาร์ชิกตะโกนสั่งนายทหารคนสนิท

สัญญาณธงถูกโบก พร้อมเสียงทรัมเป็ตของทัพม้าที่ดังเป็นการบ่งบอกจู่โจม

พื้นแผ่นดินที่สั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ทหารม้าเบาหรือฮัสซาร์จำนวนเกือบหนึ่งพันวิ่งอ้อมตีทหารที่แตกแถวอย่างบ้าคลั่ง ความตายคือสิ่งสุดท้ายที่ทหารทูเดียจะได้รับ ขณะที่แนวหน้าทหารชุดแดงของลีโอเนียก็ยิงวอลเลย์อย่างไม่หยุดย่อน สังหารทหารทูเดียที่ยังตั้งแถวยิงตอบโต้ตกตายกันไปมากมาย ไม่เพียงแค่นั้นยังถูกทัพม้าเบาตีขนาบข้างและกำลังจะปิดทางหนีของพวกเขา หากจะมองยังไงหรือมองแบบใด ตอนนี้กองทัพทูเดียตรงหน้าได้แพ้พ่ายไปเสียแล้ว มันจะดีกว่านี้หากพวกเขาหนีเอาตัวรอดมากกว่าต่อสู้จนตัวตาย

การสังหารโดยพลปืนของลีโอเนียที่โหดร้ายและเสียงกรีดร้องต่างขอชีวิตของผู้ที่พ่ายแพ้ ยังคงได้ยินยาวนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งคำสั่งหยุดยิงจากคำสั่งนายทหารชั้นสูงที่ถูกส่งลงมายังนายกอง ลงเหลือไว้เพียงร่่างไร้วิญญาณของทั้งสองฝั่ง

“ท่านดยุค พวกเราสูญเสียไม่มาก ท่านจะให้เดินทัพต่อหรือว่ารอนายพลเจย์สมทบก่อนดีครับ?” นายทหารยศสูงคนหนึ่งกล่าวถาม

“ไอเจ้าหมีขาวคงอยากจะสู้ศึกให้ได้… พวกเราจะไปรอกันที่ธิโอเดียสั่งให้แบ่งกำลังพลส่งผู้บาดเจ็บไปแนวหลังพร้อมเชลยศึกที่ยังรอดอยู่ และเตรียมจัดทัพเดินทางต่อได้” สิ้นเสียงคำสั่งดยุคมาร์ชิกก็ขี่อาชาของตนพร้อมทหารคุมกันไปยังแนวหน้าทันที

แม้ว่าทั้งสองจะดูเหมือนคู่แข่งก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าดยุคมาร์ชิกไม่ถูกกับนายพลเจย์แต่อย่างใด กลับกันดยุคแห่งเวลเลอร์กลับชื่นชอบความสามารถในการต่อสู้ของนายพลเจย์อยู่มาก และนายพลเจย์ก็รับฟังหรือปรึกษาดยุคชราเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามนายพลและขุนนางชั้นสูงในช่วงต้นสงครามได้เสียชีวิตลงในศึก ทำให้ลีโอเนียขาดแคลนผู้บังคับบัญชา จึงจำเป็นต้องรักษาตัวเองก่อนทหารชั้นผู้น้อย

การรุกรานทูเดียในครั้งนี้หากชนะไม่เพียงแค่ได้ลีโอเนียจะสามารถขยายดินแดนอาณาเขต แต่ทำให้มหาอย่างแฟแลงซ์ต้องรับความอัปยศไปเต็มๆ อย่างไรก็ตามถึงแม้ลีโอเนียจะมั่นใจกับการจัดการอาณาจักรขนาดกลางอย่างทูเดีย แต่แฟแลงซ์ก็ยังคงน่ากังวลอยู่อย่างมาก กำลังคนในอาณาจักรแฟแลงซ์อันศักดิ์สิทธิ์นั้น มีมากพอที่จะโถมใส่ดินแดนทูเดียให้เต็มไปด้วยประชากรของแฟแลงซ์ได้แน่นอน และแฟแลงซ์ยังมีไพ่ตายที่สามารถพลิกสงครามได้หากจำเป็นจริงๆ

……

.

.

.

.

.

.

นครทาเวีย (Tavia) อาณาจักรทูเดีย

เมืองขณาดใหญ่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับทะเลอัล-กาเนดแมร์เคซีซึ่งกันทูเดียและลีโอเนียไว้ ภายในตัวเมืองนั้นแตกต่างกับความยิ่งใหญ่ของมันอย่างมาก ชาวเมืองเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เศร้าโศก และความรุนแรงจากต่างชาติ ดูเพลินๆอาจพูดได้ว่าเป็นเมืองที่ถูกยึดครองไปแล้ว

ทหารจากแฟแลงซ์เดินทั่วเมืองล่วงละเมิดประชากรทูเดีย บางครั้งชาวบ้านทั่วไปก็คิดสงสัยกับราชวงศ์ผู้เป็นเจ้าแผ่นดินของอาณาจักรว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้ปกครองควรทำจริงๆแน่หรือ?

หรือแท้จริงแล้วราชวงศ์ทูเดียเป็นเพียงกลายเป็นหุ่นเชิด

ของมหาอำนาจจากตอนใต้กันไปเสียแล้ว

ภายในปราสาทที่ตั้งของผู้ปกครอง ห้องโถงขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้มากกว่าร้อยคน เต็มไปด้วยขุนนางและทหารของพันธมิตรทูเดีย-แฟแลงซ์ ตรงกลางของห้องเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ของแผ่นดินทูเดีย สีหน้าของขุนนางทูเดียนั้นหน้าซีดขาวเหมือนถูกวิญญาณร้ายหลอกหลอน ในขณะที่อีกกลุ่มซึ่งมาจากอาณาจักรตอนใต้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างมาก

บนแผนที่นั่น แสดงให้เห็นถึงอาณาเขตของอาณาจักรที่ถูกยึดไปแล้ว เกือบด้านซ้ายทั้งหมดจะเห็นธงอาณาจักรล้มจำนวนมาก เป็นการแสดงถึงหัวเมืองสำคัญที่ถูกตีแตกไปแล้ว

“พวกชั้นตํ่าโจมตีด้วยความรวดเร็วจนเราไม่สามารถรวบรวมทหารที่หนีทัพกลับมาสู้ได้ทัน พวกเราต้องตั้งแนวที่แม่นํ้าสายนี้พร้อมกับกำลังของแฟแลงซ์ ถึงจะหยุดพวกมันไม่ให้ลุกเข้าเขตสำคัญได้! มีโอกาศที่พวกเราสามารถบังคังพวกมันให้เจรจาสงบศึกก็ได้เช่นกัน” ขุนนางหนุ่มในเครื่องแบบของชาวทูเดียกล่าวอย่างมั่นใจ

“ผมจะขอร้องให้มุขนายกส่งสตรีศักดิ์สิทธิ์มาสมทบ หากเป็นไปได้พวกนางอาจจะชำระล้างพวกนอกรีตให้ออกจากดินแดนยากไร้แห่งนี้ก็เป็นไปได้”

คนที่พูดขึ้นมาในที่ประชุมเป็นชายเผ่ามนุษย์ส่วมเครื่องแบบคล้ายนักบวชสีขาว ชายผู้นี้มาจากอาณาจักรแฟแลงซ์อันศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าตัวของแฟแลงซ์จะมีกษัตริย์และขุนนางปกครองแต่หนึ่งที่กลุ่มที่ปกครองร่วมกันเหมือนเจ้าของที่ดิน คือเหล่าผู้เผยแผ่จากพระศาสนจักรของพระเจ้าที่แท้จริง (Church of True God) ซึ่งมีอำนาจในการปกครองเหมือนกับขุนนางทั่วๆไป แต่ไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่ากษัตริย์แห่งแฟแฟลงซ์

“หากไม่ได้พลังและกำลังจากท่าน ชาวทูเดียคงได้ตกไปเป็นเมืองขึ้นของพวกคนเถื่อนเป็นแน่ ข้ากษัตริย์แห่งทูเดีย ขอขอบคุณจากใจจริงๆ” องค์ราชาแห่งชาวทูเดีย ผู้ถือครองราชบัลลังก์ทูเดีย พระเจ้าโดรูที่ 2 แห่งทูเดีย กล่าวออกมาในที่ประชุม สร้างความไม่พอใจให้กับขุนนางฝ่ายทูเดียอย่างมาก

“พระองค์อย่าได้กังวลไปเสีย ในบรรดาอาณาจักรในอัลชลาฟไวส์คงมีเพียงแค่พระองค์ที่คงเชื่อมั่นในคำสอนของพระเจ้าที่แท้จริง ผิดกลับจักรวรรดิตะวันตกหรือพวกป่าเถื่อนรอบๆตัวพวกเรา” นักบวชชาวแฟแลงซ์ก้มหัวตอบ

แต่บางคนเห็นสีหน้าที่น่ารังเกียจของนักบวชคนที่ตอบ ซึ่งทำให้ขุนนางบางคนถึงกับเดินออกจากห้องด้วยความแค้นชาวทูเดียทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว หากเป็นเรื่องผลประโยชน์พวกนักบวชเหล่านี้เป็นเสมือนนกอีแร้งที่คอยจ้องจะกินซากของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา บางครั้งพวกเขาก็คิดว่าหากพระเจ้ายังทรงมองลงมาอยู่ เช่นนั้นการกระทำของเหล่านักบวชจอมปลอมนี้ควรถูกลงทัณฑ์มิใช่หหรือ เหตุใดพวกจอมปลอมถึงได้ลอยนวลอยู่มาหลายร้อยปีเช่นนี้กัน…

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวีสดีปีใหม่! ปีนี้ก็ขอบคุณนักอ่านทุกคนด้วยนะเจ้าค่ะ ตอนแรกเดือนธันวาจะอัพมากกว่านี้ แต่เนื่องจากติดงานเยอะพอสมควร เลยทำตามที่เคยพูดไว้ไม่ได้ต้องขอโทษจริงๆนะเจ้าค่ะ

เอาเป็นว่าขอบคุณสำคัญปีนี้! ขอให้ทุกท่านมีความสุขและไม่มีปัญหาใดๆในปีหน้า!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด