Sign in Buddha's palm 323 (I) มาถึง (ฟรี)
Sign in Buddha's palm 323 (I) มาถึง (ฟรี)
ทะเลปราณเป็นสถานที่ที่ปราณฉีบนโลกมาบรรจบกัน
หากร่างกายของซูฉินสามารถเข้าสู่ทะเลปราณได้ ประโยชน์ที่ได้รับไม่รู้ว่าจะมากเกินกว่าการบริโภคโอสถธาตุไฟไปมากเพียงใด ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะผลักดันภาพดวงตะวันขนาดมหึมาไปสู่ความสำเร็จชั้นยอดในเวลาอันสั้น
สุดท้ายแล้ว การฝึกฝนภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นก็แตกต่างไปจากเคล็ดวิชาอื่นๆ
เคล็ดวิชาใดๆ ในโลกนี้ล้วนแต่มีคอขวดกันทั้งนั้น แม้แต่ฝ่ามือยูไลก็ไม่มีข้อยกเว้น ซูฉินจำเป็นต้องทำความเข้าใจมันอยู่เสมอ
แต่ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่าง เพียงต้องการทรัพยากรจำนวนมากมายมหาศาลเท่านั้น
ตราบใดที่มีทรัพยากรในการบ่มเพาะเพียงพอ ซูฉินก็สามารถทะยานพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ก้าวกระโดดไปด้านหน้าได้อย่างเต็มที่
แน่นอนมันไม่ได้หมายความว่าฝ่ามือยูไลไม่ดีเท่ากับภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่วิธีการบ่มเพาะของทั้งสองสิ่งนั้นแตกต่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ทรัพยากรที่ต้องใช้ไปกับภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมากมายไร้ที่สิ้นสุด จอมยุทธธรรมดาๆ แม้แต่เซียนเทพปฐพีจะใช้เวลาไปเป็นพันปีก็อาจจะไม่สามารถบ่มเพาะภาพดวงตะวันขนาดมหึมาให้ประสบความสำเร็จถึงระดับเล็กได้ นับประสาอะไรกับความสำเร็จชั้นยอด
ซูฉินได้พึ่งพิงระบบลงชื่อเข้าใช้เพื่อรับโอสถธาตุไฟและของวิเศษหลายสิ่งอย่างต่อเนื่อง ก็เพิ่งจะสำเร็จระดับเล็กในภาพดวงตะวันฯ ก่อนที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีนี่เอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อซูฉินพยายามใช้จิตวิญญาณแรกกำเนิดดึงร่างกายเข้าไปผสานในทะเลปราณ ก็พบว่าทำไม่ได้
จิตวิญญาณแรกกำเนิดก็คือจิตวิญญาณแรกกำเนิด กายเนื้อก็คือกายเนื้อ
ทั้งสองสิ่งมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน
ทะเลปราณอยู่ลึกลงไปในความว่างเปล่า มีสิ่งกีดขวางมิติอยู่มากมาย
และจิตวิญญาณแรกกำเนิดนั้นเดิมทีก็เป็นร่างวิญญาณลวงตา หากสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของทะเลปราณก็สามารถข้ามผ่านความว่างเปล่าเข้าไปหลอมรวมกับมันได้
แต่กายเนื้อ......
หากต้องการใช้ร่างกายเข้าสู่ทะเลปราณ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ......ทำลายความว่างเปล่า
เพื่อทำลายความว่างเปล่า จำเป็นต้องกลายเป็นผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดในขอบเขตทลายนภากาศเท่านั้นจึงจะทำได้
ส่วนเซียนเทพปฐพี แม้จะเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพระดับสูงสุดซึ่งสัมผัสพลังของมิติได้ แต่การทำลายความว่างเปล่านั้นยังห่างไกลเกินกว่าที่จะไปถึง
“ทลายนภากาศ......”
ซูฉินชันกายขึ้นเล็กน้อย ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าสู่ทะเลปราณเป็นการชั่วคราว
บัดนี้เขาเพิ่งจะอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพีขั้นแบ่งจิต ห่างไกลจากเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพอยู่มาก
ยิ่งไปกว่านั้น ขอบเขตเซียนเทพปฐพีที่ต้องการกลายเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุด มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับขอบเขตตำนานยุทธทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี
หากตำนานยุทธต้องการจะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ที่ต้องทำก็แค่ควบแน่นอาณาเขตและแปลงจิตวิญญาณแรกกำเนิดเท่านั้น
การควบแน่นอาณาเขตก็เกิดจากการที่ตำนานยุทธควบคุมพลังฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดมาไว้ในที่เดียว ส่วนการแปลงจิตวิญญาณแรกกำเนิดก็คือการเปลี่ยนแปลงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าทั้งสองสิ่งจะยากเย็นอย่างยิ่งจนปิดกั้นผู้ฝึกยุทธทั้งหลายเอาไว้ไม่ให้ไปต่อ แต่อย่างน้อยก็มีทางเดินให้ติดตาม รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป
แต่เซียนเทพปฐพีที่ต้องการก้าวเข้าสู่ขอบเขตทลายนภากาศและกลายเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุด พวกเขาจำเป็นต้องรู้สึกถึงพลังของมิติ และในที่สุดก็ทำลายความว่างเปล่าทิ้งเสีย
ความว่างเปล่าคือสิ่งใด?
ความว่างเปล่ามีอยู่ทุกหนแห่ง แม้แต่คนทั่วไปก็ยังสัมผัสความว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา ไม่ต่างไปจากแสงแดดและลมฝน
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น การรับรู้ถึงความว่างเปล่ายิ่งยากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นที่ตรงไหน
ความว่างเปล่าอยู่เบื้องหน้า แต่กลับสัมผัสไม่ได้ จะเอาอะไรมาเข้าใจเล่า?
แม้แต่การรับรู้ถึงความว่างเปล่ายังยากเย็นเพียงนี้ นับประสาอะไรกับการทำลายความว่างเปล่า
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีผู้ทรงพลังถึงขีดสุดอยู่แค่ไม่กี่คนในช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟู
แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉี จิตใจฟ้าดินมากมายเอื้อต่อการบ่มเพาะ พลังฟ้าดินมีอยู่ทั่วไปหมด จิตวิญญาณมีอยู่ทุกหนแห่ง เซียนเทพปฐพีพากันกำเนิดขึ้นทีละคนสองคน แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้นมีอยู่น้อยมาก
“ไม่เป็นไร”
“ไม่จำเป็นต้องกังวลไปในตอนนี้”
ซูฉินสงบใจลง คิดอยู่ภายในใจเงียบๆ
การทำลายความว่างเปล่าแล้วกลายเป็นผู้ทรงพลังถึงขีดสุดนั้นอยู่ไกลเกินไปสำหรับซูฉินในยามนี้
นอกจากนี้ แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่สามารถทะลวงความว่างเปล่าได้ บางทีก็อาจจะไม่กล้าเข้าไปภายในทะเลปราณจริงๆ
ท้ายที่สุดทะเลปราณก็ไม่ได้มีเพียงปราณฉีอันไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตปราณฉีด้วย
สิ่งที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตปราณฉี เกิดจากการที่ปราณฉีอันไร้ที่สิ้นสุดสะสมรวมกันนานปีจนก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตจิตวิญญาณขึ้นมา
เมื่อครั้งที่ซูฉินใช้จิตวิญญาณแรกกำเนิดหลอมรวมเข้ากับทะเลปราณ เขาก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตปราณฉีอยู่บ้างจากระยะไกล
เป็นเพียงว่าสิ่งมีชีวิตปราณฉีคงจะให้ความสนใจพลังงานทางจิตวิญญาณเช่นจิตวิญญาณแรกกำเนิดไม่มากนัก
ดังนั้นจิตวิญญาณแรกกำเนิดของซูฉินจึงประสบความสำเร็จในการเข้าไปถึงส่วนลึกของทะเลปราณ
ถึงสิ่งมีชีวิตปราณฉีจะไม่สนใจพลังงานทางจิตวิญญาณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สนใจสิ่งอื่น
หากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเข้าสู่ทะเลปราณด้วยกายเนื้อ เมื่อปราณฉีและเลือดเนื้อแผ่ออกมาจากร่างกาย เกรงว่าสิ่งมีชีวิตปราณฉีคงจะสัมผัสมันได้ตั้งแต่ทีแรก
ในกรณีนั้น แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ในชั่วพริบตาเดียว
รู้หรือไม่ว่าสิ่งมีชีวิตปราณฉีถือกำเนิดขึ้นมาจากจิตใจฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุด แม้ว่ามันจะมีพลังน้อยกว่าอีกาทองคำสามขามาก แต่มันก็ทำให้ซูฉินรู้สึกคล้ายกับตอนที่เผชิญหน้ากับหยดโลหิตของเทพเจ้าปีศาจที่ได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในโลกถ้ำปีศาจ
ซูฉินคาดการณ์ว่าแม้พลังของสิ่งมีชีวิตปราณฉีจะไม่ได้เทียบเท่าเทพเจ้าปีศาจในโลกถ้ำปีศาจ แต่ก็น่าจะใกล้เคียงกันมาก ด้วยความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตปราณฉี มันก็เป็นไปได้ที่จะปราบผู้ทรงพลังถึงขีดสุด
ท้ายที่สุด ในช่วงสุดท้ายตอนที่โลกถ้ำปีศาจกำลังล่าถอยกลับไป เทพเจ้าปีศาจตนหนึ่งก็เบิกเนตรออกมา สร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงให้แก่ตัวตนที่แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน รวมถึงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดที่มีอยู่ไม่กี่คน
“เกือบจะคุ้นเคยกับพลังหลังจากการทะลวงขอบเขตแล้ว รักษาเสถียรภาพของขอบเขตได้แล้ว ต่อไปคงจะถึงเวลาไปจัดการกับนิกายเทพเจ้าสายฟ้า”
.