ตอนที่แล้วบทที่ 37 ทำไมผมจะห้ามเธอไม่ได้!?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 ผู้ชายสองคนเปิดม่านรูดแค่ห้องเดียว

บทที่ 38 พี่ชายขี้หวงเป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 38 พี่ชายขี้หวงเป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง

หลังจากหลินถงซูกลับห้องไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่ทุ่ม เฉินฉีบอกให้ตัวเองไปออกรอบขับรถ แต่ในที่สุดความขี้เกียจก็เอาชนะจนได้ จึงตัดสินใจว่าควรกลับไปพักผ่อนเสียหน่อย

ด้านนอกอะพาร์ตเมนต์มีร้านอาหารโชยกลิ่นหอมยั่วน้ำลายจากในครัวซึ่งยังเปิดอยู่ เฉินฉีเดินไปสั่งเกี๊ยวชามใหญ่และหาที่นั่งภายในร้านเพื่อกินรองท้องก่อนกลับเข้าที่พัก

ระหว่างที่เขากำลังนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย แท็กซี่คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดพร้อมกับใครบางคนที่กระโดดลงจากรถแทบจะทันที เขาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากหลินชิวผู หน้าตาท่าทางเหมือนเตรียมพร้อมที่จะฆ่าใครสักคน

เฉินฉีอดหลุดหัวเราะไม่ได้ ไอ้พี่ชายคนนี้ขี้หวงน้องสาวถึงขั้นออกอาการขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย?

“ชิวผู!” เฉินฉีตะโกนเรียก

หลินชิวผูสะดุ้งตกใจก่อนหันไปมองโดยรอบตามเสียงเรียก จากนั้นจึงเห็นว่าเฉินฉีกำลังนั่งกินเกี๊ยวอยู่คนเดียวอย่างสบายใจเฉิบ เขาเดินตรงมาหาทันทีด้วยความประหลาดใจ “ถงซูอยู่ไหน?”

“เธอกลับไปแล้ว”

หลินชิวผูมองเฉินฉีด้วยสายตาจับผิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ คุณก็แค่แกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเพื่อหวังจะเอาชนะใจเธอ”

“คุณขาดความอบอุ่นสมัยอยู่ในช่วงวัยให้นมบุตรรึไง? ตลอดการเติบโตถึงได้ไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิตเลย คุณหวังว่าจะเห็นอะไรพอมาถึงที่นี่ล่ะ? ภาพผมกับน้องสาวของคุณกำลังเล่นจ้ำจี้กันอย่างดุเดือดในห้องส่วนตัวของเธองั้นเรอะ?”

“น้องสาวของผมไม่ทำแบบนั้นแน่! เธอเป็นเด็กดี”

“ก็ใช่ไง แต่ผมไม่เคยอยู่กับเธอมาก่อนจะไปรู้ได้ไงล่ะ? น้องชาย ขอแบบนี้อีกชามหนึ่ง!”

“ไม่เป็นไร”

“เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง”

“ไม่จำเป็น!”

“ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ต้องกิน แค่นั้น”

ทันทีที่ชามเกี๊ยวถูกนำมาเสิร์ฟ หลินชิวผูก็ทรยศการปฏิเสธเสียงแข็งของตนเองโดยใช้ช้อนตักต้นหอมกับผักชีออก เขาไม่วายเตือนอีกครั้ง “ผมจะพูดย้ำอีกครั้งนะ…”

“คุณยังไม่เลิกพูดเรื่องนี้อีกเหรอ ห๊ะ? ผมจะบอกให้ฟังช้า ๆ ชัด ๆ เลยนะว่าผมไม่ได้สนใจน้องสาวของคุณ!”

“โอ้ ล้อกันเล่นหรือเปล่า?! น้องสาวของผมเกิดมาสวยขนาดนี้แถมยังเป็นคนดีอีก ถึงอย่างนั้นชีวิตนี้ก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน คุณกล้าโกหกตัวเองได้ยังไงว่าคุณไม่ได้สนใจเธอ?”

เฉินฉีจนปัญญาจะเถียงกับไอ้หมอนี่ “คุณหาเวลาว่างไปพบจิตแพทย์สักหน่อยก็ดีนะ”

ระหว่างมื้ออาหาร เฉินฉีหยิบซองบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้หลินชิวผูหนึ่งมวน แต่เขาปฏิเสธ “ผมเลิกแล้ว”

“สูบอีกแค่มวนเดียวคงไม่ทำให้คุณกลับมาติดหรอกน่า”

หลังจากลังเลอยู่สักพัก หลินชิวผูก็หยิบบุหรี่มวนนั้นขึ้นสูบ เขาเหล่มองเฉินฉีแวบหนึ่ง เพราะประโยคดังกล่าวช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเขาให้ความเคารพเป็นอย่างมาก

‘เขาสองคนไม่มีทางเป็นคนคนเดียวกันแน่!’

เฉินฉีก็หยิบไฟแช็กออกมาจุดบุหรี่ให้ตัวเองบ้าง ท่าจุดบุหรี่ของเขาแตกต่างจากรุ่นพี่ของหลินชิวผูอย่างสิ้นเชิง เห็นแล้วเขาจึงปัดความสงสัยในใจทิ้งไป ‘ยังไงเขาก็ไม่ใช่พี่ซ่งหลาง’

“อาชญากรหนีหมายจับคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?” เฉินฉีถามออกมา

“หมอบอกว่าเขากระดูกหักสองสามแห่ง แถมได้รับแรงกระแทกที่ศีรษะ อาจมีอาการโคม่าสักพัก... ไม่แน่ว่าจะสักพักที่ว่าอาจหลายเดือน หรือหลายปี”

“ผมอึดอัดใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ต้องขอโทษด้วยที่จับเขาไว้ไม่ทัน”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ว่าคุณหรอก ถึงยังไงเขาก็นอนเป็นผักไปแล้ว ไอ้หมอนั่นเป็นฆาตกรข่มขืน เคยก่อคดีมาอย่างน้อยห้าครั้งแถมยังกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขาอยู่ในกำมือของตำรวจหลงอันแล้ว นับว่าประสบความสำเร็จในการตามจับ”

เฉินฉีพยักหน้า จู่ ๆ เขาเกิดนึกอยากแกล้งหลินชิวผูขึ้นมา เขาหันขวับไปมองที่ประตูทางเข้าอะพาร์ตเมนต์ “น้องสาวคุณเดินออกมาโน่นแล้ว!”

หลินชิวผูตกใจมากรีบโยนบุหรี่ทิ้งลงพื้น จากนั้นจึงยกเสื้อนอกขึ้นคลุมศีรษะไว้พลางใช้เท้าเหยียบบุหรี่ให้ดับ

“ผมแค่ล้อเล่นน่ะ” เฉินฉีพูดกลั้วหัวเราะ

“คุณ!” หลินชิวผูกัดฟันแน่น

ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของหลินชิวผูก็ดังขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริง “เกิดอะไรขึ้น? ที่ไหน? รีบปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุไว้ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”

เขากดวางสายลงแล้วคิดเงินค่าอาหารทันที เฉินฉีบอกเขา “ผมบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง ครั้งหน้าคุณค่อยเลี้ยงผมคืนก็ได้”

“จะไม่มีครั้งต่อไปแน่!” หลินชิวผูยื่นเงินให้เจ้าของร้านก่อนลุกเดินจากไป

วันนี้หลินชิวผูไม่ได้ขับรถมาทำงานจึงจำเป็นต้องมองหาแท็กซี่ที่แล่นผ่านไปมาบนถนน เฉินฉีพูดเสียงฮึดฮัด “คุณไม่เรียกใช้บริการอูเบอร์ที่อยู่ข้าง ๆ คุณ แต่กลับไปเรียกแท็กซี่คันอื่นแทนเนี่ยนะ? ไม่อยากให้ผมมีงานทำขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หลินชิวผูลังเล “ห้ามเข้ามายุ่งกับงานของผมอีกล่ะ!”

“คราวนี้มีอะไรอีกล่ะ? คดีฆาตกรรมเหรอ? ผมไม่เข้าไปยุ่งแน่นอน ส่งคุณถึงที่หมายปุ๊บผมจะขับกลับปั๊บเลย!”

หลินชิวผูครุ่นคิดครู่หนึ่งและยินยอมโดยดี “พอผมไปถึงที่เกิดเหตุแล้วจะจ่ายค่าโดยสารให้”

“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่คิดเงินคุณเป็นพิเศษแน่”

“หมายความว่าไง?”

“เพื่อน คุณไม่เก็ตมุกเอาซะเลย”

สถานที่ที่พวกเขากำลังจะไปเป็นพื้นที่แถวแถบชนบท เฉินฉีขับรถมาถึงและเห็นรถตำรวจหลายคันจอดเทียบอยู่ข้างถนน แสงไซเรนกะพริบสาดส่องไปทั่ว หลินชิวผูหยิบเงินสดออกมาวางไว้ในกล่อง “โอเค คุณไปได้แล้ว!”

เฉินฉียิ้มพลางรับเงินมาเก็บไว้

หลินชิวผูเดินเข้าไปภายในที่เกิดเหตุ ทีมชันสูตรกำลังถ่ายภาพศพและทำการเก็บหลักฐาน ศพที่ว่าเป็นเพศหญิง แต่เหนือลำคอขึ้นไปกลับปราศจากศีรษะ รูปร่างค่อนข้างผอมบางแถมยังเปลือยกาย คาดเดาอายุอยู่ที่ประมาณยี่สิบห้าปี ความมืดสลัวในช่วงกลางคืนทำให้ภาพตรงหน้าค่อนข้างสยดสยองชวนขนหัวลุกพอสมควร

“ใครเป็นคนโทรแจ้งคดีนี้เข้ามา?” หลินชิวผูถาม

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบเขา “คนขับรถส่งของคนหนึ่งที่จอดแวะทำธุระส่วนตัวข้างทางเหลือบไปเห็นศพพอดีครับ เราสอบถามเขาเรียบร้อยแล้ว เขาน่าจะไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงปล่อยเขากลับไปหลังจากที่เขาให้ข้อมูลการติดต่อกับเราไว้แล้ว”

“หัวหน้าเผิงไม่ได้มาที่นี่ด้วยเหรอ?”

“หัวหน้าเผิงไปร่วมการประชุมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการสืบสวนอาชญากรรมของเมืองครับ เท่ากับว่าวันนี้เขาหยุดงาน”

“พวกคุณมาถึงที่เกิดเหตุโดยไม่มีทีมแพทย์นิติเวชมาด้วยสักคนเนี่ยนะ?”

“หมอชันสูตรทุกคนในทีมเข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนกันหมดเลยครับ ไม่มีใครคิดว่าวันนี้จะมีคดีด่วนเข้ามา”

“พวกคุณเจออะไรบ้าง?”

“ศพของผู้ตายมีร่องรอยการถูกมัด ผงแป้ง เนื้อเยื่อ แล้วก็เส้นผมบางส่วนร่วงหล่นอยู่รอบบริเวณที่เกิดเหตุครับ ศพของผู้ตายถูกราดด้วยสารกัดกร่อนบางอย่างด้วย ดูจากร่องรอยการกระเด็นแล้วเหมือนว่าเธอถูกราดหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะระบุรอยนิ้วมือ”

หลินชิวผูลูบคางพลางพูดพึมพำกับตัวเอง หัวถูกตัดออก ร่องรอยตามร่างกายก็ไม่สามารถระบุตัวตนได้ คดีนี้ค่อนข้างยากซะแล้ว

“ผู้กองหลิน อย่าขยับนะ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

หลิยชิวผูสะดุ้งตกใจ ขณะที่เขากำลังจะหันกลับไปเสียงของชายคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “อย่าขยับ คุณกำลังเหยียบอยู่บนบางอย่าง ค่อย ๆ เดินถอยออกมา”

หลินชิวผูค่อย ๆ ขยับเท้าตัวเองออกตามคำเตือนนั้น บริเวณซึ่งเขาเหยียบอยู่เป็นรอยยุบบาง ๆ บนพื้นหญ้า แต่เพราะมันตื้นเกินไปจึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น คนที่เตือนเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันแต่เป็นเฉินฉี เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนรีบเข้ามาถ่ายรูปและหาหลักฐานจากบริเวณนั้นทันที

เฉินฉีย่อตัวกุมเข่าตัวเองแล้วเริ่มวิเคราะห์ “ดูเหมือนเป็นรอยกดทับของกล่องขนาดใหญ่”

“ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา?” หลินชิวผูต่อว่าเขา

“ผมกำลังรอลูกค้า ก็เลยมาเดินเล่นฆ่าเวลาแถวนี้”

“ลูกค้าอะไรของคุณ?”

“คุณไม่มีความรู้เรื่องของวิชาชีพคนขับรถเหรอ? ทำไมผมต้องขับไปที่อื่นทันทีที่ส่งลูกค้าเสร็จแล้วล่ะ? ค่าแก๊สรถยนต์ไม่ใช่ถูก ๆ ถึงขนาดต้องขับวนหาลูกค้านะคุณ ผมต้องรอให้ลูกค้ากดเรียกในแอปก่อนถึงจะไปได้ หรือคุณว่าไม่จริงล่ะ?”

“แต่คดีนี้…”

“โอเค ผมจะกลับไปหลังจากตรวจดูอะไรอีกนิดหน่อย! แล้วก็... คุณพอจะมีถุงมือให้ผมสักคู่ไหม?”

หลินชิวผูรู้สึกหงุดหงิดมากแต่ทำอะไรไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นถุงมือยางคู่หนึ่งให้กับเฉินฉี หลินชิวผูคิดกับตัวเอง ‘ก็ได้! ฉันจะรอดูนายทำเรื่องขายหน้า การชันสูตรศพใช่ว่าใครจะทำก็ได้ นอกซะจากคนคนนั้นจะมีประสบการณ์มาแล้วหลายปี’

เฉินฉีทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ เขาขยับข้อต่อของผู้ตาย จากนั้นจึงกดผิวหนังด้านนอกบริเวณแขนและไหล่ของศพด้วยมือพร้อมพูดออกมา “ศพของผู้ตายแข็งตัวเต็มที่แล้ว กล้ามเนื้อบางส่วนของศพก็เริ่มคลายลงเพราะกล้ามเนื้อที่เริ่มเน่า สังเกตจากการเปลี่ยนแปลงภายใน ผิวของผู้ตายไม่เปลี่ยนสีเลยแม้จะถูกนิ้วออกแรงกดลงไป…” เขาวางมือลงบนหน้าท้องของผู้ตายแล้วกดลงดูสองสามครั้ง “บริเวณหน้าท้องบวมป่องออกมา ผมคาดว่าน่าจะมีเลือดคั่งอยู่ภายในช่องท้องเป็นจำนวนมาก”

หลินชิวผูเกิดความรู้สึกเหลือเชื่อ ขั้นตอนการบอกอาการและศัพท์ต่าง ๆ ที่เฉินฉีใช้ล้วนเป็นศัพท์เฉพาะวิชาชีพ แต่คนธรรมดาคนหนึ่งกลับรู้จักความหมายของพวกมันทั้งหมด แถมยังพูดได้อย่างคล่องปาก!

เฉินฉีตรวจดูบนพื้นหญ้าและบริเวณรอบพื้นหญ้าใกล้ ๆ กัน เขาสนใจบริเวณต้นหญ้าที่ศพนอนทับอยู่เป็นพิเศษ และพบดินแห้งบางส่วนอยู่ใต้ร่างของเธอ เขาพูดต่อ “ช่วงสองวันที่ผ่านมามีฝนตก สังเกตจากอุณหภูมิความชื้นที่มีความแตกต่างกันมาก ประกอบกับข้อมูลทั้งหมดที่พบแล้ว คาดว่าเวลาการเสียชีวิตน่าจะมากกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง จากขอบเขตคร่าว ๆ ไม่มีทางเหลื่อมล้ำกันเกินไปกว่าห้าชั่วโมง หลังทำการผ่าชันสูตรศพคงพบเจอรายละเอียดที่เหลือมากขึ้น”

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านข้างหยิบสมุดออกมาเตรียมพร้อมจดบันทึก ถึงอย่างนั้นเขาก็เหลือบมองหลินชิวผูเป็นเชิงขออนุญาตก่อน หลินชิวผูพยักหน้า “จดลงไปให้ครบ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด