ตอนที่แล้วบทที่ 35 คอนเสิร์ต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 ทำไมผมจะห้ามเธอไม่ได้!?

บทที่ 36 ตามล่าอาชญากรมีหมายจับ


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 36 ตามล่าอาชญากรมีหมายจับ

ทั้งคู่นั่งรอชมการแสดงไปสักพัก ทันใดนั้นหลินถงซูก็ได้ยินเสียงอุทานดังมาจากข้างหลัง “อะไรกันเนี่ย?!”

เมื่อเธอหันไปมองก็เจอกับสวีเสี่ยวตงที่กำลังมองเธอและเฉินฉีด้วยสายตาประหลาดใจ “พวกคุณก็มาด้วยเหรอ? ไหนบอกว่าจะไม่มาไง?!”

หลินถงซูเถียงเขา “ฉันแค่ปฏิเสธว่าจะไม่ไปกับคุณ แต่ไม่ได้พูดซะหน่อยนี่ว่าจะไม่มา”

สวีเสี่ยวตงยกมือขึ้นกุมอกของตัวเองไว้ทันที “เจ็บปวดเหลือเกิน!”

“คุณเองก็มีสาวมาดูคอนเสิร์ตเป็นเพื่อนแทนฉันแล้วนี่?”

“สาวอะไรกัน? นั่นเสี่ยวลี่จากหน่วยของเราไง!”

หลินถงซูหันไปมอง เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเสี่ยวลี่กำลังโบกมือทักทายพวกเขา พออยู่ในชุดนอกเครื่องแบบแล้วเธอไม่ทันสังเกตเลยว่าหญิงสาวคือเพื่อนร่วมงานนี่เอง เธอหันไปพูดกับสวีเสี่ยวตง “ยินดีด้วยนะ!”

“ยินดีกับตูดเธอสิ!” สวีเสี่ยวตงตบตามเสื้อผ้าของตัวเองแล้วชี้ให้เห็นจุดที่มีปืนอยู่ “ผมมาปฏิบัติการต่างหากล่ะ” เขาลดเสียงลง “มีบุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากร แถมยังมีหมายจับขึ้นหราอยู่ในเว็บไซต์ของตำรวจ สายรายงานว่าเขาอยู่ภายในงานคอนเสิร์ตนี้ หัวหน้าหลินเลยสั่งให้ผมมาคอยจับตาดูเขา คุณเห็นผู้ชายใส่หมวกที่นั่งอยู่ตรงแถวนั้นไหม?”

หลินถงซูมองตาม “จริงเหรอ? เขามีหมายจับด้วยหรือนี่?”

“ผมจะโกหกเธอไปทำไม?! พวกเรามาที่นี่เพื่อจับตาดูเขาโดยเฉพาะ แต่หมายจับมาถึงช้าทางหน่วยก็เลยติดต่อซื้อบัตรเข้างานไม่ทัน ผมเลยบอกไปว่าผมมีตั๋วอยู่สองใบ ดังนั้นหัวหน้าหลินจึงส่งผมมา เราคุยกับเจ้าของสถานที่จัดงานแล้ว และพวกเขาก็กลัวว่าเราจะสร้างความวุ่นวายใหญ่โตให้บรรดาผู้คนแตกตื่น ตอนที่พวกคุณเข้ามาเห็นรถคันสีดำจอดอยู่ด้านหน้าไหม? นั่นแหละกองกำลังจากสถานีตำรวจเรา คอนเสิร์ตจบเมื่อไหร่ผมจะออกคำสั่ง แล้วพวกเขาจะรีบบุกเข้ามาทันที”

“คุณเนี่ยนะออกคำสั่ง?” หลินถงซูยิ้มเยาะ “คุณแค่ทำงานตามที่ได้รับคำสั่งมาอีกทีหนึ่งเท่านั้นเอง!”

“แล้วพวกคุณล่ะ? กำลังเดตกันอยู่เหรอ?”

“เปล่า!” หลินถงซูกับเฉินฉีโพล่งขึ้นพร้อมกัน

เฉินฉีอธิบาย “เราแค่อยากมาดูคอนเสิร์ตด้วยกันเท่านั้น ต่างคนต่างก็ชื่นชอบศิลปินคนนี้ คุณอย่าเข้าใจผิดไป”

“ผมว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดไปเองแน่” สวีเสี่ยวตงพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่นัก พลางกวาดสายตามองขนมและเครื่องดื่มที่อยู่ในมือพวกเขา

“กลับไปนั่งที่ของคุณแล้วเฝ้าจับตาดูไปเงียบ ๆ เถอะ!” หลินถงซูสั่งเขา

“ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือก็บอกพวกเราได้” เฉินฉีหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา “คุณเมมเบอร์ผมเอาไว้ด้วยสิ”

หลังบันทึกช่องทางการติดต่อไว้เสร็จสรรพแล้ว สวีเสี่ยวตงก็ประกาศอย่างมั่นใจ “ไม่เป็นไร พวกเราน่าจะจัดการกันเองได้อยู่แหละ”

ทันใดนั้นชายสวมหมวกที่เป็นเป้าสายตาของพวกเขาก็หันไปมองรอบ ๆ เฉินฉีมองเขาและเขาก็มองหน้าเฉินฉีเช่นกัน พวกเขาประสานสายตากันอยู่ไม่กี่วินาที แล้วอาชญากรคนนั้นก็ไม่ได้หันกลับมาอีก

เฉินฉีกระดกกระป๋องเครื่องดื่ม “หมอนี่เริ่มตื่นตัวขึ้นนิดหน่อยแล้ว บอกให้สวีเสี่ยวตงคอยจับตาดูเขาไว้อย่าได้คลาดสายตาเชียว”

“ทำไมคุณทำตัวสงบจัง?” หลินถงซูถาม

“มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยนะที่จะมาจับอาชญากรที่คอนเสิร์ตของจางเสวโหย่วน่ะ จริงไหม?”

“หยุดพูดไปเรื่อยซะทีเถอะ!” หลินถงซูหัวเราะออกมา

จากนั้นคอนเสิร์ตก็เริ่มการแสดงอย่างเป็นทางการ บนเวทีมีการจุดพลุชุดใหญ่ เหล่าผู้ชมพากันลุกขึ้นส่งเสียงเชียร์ด้วยความตื่นเต้น เฉินฉีเหลือบไปเห็นสวีเสี่ยวตงกับเจ้าหน้าที่เสี่ยวลี่กระโดดโลดเต้นด้วยเช่นกัน แต่จู่ ๆ อาชญากรมีหมายจับกลับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปท่ามกลางผู้คนอย่างรวดเร็ว

“ไม่ดีแล้ว!” เฉินฉีตื่นตัวทันที แต่เสียงรอบข้างดังเกินไปทำให้หลินถงซูไม่ได้ยินเสียงของเขา

เฉินฉีเขย่าตัวหลินถงซูแล้วชี้ไปด้านหน้า เธอรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นว่าที่นั่งว่างเปล่า เธอตะโกนเรียกสวีเสี่ยวตงทันทีแต่อีกฝ่ายยังสนุกกับบรรยากาศน่าตื่นตาตื่นใจของคอนเสิร์ตจนไม่ได้ยินเสียงเรียก

เฉินฉีเริ่มวางแผนอย่างไม่รอช้าแล้วจับมือหลินถงซูวิ่งออกมา ช่วงเวลาคับขันดังกล่าวทำให้หลินถงซูไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อออกมาถึงทางเดิน ใบหน้าของเธอกลับแดงเห่อขึ้นมาและรีบดึงมือออกจากการกอบกุม

ชายสวมหมวกหายตัวไปในทางออกฉุกเฉิน เฉินฉีไล่ตามเขาไปพร้อมกดโทรหาสวีเสี่ยวตงด้วย แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสายสักที

ทั้งคู่ไล่ตามชายคนนั้นมาถึงด้านนอกพื้นที่จัดงาน หลินถงซูอดโมโหไม่ได้ “รอพวกเรากลับไปก่อนเถอะ สวีเสี่ยวตงต้องถูกลงโทษทางวินัยฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ซะบ้าง”

“จับคนให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” เฉินฉีเห็นคนร้ายกำลังวิ่งข้ามแปลงดอกไม้ด้านนอก “เขาอยู่นั่น!”

พวกเขาวิ่งไล่ตามชายคนนั้นไปจนถึงลานจอดรถใต้ดิน ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นแสงไฟสว่างจ้าจากหน้ารถสาดมาจนตาพร่า เฉินฉีสั่ง “ชักปืนมายิงล้อสกัดไว้!”

“ฉันไม่ได้พกมา!”

เมื่อเห็นว่ารถพุ่งตรงเข้ามาใกล้จะชนอยู่รอมร่อ เฉินฉีก็หันไปกอดหลินถงซูเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณและกระโดดหลบไปด้านข้าง เสียงด่าระคนเยาะเย้ยดังออกมาจากภายในรถที่มีอาชญากรหนีหมายจับคันนั้น “ไอ้พวกตำรวจหน้าโง่!”

หน้าหลินถงซูกลายเป็นสีแดงอีกครั้งเมื่อถูกเฉินฉีกอดไว้แนบชิด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องไร้สาระพวกนั้น เฉินฉีรีบผละออกและวิ่งยังรถของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนขับไปยังทางออกของลานจอดรถ รถยังไม่ทันจอดสนิท หลินถงซูก็เปิดประตูและก้าวขึ้นรถแล้ว “โอ๊ย!”

“เป็นอะไรไหม?” เฉินฉีถามขณะมองไปด้านหน้าพร้อมหมุนพวงมาลัย

“รองเท้าฉันหลุด! ฉันเพิ่งซื้อมาจากช็อป Daphne เองนะ!” หลินถงซูคร่ำครวญด้วยความเสียดาย

เฉินฉีขับผ่านรถคันสีดำแล้วตะโกนเสียงดัง “อาชญากรหนีไปแล้ว! เร็วเข้า! รีบไล่ตามเขาไป!”

ตำรวจภายในรถไม่รู้ว่าเฉินฉีเป็นใครเลยไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พยายามติดต่อหาสวีเสี่ยวตงเพื่อความแน่ใจ แต่พบว่าสายของอีกฝ่ายกลับไม่ว่าง

ขณะเดียวกันนั้นสวีเสี่ยวตงเพิ่งรู้ตัวว่าชายมีหมายจับหนีหายไปแล้ว หนำซ้ำเขาเพลิดเพลินกับหน้างานจนลืมตัวทำให้ไม่ได้รับสายของเฉินฉี พอโทรกลับก็ได้ยินแต่เสียงเพลง ‘ถ้านี่ไม่ใช่ความรัก’ เป็นเสียงรอสาย สักพักเมื่อปลายสายกดรับเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าหงุดหงิด “พี่เฉิน ไอ้หมอนั่นวิ่งหนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? พี่ทันเห็นเขาไหม?”

“ตอนนี้ผมกำลังไล่ตามเขาอยู่! ป้ายทะเบียนรถของเขาคือ… บอกให้เจ้าหน้าที่รีบขับตามผมมาด้วย”

“โอเค!”

“ส่วนคุณไม่ต้องตามมาหรอก ช่วยไปที่ทางเข้าโรงจอดรถใต้ดิน จะมีรองเท้ายี่ห้อ Daphne ของผู้หญิงหล่นอยู่ข้างหนึ่ง มันเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เพราะงั้นคุณต้องเก็บมาให้ได้นะ” หลังจากอธิบายอย่างรวดเร็วแล้วเฉินฉีก็กดวางสาย

หลินถงซูมองไปที่เฉินฉีด้วยสายตาเหลือเชื่อ เฉินฉียิ้มแล้วพูดปลอบเธอ “ไม่ต้องห่วงนะ เราจะจับหมอนั่นให้ได้ และคุณก็จะได้รองเท้าคืนด้วย… รีบคาดเข็มขัดเร็ว!”

เฉินฉีพูดพลางดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้ตัวเอง จากนั้นก็เหยียบคันเร่งตามไฟท้ายของรถคันหน้าไป

อาชญากรหนีหมายจับฝ่าไฟแดงตามแยกไปแล้วหลายครั้ง แต่เฉินฉีขับตามอีกฝ่ายไปอย่างกระชั้นชิดจนทันในที่สุด ระยะห่างของรถทั้งสองคันเริ่มเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ชายคนนั้นเริ่มอยู่ไม่สุขจนหยดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เขาเปิดกระจกและตะโกนด่าอีกครั้ง “ไอ้ตำรวจบ้าเอ๊ย! ไสหัวไปซะ! กูฆ่าพวกมึงให้ตายได้นะโว้ย!”

เฉินฉีไม่สนใจเขาและรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรหาหลินชิวผู หลินถงซูรีบถามทันที “ทำไมคุณต้องโทรหาเขาด้วย!?”

เมื่อปลายสายกดรับแล้วเขาจึงเปิดลำโพง “ผู้กองหลิน ตอนนี้ผมกำลังขับรถไล่ตามอาชญากรมีหมายจับอยู่!”

“อะไรนะ!? แล้วสวีเสี่ยวตงไปไหนซะล่ะ?”

“เขาตามมาไม่ทัน ตอนนี้มีแค่ผมที่ไล่ตามจนรถจะจูบท้ายมันอยู่แล้ว!”

“ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้…”

“นี่ไม่ใช่เวลามาซักไซ้ไม่เข้าเรื่องนะ ผมคิดว่าจะขับรถตัวเองชนรถคนร้ายซะ ถ้าทำแบบนั้นแล้วผมจะได้เงินค่าซ่อมรถคืนไหม?”

“บ้าไปแล้วรึไง? ตอนนี้คุณอยู่บนถนนสายไหน? ผมส่งคนไปช่วยเหลือคุณน่าจะง่ายกว่า”

“ตอบมาก่อน จะชดเชยค่าซ่อมรถให้ผมไหม?!”

เมื่อได้ยินว่าหลินชิวผูยังอ้ำอึ้งลังเลไม่ยอมตัดสินใจซะที หลินถงซูจึงช่วยตะโกนอีกแรงด้วยความกระวนกระวาย “พี่ชาย อาชญากรเกือบจะหนีไปได้อยู่แล้วนะคะ ไม่มีเวลามามัวคิดแล้ว!”

“ชดใช้! เดี๋ยวผมชดใช้ให้เอง! จ่ายให้เต็มจำนวนเลย!” หลินชิวผูจำใจยอมอย่างหมดหนทาง “คุณต้องจับเขาให้ได้… เดี๋ยวก่อน ทำไมพวกคุณถึงไปอยู่ด้วยกันได้ล่ะเนี่ย?”

“ขอบคุณมากครับ!” เฉินฉีกดวางสายไป

เขาหันไปเตือนหลินถงซู “นั่งให้ดี ๆ ล่ะ” ว่าแล้วจึงหักพวงมาลัยอย่างมั่นคงจนหัวรถพุ่งเข้ากระแทกกับรถที่แล่นขนาบข้างมาโดยแรง ทำให้ล้อรถยี่ห้อ Volkswagen ลื่นไถลไปตามถนนเพราะเสียหลัก

อาชญากรในรถกัดฟันแล้วหักพวงมาลัยชนกระแทกคืนทันที หลินถงซูตกใจสุดขีด รู้สึกราวอวัยวะภายในทุกส่วนกำลังสั่นสะเทือน

“แกกล้าดียังไงมาชนรถสุดที่รักของฉัน!” เฉินฉีแค่นเสียงคำรามก่อนหักพวงมาลัยชนกระแทกเข้าไปที่รถของอาชญากรอีกครั้ง คราวนี้รถเสียหลักถึงขั้นไถลไปชนกับต้นไม้ข้างทางจนเครื่องดับ ชายคนร้ายรีบถีบประตูเดินออกมาจากรถแบบกะโผลกกะเผลก

เฉินฉีเหยียบเบรกทันที ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูลงจากรถทันที อีกฝ่ายซึ่งอยู่ในอาการตระหนกวิ่งข้ามถนนเพื่อหลบหนี ตอนนั้นเองรถบรรทุกคันหนึ่งซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วเหยียบเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าเต็ม ๆ จนร่างของเขาหมุนเคว้งไปในอากาศเจ็ดร้อยยี่สิบองศา ทั้งยังกระเด็นไปไกลก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้นถนน

หลินถงซูกลัวมากจึงรีบยกมือขึ้นมาปิดตาไว้ไม่ให้เห็นภาพน่าสยดสยอง เมื่อเธอได้สติกลับคืนมา อาชญากรคนดังกล่าวกลับนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนนโดยปราศจากการขยับเขยื้อนเสียแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด