ตอนที่แล้วWS บทที่ 298 กรงเพลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 300 ให้มากสุด 100ปี

WS บทที่ 299 สัญญาทาส


ก่อนหน้านี้ พลังจิงของนักเวทย์ชราดูเหมือนจะหมดลงทุกเวลาแต่ตอนนี้พลังมหาศาลได้ส่องประกายไปทั่วร่างกายของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชั้นของเปลวเพลิงที่ปกคลุมเขานั้นลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ขับไล่เปลวไฟของกรงเพลิงออกไปอย่างแผ่วเบา

การปรากฏตัวอันยิ่งใหญ่นี้ทำให้เมอร์ลินหยุดนิ่งแต่เขาหาได้กลัวนักเวทย์ชราไม่ ตอนนี้เขาอยู่บนเรือของนิโคล่า เขาจึงไม่กลัวใครเลย นอกจากนี้ พวกเขาอยู่ในกรงเพลิงซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครสามารถทนเพลิงนรกของที่นี่ได้ แม้ว่านักเวทย์ชราจะทนได้แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น

เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินยังคงเยือกเย็นและไม่สะทกสะท้านต่อพลังที่นักเวทย์ชราปล่อยมาเมื่อกี้ นั่นทำให้นักเวทย์ชรารู้สึกท้อแท้ในทันที เปลวเพลิงรอบ ๆ รอบตัวเขาก็ลดลงและเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาบนใบหน้าของเขา

ดูเหมือนว่าการระเบิดพลังก่อนหน้า มันไม่ใช่สิ่งที่นักเวทย์ชราจะทำได้ง่าย ๆ ใครจะรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน?

นักเวทย์ชราจ้องมองเมอร์ลินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หดหู่และเศร้าสร้อยว่า “เฉพาะผู้ที่ได้รับแม็กซิมแห่งไฟของจอมเวทย์ในตำนาน นิโคล่าเท่านั้นที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในกรงเพลิง ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นนักเวทย์ที่เอาชนะด่านทดสอบทั้งสามได้สำเร็จและได้ครอบครองแม็กซิมแห่งไฟของจอมเวทย์นิโคล่า!”

นักเวทย์ชราเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่อาจเข้าใจได้ ปรากฎว่าพลังงานที่ระเบิดออกมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงความองอาจของเขา

"โอ้? คุณรู้เกี่ยวกับจอมเวทย์ในตำนานนิโคล่ากับแม็กซิมแห่งไฟด้วยงั้นหรือ?”

เมอร์ลินเลิกคิ้วขึ้น ความสนใจของเขาถูกกระตุ้นโดยคำพูดของนักเวทย์ชรา ท้ายที่สุด เรือของนิโคล่าก็ถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรและเปลวไฟได้กล่าวว่าทุกคนที่เข้ามาในเรือของนิโคล่าก็ถูกเปลวไฟลากเข้ามา ถ้าไม่สามารถผ่านด่านทดสอบทั้งสามได้ ก็คงไม่รู้ว่าสมบัติบนเรือของนิโคล่าคืออะไร

“แน่นอน ข้ารู้เรื่องนี้ดี ข้ามาที่นี่เพื่อครอบครองแม็กซิมห่งไฟของจอมเวทย์ในตำนานนิโคล่าที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง! ก่อนหน้านั้น ข้าพบข้อความที่จอมเวทย์นิโคล่าทิ้งไว้โดยบังเอิญและรู้ว่าเขาได้ทิ้งแม็กซิมแห่งไฟไว้ที่ก้นทะเล ข้าไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนแต่ข้าพอเดาได้คร่าว ๆ ว่ามันอยู่ที่ไหน

ดังนั้น ข้าจึงเฝ้ารออย่างไม่ลดละเป็นเวลาหลายสิบปีและในที่สุด ความพยายามของข้าก็ไม่สูญเปล่า ข้าถูกลากเข้ามาที่นี่แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเอาชนะปฏิมากรอัคนีได้”

ปรากฏว่านักเวทย์ชรามาที่นี่ด้วยความตั้งใจของตัวเอง เขาต้องการแม็กซิมแห่งไฟที่จอมเวทย์นิโคล่าทิ้งไว้ บางทีจอมเวทย์นิโคล่าก็คงกลัวจะไม่มีคนพบสถานที่แห่งนี้จึงทิ้งข้อความไว้

ในทุก ๆ ศตวรรษหรือประมาณนั้น เปลวไฟจะลากเหล่านักเวทย์เข้ามาในเรือของนิโคล่า ดังนั้นนักเวทย์ชราจึงรอคอยรอบ ๆ บริเวณนั้นและเขาจะถูกนำมาที่นี่ในที่สุด

ทันทีที่นักเวทย์ชราพูดจบ ความเงียบก็ปกคลุมกรงเพลิง ในที่สุด นักเวทย์ชราก็พูดอีกครั้งว่า “เจ้าได้รับแม็กซิมแห่งไฟไปแล้วและทีนี้เจ้าจะทำอะไรกับข้า”

“ทำกับคุณ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมอร์ลินก็มองดูนักเวทย์ชราอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเขาจะดูค่อนข้างน่าสงสารแต่แน่นอนว่าเขาต้องมีความสามารถอันทรงพลังในการเอาตัวรอดในกรงเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวนี้และคงอยู่ต่อไปอีกหลายปีโดยไม่ตาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การระเบิดพลังที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านี้นั้น มันบ่งว่าเขาเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ด

เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินดูเหมือนจะลังเล นักเวทย์ชราก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ข้ามีชื่อว่า แบมมู หากปล่อยข้าออกไป ข้ายินดีที่จะให้สัญญาสามประการแก่เจ้า! ถ้าเจ้าไม่เชื่อใจข้า ข้าเราสามารถลงนามสัญญาได้!”

“สามสัญญา? พ่อมดแบมมู ฉันเกรงว่าคุณจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของคุณที่นี่เลยนะ ฉันเป็นผู้ควบคุมเรือของนิโคล่าและชีวิตของคุณก็อยู่ในมือของฉันเช่นกัน คุณคิดว่าฉันจะสนใจคำสัญญาเล็ก ๆ สามข้องั้นเหรอ?”

เมอร์ลินหัวเราะอย่างเย็นชา ผู้ชายคนนี้มีความคิดที่เฉียบแหลมจริง ๆ โดยใช้เพียงสามสัญญาเพื่อแลกกับอิสรภาพ

ถ้าหากเขาหากพ้นออกจากกรงเพลิง เมอร์ลินอาจต้องตกอยู่ในอันตราย แล้วสัญญาทั้งสามจะมีประโยชน์ได้อย่างไร?

ดังนั้น เมอร์ลินจึงไม่หลงกลที่โง่เขลาเช่นนี้

เมื่อพ่อมดแบมมูเห็นสีหน้าของเมอร์ลิน เขาก็ขมวดคิ้ว “แม้ว่าเจ้าจะได้รับแม็กซิมแห่งไฟแต่เจ้าก็ยังปรับแต่งมันไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะผ่านด่านทดสอบทั้งสามมาได้แต่เจ้าก็คงอาศัยกลอุบายบางอย่างอย่างแน่นอน เพราะความสามารถของเจ้าไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น หากเจ้าตกลงที่จะปล่อยข้าไป เราสามารถลงนามสัญญากันได้และข้าจะไปกับเจ้าและปกป้องเจ้าเป็นเวลาสิบปี!”

พ่อมดแบมมูเสนอข้อเสนออื่นขึ้นมาแทนที่ทันทีและเป็นข้อเสนอที่ฟังเข้าท่ามาก

ทางด้านเมอร์ลิน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อมดแบมมูจะต้องเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดที่เปลวไฟได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้

หลายปีผ่านไป พ่อมดแบมมูยังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถต้านทานเปลวเพลิงของกรงเพลิงได้และเป็นมากกว่านักเวทย์ระดับเจ็ดทั่วไปอย่างแน่นอน การได้รับการปกป้องจากพ่อมดที่ทรงพลังเช่นนี้เป็นเวลาสิบปีก็ฟังดูเป็นทางเลือกที่ดี

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมอร์ลินยังคงส่ายหัว

ใบหน้าของพ่อมดแบมมูเย็นชาและเขาพูดเสียงแหบ “เจ้าปฏิเสธข้อเสนอทั้งสองนี้ เจ้าต้องการอะไรเพื่อแลกกับการปล่อยให้ข้าเป็นอิสระ!!”

เขาต้องทนทุกข์ทรมานในกรงเพลิงทุกวัน แม้ว่าพ่อมดแบมมูจะสามารถบังคับตัวเองให้มีชีวิตอยู่ได้ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้ไปได้เลย แน่นอนว่าเขาต้องการคว้าโอกาสเดียวที่จะออกไปจากกรงเพลิง

“คุณต้องลงนามสัญญาทาสระดับสูงสุดกับฉัน แล้วฉันจะปล่อยคุณออกไป!” รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมริมฝีปากของเมอร์ลินขณะที่เขาพูดอย่างใจเย็น

"อะไรนะ? สัญญาทาส? ไม่มีทาง!! แม้ว่าข้าจะตายในกรงเพลิง ข้าจะไม่มีวันลงนามสัญญาทาสกับเจ้าเด็ดขาด!”

เมื่อได้ยินคำขอของเมอร์ลิน พ่อมดแบมมู ดูเหมือนจะไม่คิดอะไรและปฏิเสธทันที ยิ่งกว่านั้นเสียงของเขาฟังดูค่อนข้างขุ่นเคือง

ในบรรดาสัญญาประเภทต่าง ๆ สัญญาทาสเป็นสิ่งที่เอารัดเอาเปรียบมากที่สุด สำหรับนักเวทย์ที่ลงนามในสัญญาทาส ทุกสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของรวมถึงชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือของเจ้านายของพวกเขา เจ้านายของพวกเขาสามารถปลิดทิ้งชีวิตอย่างง่ายดายโดยที่ทาสไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย

แม้แต่นักเวทย์ระดับเริ่มต้นก็ไม่ต้องลงนามสัญญาที่รุนแรงเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับนักเวทย์ระดับเจ็ดอย่างพ่อมดแบมมู

หลังจากลงนามในสัญญาระดับสูงสุดในดินแดนมนต์ดำแล้ว เมอร์ลินก็ได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาประเภทต่าง ๆ อนึ่ง เขาได้เรียนรู้รายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับสัญญาทาสและด้วยวิธีนี้ เขาจึงได้รับความรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของสัญญาที่โหดร้ายเช่นนั้น

พ่อมดแบมมูเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดและไม่ใช่คนธรรมดาในตอนนั้น ถ้าเมอร์ลินปล่อยเขาเป็นอิสระ เมอร์ลินจะต้องควบคุมเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นการลงนามในสัญญาทาสจึงเป็นวิธีเดียว

“พ่อมดแบมมู อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจในเรื่องนี้ ฉันจะรอที่นี่เป็นเวลาสามวัน ถ้าถึงตอนนั้นคุณยังไม่อยากลงนามสัญญาทาส ก็เชิญคุณเพลิดเพลินกับเวลาที่เหลือในที่แห่งนี้ตลอดไป”

ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงหันหลังออกจากกรงเพลิงแต่เขาก็ไม่ได้ไปไกลเกินไป เขาจะรอที่นี่สามวัน

จากจุดนี้ เมอร์ลินยังคงเห็นทุกการเคลื่อนไหวของพ่อมดแบมมู ดูเหมือนจะมีชั้นของไฟจาง ๆ อยู่รอบๆ ตัวซึ่งต้องเป็นคาถาของพ่อมดแบมมู อย่างไรก็ตาม คาถาประเภทไฟนั้นดูค่อนข้างคล้ายกับเปลวไฟของกรงเพลิง

ขั้นเปลวไฟพวกนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อมดแบมมู สามารถทนต่อความร้อนของกรงเพลิงได้ และด้วยเหตุนี้ เขาจึงรอดชีวิตมาได้จนถึงปัจจุบัน

เมอร์ลินหลับตาลงเบา ๆ เขาเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขาและตรงไปที่แม็กซิมแห่งไฟ จาดนั้นเขาสามารถควบคุมเรือของนิโคล่าได้ในทันที ทุกมุมของเรือทุกลำปรากฏในใจของเมอร์ลิน

ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินไม่พบกรงเพลิง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางควบคุมมันได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพบมันแล้ว เมอร์ลินมีความสามารถในการควบคุมกรงเพลิงผ่านคำสั่งของเรือนิโคลาของแม็กซิมแห่งไฟ

ด้วยความคิดเดียวจากเมอร์ลิน เสารูนสิบหกตัวที่ล้อมรอบกรงเพลิงเริ่มสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้นตัวอักษรรูนลึกลับก็บินเข้าไปในกรงเพลิง

*บูม!*

ทันทีที่อักษรรูนเหล่านี้เข้าไปในกรงเพลิง เปลวเพลิงทั่วทั้งที่คุมขังก็พุ่งพล่านอย่างดุเดือดราวกับว่ามีใครคนหนึ่งเทน้ำมันลงไป พวกเขาเผาไหม้อย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

เมอร์ลินหัวเราะเบา ๆ “พ่อมดแบมมู ขอให้คุณสนุกกับสิ่งเหล่านี้เป็นเวลาสามวัน ถ้าคุณสามารถทนได้สามวันนี้ ฉันอาจจะพิจารณาปล่อยคุณออกไปก็ได้”

ใบหน้าของพ่อมด แบมมูเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและความผันผวนของธาตุไฟทั่วร่างกายของเขาก็รุนแรงผิดปกติ ชั้นของเปลวเพลิงที่ปกคลุมร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย

นี่เป็นกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเมอร์ลิน พ่อมดแบมมูเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากเขา ตัวเขานั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่โหดเหี้ยม มันต้องเป็นคนที่ฆ่าคนอื่นจำนวนมากเท่านั้นที่จะปล่อยกลิ่นอายเช่นนี้ออกมา

พ่อมดแบมมูรู้สึกขมขื่นอย่างขมขื่น เมอร์ลินไม่รีบร้อนและมีเวลาเหลือเฟือ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกรงเพลิง เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ถ้าเขาพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาสามารถลากพวกเขาไปที่เรือของนิโคล่าและโยนพวกเขาเข้าไปในกรงเพลิงและพวกเขาต้องไม่รอดอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เรือของนิโคล่าไม่สามารถอยู่บนบกได้ มันทำได้แค่เดินทางในใต้มหาสมุทรเท่านั้น ถ้าหากมันไปไหนได้ทุกที่ มันคงจะช่วยเมอร์ลินได้มาก!

“เฮอะ ให้ข้ายอมจำนนด้วยวิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องผิดหวัง!” พ่อมดแบมมูจ้องไปที่เมอร์ลินและกัดฟันในขณะที่เขาพูด

เมอร์ลินไม่สนใจนักเวทย์ชราและมาตรวจดูคาถาในร่างกายของเขาแทน เขาเพิ่งสร้างคาถาระดับสองสี่ครั้งติดต่อกัน นอกจากนี้ เขาได้ใช้หินธาตุจำนวนมากเพื่อสร้างพลังเวทย์จำนวนหนึ่งในโครงสร้างคาถาเหล่านี้

เมอร์ลินไม่ได้ใช้เวลามากเกินไปกับคาถาอื่น ๆ แต่กลับมุ่งความสนใจไปที่คาถาธาตุไฟระดับสอง นั่นคือทะเลเพลิงแห่งการชำระ

ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินอาศัยการปราบปรามของแม็กซิมแห่งไฟเพื่อบังคับให้เพลิงวินาศรวมเข้ากับคาถาธาตุไฟของเขา ตอนนี้เขาได้สร้างคาถาธาตุไฟระดับสองแล้ว เขาต้องการดูว่าเพลิงวินาศจะสามารถรวมเข้ากับทะเลเพลิงแห่งการชำระได้หรือไม่

“ทะเลเพลิงแห่งการชำระ!”

เมอร์ลินร่ายคาถาธาตุไฟระดับสอง ทะเลเพลิงแห่งการชำระเป็นครั้งแรก เปลวไฟปรากฏขึ้นกลางอากาศต่อหน้าเขาทันที

เปลวไฟที่โหมกระหน่ำคำรามด้วยพลังซึ่งเห็นได้ชัดว่า มันแข็งแกร่งกว่าคาถาระดับหนึ่ง เพลิงพิโรธอเป็นย่างมาก อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาจ้องมองไปที่เปลวเพลิงของทะเลเพลิงแห่งการชำระ คิ้วของเมอร์ลินก็ค่อย ๆ เริ่มขมวดเข้าหากัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด