ตอนที่แล้วอสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 20 เล้งซาน ปะทะ อี้หลงหวัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 22 หนีตาย

อสูรมังกรฟ้า เล้งซาน ตอนที่ 21 ตัดสิน


พลังลมปราณสีม่วงเปล่งประกายเจิดจ้า ทุกคนโดยรอบรับรู้ได้ถึงปริมาณอันมหาศาล หากไม่เห็นด้วยตาคงไม่มีผู้ใดเชื่อว่าเป็นปราณชั้นสีม่วง ที่นับได้ว่าต่ำต้อยที่สุด จะถูกแผ่ออกมาได้มหาศาลเท่านี้ กินพื้นอาณาเขตร่วม 100 ฟุต โดยมีศูนย์กลาง คือ เล้งซาน

จากนั้นพลังที่แผ่กระจายออกมาทั้งหมดถูกบีบอัด เข้ามาอยู่ในฝ่ามือทั้งสองข้าง เล้งซานกางแขนทั้งสองเตรียมรับปราณกระบี่ สีครามจำนวนนับไม่ถ้วน

จากก่อนหน้านี้ที่ทั้งเวทีถูกครอบคลุมด้วยปราณสีม่วงของเล้งซาน ในชั่วอึดใจเดียวตอนนี้แทบทั้งเวทีถูกห่อหุ้มด้วยปราณกระบี่ สีคราม จำนวนมหาศาลที่ปล่อยออกจากร่างของ อี้หลงหวัง อย่างต่อเนื่องเป้าหมายทั้งหมดของปราณกระบี่นั้นมิใช่อื่นใด ปราณกระบี่ปิดล้อมทุกทิศทาง ในลักษณะครึ่งทรงกลมคว่ำใส่พื้นเวที โดยมีจุดกึ่งกลางที่เป็นเป้าหมายของพลัง นั่นคือ เล้งซาน!!

"เล้งซาน นี่คือกระบวนท่า ปราณกระบี่ คลุมสวรรค์ มันเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า หากเจ้าจะยอมแพ้ก็จงกล่าวออกมาซะ มิเช่นนั้นกระบวนท่านี้ จะทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัส หรืออาจถึงแก่ชีวิต!!"

"ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม เชิญ!!" มือที่กางออกของเล้งซานยังคงห่อหุ้มด้วยการบีบอัดลมปราณสีม่วงเปล่งประกาย

อี้หลงหวัง หรี่ตาลงเล็กน้อย

"ปราณกระบี่ คลุมสวรรค์!!"

สิ้นเสียงของ อี้หลงหวัง ปราณกระบี่ทุกสาย พุ่งเข้าใส่เล้งซาน ในทันที!!

"เทพพิโรธถล่มฟ้า!!"

ตู้มมมมมมมมมมมมม!!

พลังลมปราณจำนวนมหาศาลที่ถูกบีบอัด ในมือทั้งสองข้างระเบิดออกฉีกกระชากปราณกระบี่ สีคราม ที่ห่อหุ้มรอบตัวเล้งซาน ในทันที

ปราณกระบี่ที่ยังคงพุ่งออกจากร่างของอี้หลงหวัง กลับถูกเทพพิโรธ กลืนกินมิต่างจากแมลงบินเข้าเปลวเพลิง!!

หลังจากถูกหักล้างด้วยปราณกระบี่ เทพพิโรธยังคงเหลือพลังกว่า 5 ส่วน ถาโถมโหมเข้าใส่ร่างของอี้หลงหวัง

อี้หลงหวัง หน้าซีดราวกับโลหิตบนในหน้าหายไปหมด ความหวาดกลัวแทรกซึมเข้าไปในใจ เทพพิโรธที่อยู่เบื้องหน้ามันตอนนี้ ทำให้มันรู้สึกราวกับมันยืนอยู่ตีนภูเขาหิมะ ขณะที่หิมะถล่ม!!

ร่างของอี้หลงหวังสั่นเทา ยืนแข็งค้างมิอาจขยับตัวได้ชั่วขณะ ม่านตาเบิกกว้าง ความตายอยู่ห่างจากมันเพียงก้าวเดียว ความสิ้นหวังมาเยือนโดยทันที

แต่ขณะที่ อี้หลงหวัง ยอมจำนนต่อมัจจุราชที่มีนามว่าเทพพิโรธแล้วนั้น!!

กลับมีมือหนึ่งข้างโอบเข้าที่เอว ของมันโดยมิทันได้ตั้งตัว พริบตาที่เทพพิโรธเข้ามาในระยะ 3 ก้าว ราวกับมิติโดยรอบ ถูกกระชากบิดเบือนด้วยความเร็ว เมื่ออี้หลงหวัง รู้สึกตัวอีกที ร่างของมันมาอยู่ที่ด้านหลังของ เทพพิโรธแล้ว

ตู้มมมมมมมมมมม!!

เสียงดังสนั่น พื้นดินสั่นไหวเล็กน้อย ครึ่งหนึ่งของเวทีฝั่งของ อี้หลงหวังหายไปในทันที!! เหลือทิ้งไว้เพียงหลุมลึกขนาดกว้างรัศมีกว่า 5 เมตร

หากเหล่ากรรมการ กางม่านลมปราณคุ้มกันโดยรอบไม่ทัน คงมีผู้เข้าชมโดยรอบบาดเจ็บนับสิบ

"คุณชายอี้หลง หากท่านยังกอดข้ามิปล่อยเช่นนี้ เกรงว่า....ผู้พบเห็นอาจเข้าใจผิดได้"

คำพูดนี้ของเล้งซาน ดึงสติของ อี้หลงหวัง มาในทันทีร่างของนางถูกอุ้มโดย เล้งซาน ด้วยท่าอุ้มเจ้าสาว แขนทั้งสองข้างของนางโอบคว้า อยู่ที่คอของเล้งซาน หน้าของนางแดงขึ้นราวกับผลไม้สุกงอมที่รอการเก็บเกี่ยว

"ปะ...ปะ..ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"

อี้หลงหวัง สะบัดร่างออกจากการโอบกอดในทันที ในหน้ายังคงแดงก่ำ ไม่รู้ว่า เป็นเพราะโกรธ?? หรือเขินอาย?? นางยกแขนที่สั่น ชี้นิ้วมาที่ เล้งซาน

"จะ..จะ..เจ้า ช่างเป็นผู้ฉวยโอกาสนัก!!" หน้าของนางดูแล้วโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด

"ก็ข้าเห็นว่าคุณชายอี้หลง มิย่อมหลบเลี่ยงกระบวนท่าของข้า ข้าก็เป็นห่วงเกรงว่าใบหน้าที่งดงามของ แม่..เอ้ย! ของคุณชายจะมีริ้วรอย จึงได้ช่วยท่านหลบเลี่ยงเล็กน้อย เท่านั้นเอง" เล้งซานแสยะยิ้ม พลางขยับมือทั้งสองข้างไปไขว้ด้านหลัง

"หากท่านยังต้องการประลองต่อก็ เชิญเข้ามาได้เลย"

ใบหน้าของ อี้หลงหวัง ค่อยๆซีดลง คำกล่าวของเล้งซาน เหมือนการย้อนความจำที่น่าหวาดกลัวภายในจิตใจของอี้หลงหวัง มันเรียบเรียงความทรงจำทั้งหมด จึงได้รู้ว่า เล้งซาน คือผู้ดึงร่างมันออกจากมือมัจจุราช!! แต่ก็เป็นมัจจุราชที่ เล้งซาน มันสร้างขึ้นมาเอง!!

อี้หลงหวังจึงกลับมาสำรวมกิริยาท่าทางที่สง่างามดังเดิม พลางส่ายหน้าเล็กน้อย หันหน้าไปทางผู้ชม และประสานมือขึ้น

"เรียนท่านกรรมการ ข้าอี้หลงหวัง แห่งพรรคกระบี่เหิน ขอยอมแพ้"

หลังสิ้นเสียงของอี้หลงหวัง เสียงรอบเวทีกระหึ่มขึ้นในทันที!!

"มันเอาชนะอี้หลงหวังได้!!"

"บัดซบ!! ทำไมพลังทำลายของมันถึงมากมายเช่นนี้"

"กรี๊ดดดดดดดดด คุณชายเล้ง!!"

"อัจริยะอันดับ 1 เปลี่ยนคนแล้ววววว"

ภายในเมืองเมฆคราม หลังจากนี้ มิเกินครึ่งวัน ทุกคนคงได้รู้จักเล้งซาน แห่งหมู่บ้าน เมฆาล่อง เป็นแน่!!

เสวียนอู่จิงฉาน ที่รับหน้าที่เป็นกรรมการชี้ขาดขมวดคิ้ว เป็นปม

"กระบวนท่าสุดท้ายของมัน ช่างคล้ายวิชาของเผ่าเทพยิ่งนัก หรือมันจะมิใช่มนุษย์?? ไม่สิไม่น่าเป็นไปได้ เผ่าเทพจำต้องมีปีกสีขาวที่กลางหลัง และผมของพวกเผ่าเทพจะเป็นสีทองอร่ามทุกตน เล้งซาน ผู้นี่เป็นใครกันแน่??"

แม้จะสงสัย แต่เสวียนอู่จินฉาน ก็มิได้ถามเล้งซานโดยตรง

สำหรับมนุษย์โดยทั่วไปแล้ว ย่อมไม่รับรู้ว่า ยังมีเผ่าเทพ และเผ่าอสูร อีก 2 เผ่าพันธุ์ มีตัวตนอยู่ เพราะการที่จะเปิด มิติเคลื่อนย้ายจากโลกหนึ่ง ไปยังอีกโลกนั้นนับว่า ยากมาก!!

ทำให้ผู้ที่รู้เรื่องราวการมีตัวตนของเผ่าเทพ และเผ่าอสูร ในโลกมนุษย์นั้น มีเฉพาะตระกูลชั้นนำที่มีประวัตินับพันปี ของทวีปเท่านั้น!!! ซึ่งราชวงศ์เสวียนอู่ คือหนึ่งในนั้น

"ข้าขอประกาศ ผู้ชนะการประลองผู้เยาว์ ณ เมืองเมฆครามในปีนี้ ได้แก่ เล้งซาน แห่งหมู่บ้าน เมฆาล่อง !!"

กรรมการประกาศบนเวที

เซี่ยวหลินหลุนร่างสั่นสะท้าน ด้วยความดีใจ

"มะ..มะ..มัน ชนะเลิศ...มันชนะเลิศ จริงๆ ฮ่าๆๆ"

"นับว่าเกินความคาดหมายของเรามากนัก" ชุนเกียงตู้กล่าว

โดยรอบเวทีเกิดคำถามเต็มไปหมด มันเป็นใคร? มาจากไหน? อยู่สำนักไหน? แต่ก็ล้วนไม่มีคำตอบในคำถามแต่อย่างใด เพราะเล้งซานไม่มีประวัติในเมืองนี้แม้แต่น้อย

"เจ้าเด็กโง่ รีบหาทางหนีเร็วเข้า" เสียงของเฟรย่าดังขึ้น

"มีอะไรหรือเฟรย่า?" เล้งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย มันยังยืนรอรับรางวัลชนะเลิศอยู่บนเวที

"มีผู้ใช้ลมปราณชั้นสูงจำนวนมากมาทางนี้ และเราสัมผัสได้ว่าทุกคนล้วนใช้ปราณอัคคี!!"

"ทะ..ทะ...ท่านว่า อะไรนะ!! แย่แน่ เป็นไปได้สูงมากที่พวกมันจะเป็นคนของพรรคป้อมอัคคี"

เล้งซาน ครุ่นคิดพลางมองซ้ายขวา เพื่อหาทางปลีกตัวออกไป ทันใดนั้นสายตามันเหลือบไปเห็นบุคคลผู้หนึ่ง ที่พอจะมีอำนาจพามันจากไปได้

เล้งซานแสยะยิ้มเล็กน้อย มือทั้งสองข้างประสานกัน โค้งตัวเล็กน้อย

"ผู้เยาว์มีบางเรื่อง อย่างจะขอร้องท่านผู้อาวุโสเสวียนอู่จิงฉาน!!"

เล้งซาน กล่าวด้วยเสียงอันดังกังวานพอจะได้ยินไปโดยรอบ

เสวี่ยนอู่จิงฉาน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกแขนขวาขึ้น ลักษณะหงายมือ เป็นเชิงแสดงออกว่า ให้เล้งซานกล่าวออกมาได้ทันที

"เรียนผู้อาวุโส จริงอยู่ที่รางวัลชนะเลิศคือ เงินรางวัลจำนวนมาก และได้รับตำแหน่งสำคัญ ภายในเมืองเมฆครามแห่งนี้"

"แต่ผู้เยาว์หาได้ต้องการรางวัลเหล่านี้ สิ่งที่ผู้เยาว์ต้องการคือ การเข้าร่วมกับราชวงศ์เสวียงอู่ เป็นกำลังเพื่อใช้ในการปกป้องทวีปเต่าทมิฬของเรา นั่นคือความปรารถนา ของผู้เยาว์ มิทราบว่าผู้อาวุโส จะสามารถช่วยเหลือผู้เยาว์ได้หรือไม่"

เสวียนอู่จิงฉาน ฉีกยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า ส่วนตัวแล้วมันย่อมต้องการตัวเล้งซานอย่างมาก ด้วยความสามารถระดับอัจฉริยะของมัน การเป็นกำลังปกป้องทวีปนั้น นับเป็นเรื่องดี แต่เสวียนอู่จิงฉานเอง ด้วยตำแหน่งของตน จะเอ่ยปาก ขอดึงตัวอัจฉริยะอันดับ 1 ของเมืองไปเข้าร่วมกับฝ่ายตนนั้น นับว่ามิอาจทำได้

แต่การที่เล้งซานเอ่ยปากเองเช่นนี้ ย่อมเข้าทางมันอย่างยิ่ง

"ยอดเยี่ยมมาก นับว่าเจ้าเป็นคนหนุ่มที่มีอุดมการณ์น่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ข้ายินดีรับเจ้าเข้าสังกัดราชวงศ์ เพียงแต่..."เสวียนอู่จิงฉาน อ้ำอึ้งเล็กน้อย

"ผู้อาวุโส ลำบากใจสิ่งใดหรือ??"

"ว่าตามตรง ด้วยความสามารถของเจ้าการเข้าร่วมกับราชวงศ์นั่น ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากไม่มีคำสั่งราชโองการ เจ้าย่อมไม่สามารถเข้าไปในราชวงศ์ได้ ข้าจำเป็นต้องกลับไปเพื่อรายงานเรื่องนี้เสียก่อน จึงจะขอราชโองการเพื่อมารับตัวเจ้า ด้วยระยะทางที่นี่ห่างจากเมืองหลวงหลายพันลี้ ใช้เวลาเดินทาง และดำเนินการอย่างน้อย 3 เดือน"

"สะ..สะ..สามเดือน!!" เล้งซานเบิกตากว้าง

'บัดซบ!! นี่ข้าต้องหนีตายจากพวกพรรคป้อมอัคคีร่วม 3 เดือนหรือนี่!!'

"ไม่ทราบว่า ผู้เยาว์ขอร่วมเดินทางไปกับท่านเลย ได้หรือไม่" เล้งซานยังคิดหนีโดยให้เสวียนอู่จิงฉาน คุ้มกันตนหากเป็นเช่นนั้น พรรคป้อมอัคคีย่อมมิกล้าล่วงเกินราชวงศ์เสวียนอู่ อย่างแน่นอน

"ไม่อาจทำได้ ตัวข้าเดินทางมาด้วย สัตว์อสูรอินทรีข้ามฟ้า มันสามารถรองรับน้ำหนักได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น"

"ถ้าเช่นนั้นผู้เยาว์ขอฝากเรื่องนี้ไว้เป็นธุระของผู้อาวุโสด้วย ผู้เยาว์จะรอท่านอยู่ที่นี่ เพื่อรอราชโองการ" เล้งซานประสานมือ โค้งตัวเล็กน้อย

"ได้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ข้าจะรีบไป รีบมา" ทันใดนั้นเสวียนอู่จิงฉาน ได้หยิบตราประทับ ออกมาจากแหวนมิติเก็บของ แสงสว่างวาปขึ้นที่ตรา

อีกเพียงสิบลมหายใจ สัตว์อสูรระดับปราณสีน้ำเงิน อินทรีข้ามฟ้า ก็บินโฉบลงมาด้วยความเร็วสูง เป็นจังหวะเดียวกับที่ เสวี่ยนอู่จิงฉาน กระโดดทะยานร่างขึ้นไป ลงบนหลังของมันได้อย่างประจวบเหมาะ กระพริบตาเพียงครั้งเดียว มันก็บินไปไกลร่วม 3 ลี้

เล้งซานเห็นดังนั้น ม่านตาเบิกกว่า มันตกใจ ไม่คิดว่าเสวียนอู่จิงฉาน จะรีบจากไปไวปานนี้!!

"ดะ..ดะ...เดี๋ยวสิ ผู้อาวุโส......"

ไม่ทันเสียแล้ว เสวี่ยนอู่จิงฉานไปไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงเรียก

'บัดซบ!! ไอแก่นี่ ไม่คิดว่ามันจะรีบปานนี้ กะว่าจะให้มันพักที่นี่ก่อนสัก 2-3 วันอย่างน้อยก็เป็นไม้กันหมา ให้ข้าหลบหนีก่อน ไม่ได้การและ ข้าต้องไปจากที่นี้ในทันทีเช่นกัน!!'

ทันทีที่เล้งซานโคจรพลังเตรียมใช้วิชาตัวเบา

"เจ้าตัวไหนมันชื่อ เล้งซาน!!!" 

เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ จากสัมผัสมังกรบอกได้ทันทีว่า เจ้าของเสียนี้มีพลังลมปราณอยู่ในชั้นสีเขียวขั้นต้น!!!

..............................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด