ตอนที่แล้วตอนที่ 42 ถ้าชอบก็ซื้อสิ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 44 หลุมพราง

ตอนที่ 43 ผ้ารองเบาะ


พนักงานหน้าซีดเผือด เมื่อชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ขอพบผู้จัดการห้างสรรพสินค้าโดยตรง ถึงจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชายคนนี้ แต่เขาบอกว่าตัวเองนามสกุลลู่

“ทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้อีก? ไปสิ!” ใครมาเห็นก็รู้ว่าลู่ชิงสีอารมณ์ไม่ดีและทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ขณะที่พนักงานขายยังยืนงงอยู่ที่เดิม เขาขมวดคิ้วขึ้นและเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ไปเรียกผู้จัดการ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ยังรีบไปตามผู้จัดการห้างสรรพสินค้าตามที่เขาสั่ง

หลังจากผ่านไปประมาณห้านาที ผู้จัดการจางก็รีบวิ่งเข้ามา เขาจำลู่ชิงสีได้ตั้งแต่อยู่ระยะไกล ความสงสัยบนใบหน้าของเขาถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างในทันที

“เป็นคุณจริง ๆ ด้วย นายท่านลู่!”

ผู้จัดการจางยื่นมือออกจับมือเขาทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ ลู่ชิงสีเพียงแต่มองไปที่มือของพวกเขาโดยไม่แสดงปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ผู้จัดการจึงชักมือกลับอย่างเขินอาย

“รปภ.บอกผมว่า คนนามสกุลลู่มาที่นี่ ผมก็เดาได้ว่าต้องเป็นครอบครัวของคุณ ไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะมา นายท่านลู่กลับมาจากกองทัพแล้วเหรอครับ”

วิธีที่ผู้จัดการจางพูดอย่างถ่อมตน ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ชายคนตรงหน้ากลับยืนหลังตรง ตอบกลับด้วยท่าทางเย็นชา จนทำให้พนักงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประหลาดใจ

“ที่ผมเรียกคุณมาที่นี่ก็เพื่อจะถามคุณสักหน่อย ว่าทำไมถึงปล่อยให้พนักงานขายของคุณมายืนชี้หน้า ดูถูกภรรยาของผม? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ภรรยาของผมถูกห้ามให้แตะต้องเสื้อผ้าในแผนกของคุณ?” น้ำเสียง แววตา และท่าทางของลู่ชิงสีฉายความเยือกเย็นที่ทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างสั่นสะท้านด้วยความตกใจ

เขากำลังโกรธ ดูเหมือนว่าจะโกรธจัดเสียด้วย

ผู้หญิงที่เขาอยากจะรักและเอาอกเอาใจอย่างสุดซึ้งกลับถูกคนพาลต่อว่า

ผู้จัดการจางเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที

ห้างสรรพสินค้าของที่นี่ คือห้างที่ใหญ่และหรูหราที่สุดในเมือง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พนักงานจะตัดสินลูกค้าจากเปลือกนอก ผู้จัดการจางเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับพนักงานขาย ที่มักจะมองว่าคนจนก็ควรจะอยู่ในโซนของตัวเอง ไม่ควรมาร้านประเภทนี้ ทำให้หลายครั้งหลายคราเขาทำเป็นเมินเฉยต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนักงานตนเอง ทว่าวันนี้พวกเขากลับทำพลาดอย่างไม่คาดคิด และไม่รู้ว่าตัวเองจะได้รับความหายนะครั้งใหญ่แบบนี้

ตระกูลลู่เป็นอะไร?

แม้ตระกูลลู่จะพักอยู่ในเมืองนี้ ทว่าชื่อเสียงของเขากลับถูกพูดถึงไปทั่วทั้งจังหวัด

พวกเขามีโรงอาหารผลิตอาหารที่ใหญ่ที่สุดและโรงงานผลิตอิฐ ขนาดที่เจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ก็ยังต้องวิ่งเต้นไปขอกู้เงินจากลู่ชิงไห่

ตอนนี้เจ้านายของเขายืนต่อหน้าลู่ชิงสี เขายังต้องเจียมตัวและถ่อมตัว

“ไปที่แผนกบุคคล ขอรับเงินชดเชย แล้วไม่ต้องกลับมาทำงานอีก” ผู้จัดการจางไล่พนักงานขายออกทันที จากนั้นก็หันไปหาลู่ชิงสีและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“นายท่านลู่ ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วย ผมผิดเองที่อบรมพนักงานไม่ดี ทางห้างของเราต้องขอโทษด้วยครับ วันนี้ก็เดินเลือกดูของที่ต้องการต่อดีไหมครับ หากอยากได้อะไรแจ้งกับพนักงานแล้วนำกลับไปเลยครับ”

ลู่ชิงสีบ่นอย่างหงุดหงิด “ไม่ว่าภรรยาของผมจะชอบอะไร ไม่จำเป็นต้องลงบัญชีให้เราหรอก ผมจัดการเองได้ แค่นี้แหละ พวกคุณไปกันได้แล้ว”

จากนั้นเขาก็หันไปหาพนักงานขายคนอื่น และขอให้เธอถอดชุดเดรสในหุ่นที่เจียงเหยาดูไว้เมื่อกี้ ก่อนจะนำไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์

เจียงเหยาดึงเขาไว้และพูดว่า “ฉันยังไม่ได้ลองเลยนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับฉันไหม”

“ไม่กี่ร้อยเอง ถ้าใส่ได้ก็ใส่ ไม่ชอบก็เอาไปปูที่นอนให้กับเจ้าหมาน้อยเสียวเสี้ยวซะ” ลู่ชิงสียิ้มเยาะโดยไม่ลังเลและกังวล เขาจับมือเจียงเหยาและเดินไปเคาน์เตอร์คิดเงิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด