ตอนที่แล้ว941-942
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป945-946

943-944


5/8

Ep.943

หลังแยกจากบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูร ซูเฉินเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] นำเพลิงอสนีเก้าวิญญาณออกมา

“เจ้านาย ข้ายินดีเป็นสมุนของท่าน”

ซูเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร เพลิงอสนีเก้าวิญญาณก็ชิงเอ่ยก่อน

เพลิงอสนีมีไหวพริบ เรื่องนี้เกินความคาดหมายของซูเฉินเล็กน้อย

อันที่จริงแล้วซูเฉินยังไม่รู้  ว่าตอนอยู่ข้างใน [พื้นที่สัตว์เลี้ยง] โลกันต์เยือกแข็งได้สอนสั่งเพลิงอสนีเก้าวิญญาณเรียบร้อยแล้ว บอกให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้เพลิงอสนีเก้าวิญญาณเอ่ยปากขอติดตามซูเฉิน

ความจริงต่อให้ไม่ถูกบอกเรื่องข้อดีข้อเสีย แต่เพลิงอสนีก็ยังมีสมอง ยอมติดตามซูเฉินอยู่ดี

ต่อมา เขายื่น [โพชั่นสัตว์เลี้ยง] ให้เพลิงอสนีเก้าวิญญาณดื่ม กำราบมันได้สำเร็จ

“เสี่ยวเล่ย ตอนนี้นายเป็นมหาเพลิงเอกลักษณ์ขั้นไหน?” ซูเฉินถาม

“เจ้านาย ตอนนี้ข้าคือเพลิงเอกลักษณ์ขั้น 8” เพลิงอสนีเก้าวิญญาณตอบอย่างนอบน้อม

“ค่อนข้างต่ำอยู่นะ”

ซูเฉินพึมพำ

โลกันต์เยือกแข็งและอัคคีผลาญแปดทิศล้วนกลายเป็นเพลิงเทวะแล้ว ทว่าเพลิงอสนีเก้าวิญญาณกลับอยู่เพียงขั้น 8 เท่านั้น ห่างชั้นกันถึง 4 ระดับ

ส่งผลให้ต่อให้รวมเวทย์ธาตุสายฟ้าเข้ากับเวทย์น้ำแข็งและเวทย์ไฟ  มหาเพลิงทั้งสามคงไม่พ้นเกิดภาวะขาดสมดุล ยังไม่สามารถประสานงานกันได้อย่างเต็มที่อยู่ดี

หากปราศจากการสนับสนุนจากมหาเพลิงเอกลักษณ์ ต่อให้สามารถหลอมรวมเวทย์ทั้งสามเข้าด้วยกันได้ อำนาจทำลายล้างของมันก็จะลดทอนลงเป็นอย่างมาก

ซึ่งที่กล่าวมา คือสิ่งที่ซูเฉินไม่ต้องการจะเห็น

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีศิลารวมวิญญาณเหลืออีกแล้ว ณ ขณะนี้ไม่สามารถช่วยเพลิงอสนีเก้าวิญญาณยกระดับได้

“ดูเหมือนว่าฉันต้องหาศิลารวมวิญญาณเพิ่ม”

ซูเฉินพึมพำ ส่งเสี่ยวเล่ยเข้าไปใน [พื้นที่สัตว์เลี้ยง]

หลังจากนั้น  เขาเอนตัวลงบนเก้าอี้คนขับ หลับตาพักผ่อน

วันต่อมา เกาะสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ] ตามเครื่องหมายบนแผนที่ สถานที่แห่งนี้คือป่าหยานเย่

[รถศึกอัจฉริยะ] ค่อยๆลดความเร็วลง เมื่อเข้าใกล้ ซูเฉินจึงค้นพบ ว่าบนเกาะแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพรรณที่มีใบสีแดงเพลิงสุมรวมกันหนาแน่น

ยามมองมาจึงราวกับเป็นทะเลเพลิง นอกจากนี้ ซูเฉินยังพบว่า ด้านนอกของป่าหยานเย่ถูกห่อหุ้มไปด้วยโล่พลังงาน จุดที่เปิดโล่ง มีเพียงทางเข้าเบื้องหน้าเท่านั้น

ณ ขณะนี้ มียานอวกาศกำลังแล่นเข้าแล่นออกตลอดเวลา

ซูเฉินก้มมอง ก่อนถอนสายตากลับมา สั่งให้ [รถศึกอัจฉริยะ]  บินลงไป

หลังถูกสอบปากคำ โดนตรวจสอบหลายครั้ง และจ่ายหินพลังงานมิติ 100 ก้อน ซูเฉินก็ถูกปล่อยให้เข้ามา

ตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้าย ตั้งอยู่บนหอคอยหินสูงตระหง่าน ห่างจากปากทางเข้าเพียง 1 ไมล์เท่านั้น

ซูเฉินเก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] ภายใต้การนำทางของทหารยาม ไม่นานเขาก็มาถึงหอคอยหิน

“ใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายครั้งหนึ่ง ต้องจ่าย 500 หินพลังงานมิติ”

ณ ทางเข้าหอคอย ชายชราตาเดียวยืนอยู่ คนผู้นี้กวาดตาสำรวจมองซูเฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ซูเฉินไม่ใส่ใจ จ่าย 500 หินพลังงานมิติโดยตรง แล้วหันไปถามชายชราตาเดียวว่า “ท่านผู้เฒ่า ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ ปลายทางของมันคือที่ไหน?”

ตอนอยู่บนเกาะลี่เจียว เขาจากมาอย่างเร่งร้อน จึงไม่ได้เอ่ยถามหลี่ชุนฉีอย่างละเอียด ทราบเพียงว่าป่าหยานเย่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่

ส่วนปลายทางจะนำไปสู่ที่ใด เขาไม่ทราบ

“นี่เจ้าไม่รู้หรือ?” ชายชราตาเดียวอุทานออกมาเบาๆ ในเมื่อไม่ทราบว่าจุดหมายคือที่ใด แล้วทำไมถึงยังกล้าข้ามไป?

“ค่ายกลนี้นำทางไปสู่เมืองเทียนกวง” ชายชราตาเดียวส่ายหัวหน่ายใจ

เมืองเทียนกวง …

ซูเฉินทวนคำ จากนั้นถามว่า “ท่านผู้เฒ่า เมืองเทียนกวงมีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปที่ป้อมปราการมิติด้วยไหม?”

“ไม่มีหรอก แต่เจ้าสามารถใช้ค่ายกลเดินทางไปยังเมืองมู่กวงได้ เมืองมู่กวงอยู่ไม่ไกลจากป้อมปราการมิติมากนัก”

ชายชราตาเดียวนึกทบทวนครู่หนึ่ง  แล้วตอบกลับ

6/8

Ep.944

“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า” ซูเฉินเรียกสติกลับมา เดินเข้าไปในหอคอยหิน

แจ่ใครจะทันคิด ว่ายังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ก็เห็นทหารยามวิ่งมาจากอีกทางหนึ่ง พุ่งตัดหน้าเขา แล้วกระซิบข้างหูชายชราตาเดียวอยู่หลายคำ

หลังจากได้รับรายงาน ชายชราตาเดียวขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้าให้ทหารยาม หันมามองซูเฉิน เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ว่า “น้องชายผู้นี้ เกิดปัญหาบางอย่างกับค่ายกลเคลื่อนย้าย วันนี้ไม่อาจใช้งานได้แล้ว”

จะบังเอิญเกินไปหน่อยไหม?

แล้วปัญหาที่ว่าน่ะมันอะไร?

ซูเฉินไม่เชื่อคำพูดนี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ค่ายกลเคลื่อนย้ายมีปัญหาอะไร? แล้วอีกกี่วันถึงจะใช้งานได้?”

“ปัญหาทางเทคนิคนิดหน่อย ส่วนต้องรอกี่วัน ข้าเองก็ไม่รู้ เพราะข่าวนี้ ท่านเจ้าของเกาะเป็นคนส่งต่อมาอีกที” ชายชราตาเดียวกล่าวขอโทษขอโพย

ซูเฉินครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนพูดว่า “งั้นพาฉันไปพบเจ้าของเกาะของคุณ”

“เจ้าหนู คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ท่านเจ้าของเกาะเป็นคนที่แกอยากเจอก็เจอได้หรอ?”

ทหารยามที่อยู่ข้างๆ ตวาดดูถูก

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินค่อยๆหรี่ลง แรงกดดันมหาศาลแพร่กระจายออกมา  ข่มชายชราตาเดียวและทหารยามจนต้องชักฝีเท้าถอยไปหลายก้าว

“ผู้อาวุโส โปรดระงับโทสะก่อน!”

ชายชราตาเดียวหวาดกลัวจับใจ เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้น 10 เท่านั้น แต่ภายใต้แรงกดดันของซูเฉิน กระทั่งหายใจยังทำไม่ได้ ทหารยามแย่ยิ่งกว่า เวลานี้สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง นอนหมอบคลานอยู่กับพื้น

“พาฉันไปหาเจ้าของเกาะ –ไม่งั้นตาย!” ซูเฉินตวาดเสียงเย็น

เขากำลังรีบไปยังป้อมปราการมิติ หากค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นี่ไม่สามารถใช้งานได้ ก็ต้องรู้เหตุผลว่าทำไม ไม่อาจรออยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆได้

“สหาย ใจเย็นก่อน”

ระหว่างนั้นเอง เสียงอันน่าเกรงขรามดังแว่วมาแต่ไกล ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมองตาม เห็นแค่เพียงชายชราผมยาวสีแดงเพลิงกำลังตรงเข้ามาทางเขา ตัดสินจากกลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขั้น 1

“คุณคงเป็นเจ้าของเกาะที่นี่ใช่ไหม?” ซูเฉินจ้องอีกฝ่ายเขม็ง เอ่ยถามเสียงเย็น

“เราผู่เฒ่าเรียกว่าฟางฉีซาน เป็นเจ้าของเกาะป่าหยานเย่ ไม่ทราบสหายผู้นี้มีชื่อว่าอะไร?” ฟางฉีซานยังคงกล่าวอย่างสุภาพ นั่นเพราะเขาสามารถรับรู้ได้ ว่าซูเฉินคือตัวตนระดับเทวะเช่นเดียวกัน

ยามเผชิญหน้ากับระดับเทวะ ต้องค่อยพูดค่อยจา มีเหตุผลเข้าไว้

“ฉันเป็นใคร คุณไม่จำเป็นต้องรู้ แค่บอกมาว่าทำไมถึงใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่ได้ก็พอ” ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย

สีหน้าท่าทีของเขาราวกับว่าไม่เห็นฟางฉีซานอยู่ในสายตาเลย

ในความเป็นจริงแล้ว เหตุผลที่ซูเฉินไม่ยอมบอกชื่อ ก็เพื่อป้องกันตัวเอง เพราะหากนักพรตเทียนซ่านรู้ที่อยู่ของเขา  คงต้องส่งคนมาจัดการแน่ๆ

ก่อนงานประลองระดับดวงดาว เขาไม่อยากสร้างปัญหาโดยเปล่าประโยชน์

เห็นซูเฉินพูดแบบนั้น  ชายชราตาเดียวตะลึงงัน

ฟางฉีซานเป็นถึงระดับเทวะขั้น 1 แต่ซูเฉินกลับไม่ไว้หน้าเขาเลย นี่จะโอหังไปหน่อยไหม?

ฟางฉีซานขมวดคิ้ว ประกายเย็นเยียบทอวาบในดวงตาเขา เหลือบมองสำรวจซูเฉิน แค่นเสียงฮึ่มเบาๆ “ธุระในป่าหยานเย่ของพวกเรา คนนอกไม่จำเป็นต้องรู้”

สิ้นเสียง เขาหันไปส่งสายตาให้ชายชราตาเดียว “เฉินซั่ว คืนหินพลังงานมิติให้เขา”

ทัศนคติที่ซูเฉินแสดงออกมาทำให้เขาอารมณ์เสียมาก จึงไม่อยากพูดจาดีๆด้วยอีกต่อไป

เฉินซั่วไม่พูดมากความ  หยิบหินพลังงานมิติออกมาและส่งคืนให้ซูเฉิน กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ผู้อาวุโส นี่ของของท่าน!”

ซูเฉินไม่รับมัน แต่มองไปทางฟางฉีซาน มุมปากของเขาโค้งงอขึ้นเล็กน้อย

“เฒ่าฟาง พอดีฉันเป็นคนอารมณ์ร้าย คุณน่าจะอธิบายซักหน่อยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเจ็บตัวเอา”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด