ตอนที่แล้วWS บทที่ 288 สร้อยข้อมือช่วยชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 290 จอมเวทย์ในตำนาน นิโคล่า

WS บทที่ 289 แม็กซิม


ในดินแดนมนต์ดำ ภายในหอคอยของพ่อมดลีโอ พ่อมดลีโอเริ่มแสดงสีหน้าสงบนิ่ง อักษรรูนลึกลับปรากฏขึ้นรอบตัวเขาทีละตัวและล้อมรอบเขาอย่างต่อเนื่อง

ความเชี่ยวชาญด้านอักษรรูนของพ่อมดลีโอนั้นจัดว่าดีกว่าคนส่วนใหญ่ ดังนั้นหลังจากที่เขาได้แก้ไขความแค้นกับออซมูแล้ว เขาก็ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าเกี่ยวกับอักษรรูนอย่างตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของพ่อมดลีโอก็แดงก่ำในทันใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตาที่สามสีแดงเลือดบนหน้าผากของเขาเปิดออกอย่างรวดเร็วและหยดเลือดสดเริ่มไหลจากดวงตาสีแดงเข้ม หยดลงสู่พื้น

พ่อมดลีโอตัวสั่นอย่างรุนแรงไปทั้งตัว ตาที่สามสีแดงเลือดเริ่มเรืองแสงสีแดง จากนั้นแสงนั้นอ่อนลงอย่างรวดเร็ว ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวมาก

"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมรูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดถึงเปิดใช้งาน…เมอร์ลินไปเจอกับอะไร?”

พ่อมดลีโอบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาได้มอบสร้อยข้อมือช่วยชีวิตให้เมอร์ลิน ซึ่งมีความแข็งแกร่งบางส่วนของดวงตาแห่งความมืด

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อเขาใช้สร้อยข้อมือช่วยชีวิต ดวงตาแห่งความมืดของพ่อมดลีโอจะตอบสนองทันที นอกจากนี้ ดวงตาแห่งความมืดของพ่อมดลีโอ ดูเหมือนจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงในขณะนี้ เนื่องจากมีเลือดไหลหยด สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแม้แต่ตอนที่เขากำลังไล่ล่าออสซีอุส

ใบหน้าของพ่อมดลีโอเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ เขารู้ชัดเจนว่าดวงตาแห่งความมืดที่เขาได้รับมานั้นทรงพลังเพียงใด พ่อมดลีโอมักจะอ้างว่าเขาได้ปรับแต่งดวงตาแห่งความมืดผ่านการลองผิดลองถูก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถฝึกฝนมันได้

อย่างไรก็ตาม ความจริงคือ พ่อมดลีโอเข้าใจดีว่าเขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับหก ดังนั้นเขาจะแก้ไขดวงตาแห่งความมืดให้สมบูรณ์ได้อย่างไร? นอกจากการเผชิญหน้าที่โชคดีของเขาแล้ว เหตุผลที่สำคัญกว่าสำหรับความสำเร็จในการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด ก็คือสิ่งที่เขาได้รับมาคือวีธีการฝึกฝนที่สมบูรณ์ นั่นคือดวงตาแห่งความมืดที่แท้จริง!

พ่อมดลีโอเคยตระหนักถึงบางสิ่งเกี่ยวกับดวงตาแห่งความมืด มาก่อนหน้านี้ ดวงตาแห่งความมืดของหอคอยอเวจีมีเพียงสองรูปแบบเท่านั้น ลวงตากับสลาย ตรงกันข้ามกับดวงตาแห่งความมืดที่พ่อมดลีโอครอบครอง มันมีไม่ต่ำกว่าเจ็ดรูปแบบ ในตอนนี้ เขาสามารถฝึกฝนได้จนถึงรูปแบบที่สามเท่านั้นและทุกครั้งที่เขาใช้มัน เขาต้องฝืนใช้มัน เนื่องจากมันจะทำให้โครงสร้างคาถาธาตุมืดในร่างกายของเขาจะไม่เสถียรหลังจากที่เขาใช้งาน

นี่หมายความว่าพ่อมดลีโอยังไม่เชี่ยวชาญรูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องพูดถึงรูปแบบที่สี่ ที่ห้า หรือแม้แต่รูปแบบที่เจ็ด

พ่อมดลีโอประหลาดใจที่ดวงตาแห่งความมืดทั้งหมดเจ็ดรูปแบบ เขารู้ว่าดวงตาแห่งความมืดของเขาอาจเป็นดวงตาแห่งความมืดที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน แม้แต่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ธรรมดา ๆ ก็ไม่สามารถสร้างสิ่งนี้ได้

ไม่ว่าเขาจะค้นหาด้วยวิธีใดก็ตาม เขาก็ไม่พบร่องรอยต้นกำเนิดของดวงตาแห่งความมืดเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ดวงตาแห่งความมืดของเขาเกิดปฏิกิริยาอย่างอย่าง นั่นต้องเป็นเพราะเมอร์ลินเปิดใช้สร้อยข้อมือช่วยชีวิตที่พ่อมดลีโอมอบให้เขา

นอกจากนี้ ดวงตาแห่งความมืดยังถูกบังคับให้ใช้รูปแบบที่สามของมัน เห็นได้ชัดว่าเมอร์ลินกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างท่วมท้น

“เมอร์ลิน ขอให้เจ้ารอดชีวิตกลับมา...”

พ่อมดลีโอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ สร้อยข้อมือช่วยชีวิตที่เขาให้เมอร์ลินมีเพียงรูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืด หากดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามไม่สามารถช่วยเมอร์ลินรอดพ้นจากอันตรายที่เขาอยู่ได้ แม้ว่าพ่อมดลีโอจะไปที่นั่นด้วยตัวเองก็ไม่มีประโยชน์

"ปัง!"

การปรากฎตัวของดวงตาแห่งความมืดหายไปในพริบตา เหลือเพียงมือยักษ์ไร้รูปร่างที่อยู่เบื้องหลัง ส่งเสียงหวีดขณะที่มือพุ่งไปที่ปฏิมากรอัคนี

เมื่อมือที่ใหญ่ก่อตัวขึ้น ปฏิมากรอัคนีก็ดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เปลวเพลิงสีขาวใสรอบ ๆ ตัวมันลุกโชนขึ้นสู่เพดานและกลายเป็นพายุเพลิงที่รุนแรงซึ่งตกลงมาที่มือใหญ่อย่างดุเดือด

*บูม!*

มือยักษ์ที่ปรากฏขึ้นจากดวงตาแห่งความมืดได้ช้าลงเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับเปลวไฟสีขาว หลังจากนั้น มันก็ดับไฟทันทีด้วยการตบมัน จากนั้นฝ่ามือได้ประทับไปทีปฏิมากรอัคนีโดยตรง

ทันใดนั้น ร่างของปฏิมากรอัคนีเริ่มสลายทีละน้อย สายตาของมันยังคงจับจ้องไปที่เมอร์ลินและมันก็ถอนหายใจยาว

“รูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืด แค่เพียงรูปแบบที่สามเท่านั้น…ข้าแพ้แล้ว ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมาพบกับพลังปีศาจแพนโดร่าที่สร้างโดยมหาจอมเวทย์แห่งความมืด โอลาส ใช่ช่วงชีวิตสุดท้ายของข้า…”

ก่อนที่ปฏิมากรอัคนีจะพูดจบ ร่างของมันก็สลายเป็นประกายไฟซึ่งหายไปภายในห้องโถง

“ฉันผ่านด่านทดสอบแล้วเหรอ?”

เมอร์ลินค่อนข้างไม่เชื่อ เป็นเวลากว่าสามพันปีแล้วและไม่มีใครสามารถขจัดด่านที่สามได้แต่เขาก็ทำสำเร็จ แม้ว่าจะผ่านด่านด้วย ‘กลโกง’ ก็ตาม

*เปรี๊ยะ!*

ทันใดนั้นเกิดรอยร้าวบนสร้อยข้อมือบนมือของเมอร์ลิน จากนั้นก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลงพื้น สร้อยข้อมือช่วยชีวิตที่พ่อมดลีโอมอบให้เขา มันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าสร้อยข้อมือช่วยชีวิตจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว

เปลวไฟค่อย ๆ เข้าหาเมอร์ลินและมองเขาด้วยท่าทางที่ซับซ้อน “แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้พึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเจ้าเองในการผ่านด่านทดสอบที่สามแต่นายท่านไม่ได้ห้ามใช้อุปกรณ์เวทมนต์ในด่านที่สามนี้ ดังนั้น เจ้าได้ผ่านด่านทดสอบที่สามแล้ว! ข้าไม่คิดว่า แม้กระทั่งตอนนี้ ดวงตาแห่งความมืดจะยังคงถูกปลูกฝังโดยใครบางคน และจนกระทั่งถึงรูปแบบที่สาม…”

คำพูดของเปลวไฟกับปฏิมากรอัคนีดูเหมือนจะบ่งบอกว่ารู้จักดวงตาแห่งความมืดเป็นอย่างดีแต่เมอร์ลินก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก เขารู้เพียงว่าดวงตาแห่งความมืดเป็นสิ่งที่ซับซ้อน มีพลังมากกว่าพลังปีศาจแพนโดร่าของเขา มิฉะนั้น พ่อมดลีโอคงไม่สามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดเพื่อฆ่านักเวทย์ระดับเจ็ดของออสมูได้

ดังนั้นเมอร์ลินจึงถามเปลวไฟงว่า “พวกคุณรู้จักดวงตาแห่งความมืดงั้นหรือ? ต้นกำเนิดของมันคืออะไร? พ่อมดคนไหนเป็นคนสร้างมันขึ้นมา?”

เปลวไฟเหลือบมองที่เมอร์ลินอาจเป็นเพราะความสำเร็จของเมอร์ลินในการผ่านด่านที่สามจึงทำให้น้ำเสียงของมันนุ่มนวลขึ้นในขณะที่มันพูดอย่างใจเย็นว่า

“พวกเรามากกว่าแค่รู้จัก นายท่านได้พบกับมหาจอมเวทย์แห่งความมืด โอลาสเป็นการส่วนตัว กว่าสามพันปีที่แล้ว มหาจอมเวทย์แห่งความมืด โอลาสเป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้รับฉายาว่ามหาจอมเวทย์!

ดวงตาแห่งความมืดถูกสร้างขึ้นโดย มหาจอมเวทย์โอลาสและมีทั้งหมดเจ็ดรูปแบบ ด้วยดวงตาแห่งความมืดนี่เอง มหาจอมเวทย์แห่งความมืด โอลาสได้สังหารเทพเจ้าที่แท้จริงมากมาย!”

จากน้ำเสียงของเปลวไฟ ดูเหมือนว่าเขาจะเคารพในมหาจอมเวทย์แห่งความมืด โอลาส อย่างมาก

“เทพเจ้า? เหมือนเทพแห่งแสงรึเปล่า?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินเคยได้ยินเรื่อง ‘เทพเจ้า’ ตั้งแต่เขากลายเป็นนักเวทย์ เขาไม่เชื่อในพระเจ้าใด ๆ สำหรับเทพแห่งแสงที่เผยแพร่โดยโบสถ์แห่งแสง จากมุมมองของเมอร์ลิน เขาเดาว่ามันอาจจะเป็นนักเวทย์ที่ค่อนข้างทรงพลังและไม่น่าใช่ ‘พระเจ้า’ อย่างที่เขาคิด

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปลวไฟได้กล่าวถึง ‘เทพเจ้า’ แล้ว ความสนใจของเมอร์ลินก็เพิ่มขึ้นทันที

“เทพแห่งแสง?”

เปลวไฟส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “นี่เป็นนิทานเมื่อสามพันหกร้อยปีก่อน มันซับซ้อนเกินไปที่จะอธิบายทุกอย่าง ทั้งหมดที่ข้ารู้อยู่ในข้อความของนายท่าน เมื่อเจ้าได้รับสมบัติของอาจารย์ เจ้าจะได้เรียนรู้ทุกสิ่ง”

เมอร์ลินร้อนรุ่มด้วยความกระตือรือร้น ตอนนี้เขาแน่ใจว่า ‘นายท่าน’ ที่เปลวไฟพูดถึงนั้นไม่ใช่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั่วไปและยังเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังจากยุคของจักรวรรดิมอลต้า

เขาเต็มไปด้วยความคาดหมายเกี่ยวกับสมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยนักเวทย์ที่ทรงพลัง ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจรู้ข้อมูลลับบางอย่างเกี่ยวกับยุคของจักรวรรดิมอลต้าเมื่อสามพันหกร้อยปีก่อนด้วย

เมอร์ลินอยากได้เห็นของที่เจ้านายของเปลวไฟทิ้งไว้เดี๋ยวนี้เลย

“มาเถอะ ในเมื่อเจ้าผ่านด่านทั้งสามแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปที่สมบัติของนายท่าน”

ทันทีที่เปลวไฟพูดจบ มันก็พาเมอร์ลินออกจากห้องโถงไปสู่ทางเดินแคบ ๆ หลังจากผ่านเข้ามา พวกเขาก็มาถึงห้องที่ดูเหมือนจะโล่งมาก

ตัวห้องเชื่อมต่อกับห้องโถง ดูจากการตกแต่งของห้อง ที่นี่จะต้องเป็นที่ที่นายท่านของเปลวไฟเคยพักผ่อน รอบห้องมีพื้นที่ค่อนข้างเล็กซึ่งวางของแปลกและแปลกประหลาดมากมาย พวกมันทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครมาที่นี่

เปลวไฟมองไปที่ห้องธรรมดาและความคิดถึงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันพูดเบา ๆ ว่า “เป็นเวลากว่าสามพันปีแล้วที่นายท่านได้จากพวกเราไป…ในที่สุดก็มีคนสามารถผ่านด่านทดสอบทั้งสามได้ ภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้ว!”

เมอร์ลินรู้สึกว่าน้ำเสียงของเปลวไฟฟังดูค่อนข้างแปลกแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงเดินตามหลังเปลวไฟอย่างเงียบ ๆ

เปลวไฟนำเมอร์ลินไปที่กำแพงหิน เอื้อมมือออกไปและดึงอักษรรูนสองสามรูออกมาอย่างรวดเร็ว อักษรรูนจมลงในกำแพงหินทันที

*ครืน! ครืน!*

กำแพงหินเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีเพียงรอยแตกเล็ก ๆ เกิดขึ้น แต่เมอร์ลินก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานที่แผดเผาที่มาจากรอยแยกนั้น

หลังจากที่กำแพงหินเปิดออกอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดเมอร์ลินก็เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง มันเป็นห้องแคบ ๆ ที่ปกคลุมไปด้วยอักษรรูน ตัวอักษรรูนลึกลับถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างหนาแน่น มีแสงเรืองรองส่องมาไม่ขาดสาย

กลางห้องไม่มีอะไรเลย นอกจากชั้นวางไม้สี่ขา บนชั้นวางไม้มีขวดโหลใสรูประฆังอันวิจิตร ข้างในขวดโหลมีเปลวไฟอ่อน ๆ ขนาดประมาณกำปั้นของทารก

ถึงแม้ว่าเปลวเพลิงดวงเล็ก ๆ นี้ดูเหมือนจะไม่มีพลังมากนัก แต่เมอร์ลินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ลุกโชนจากจุดที่เขายืน

นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่ร่างกายของเมอร์ลินที่สัมผัสได้ถึงความร้อน แม้แต่โครงสร้างคาถาของลูกไฟกับเพลิงพิโรธในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลินก็ยังสัมผัสได้แถมมันยังทำให้โครงสร้างคาถาทั้งสองเกิดอาการสั่นค่อนด้วย

นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเมอร์ลินมาก่อน แม้แต่ภูตไฟที่เขาพบในโบราณสถานก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความสามารถในการทำให้โครงสร้างคาถาของเขาไม่เสถียร

“มันคืออะไร!?” เมอร์ลินหันไปถามเปลวไฟ

เปลวไฟมองไปที่ลูกบอลเพลิงเล็ก ๆ ในขวดโหลด้วยท่าทางที่ซับซ้อนและพูดด้วยเสียงต่ำว่า "นี่คือสมบัติที่นายท่านทิ้งไว้ แม็กซิมแห่งไฟ!"

ทันทีที่มันพูดจบ ร่างของเปลวไฟก็เริ่มจางหายไป จากนั้นมันก็กลายเป็นไฟที่ฝังอยู่ในขวดโหลและค่อย ๆ หลอมรวมกับลูกไฟในนั้น

มีเพียงเสียงถอนหายใจลึก ๆ ทิ้งไว้เบื้องหลัง

“สามพันกว่าปีแล้ว ในที่สุดภารกิจของข้าก็เสร็จสิ้น! ข้าเป็นจิตสำนึกของแม็กซิมแห่งไฟที่นายท่านทิ้งไว้ ข้าได้รับคำสั่งจากนายท่านให้ค้นหานักเวทย์ที่สามารถผ่านด่านทดสอบทั้งสามและสืบทอดแม็กซิมแห่งไฟนี้และในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าแล้ว จงก้าวมาข้างหน้าเถิดเพื่อกลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของแม็กซิมแห่งไฟ…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด