294 - ตำหนักเต๋าข้ามาแล้ว
294 - ตำหนักเต๋าข้ามาแล้ว
ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์กล่าวไว้เช่นนี้ย่อมชัดเจนแล้วว่าที่เขาทำก็เพื่อต้องการปกปิดสายเลือดอมนุษย์ที่อยู่ในตัวของทายาทเด็กชายทั้งสอง
ไม่ทราบว่าผ่านไปกี่ชั่วอายุคน ตระกูลหวังและเล่ยได้เปลี่ยนจากโลหิตสีเงินกลายมาเป็นสีแดงตั้งนานแล้ว แต่ในบางครั้งทายาทที่มีความพิเศษของพวกเขาก็จะมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่นกระดูกที่หน้าผากของพวกเขาจะเปล่งแสงสีเงินไปร้อยวันหลังจากนั้นมันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เย่ฟ่านมองไปทางหมู่บ้านหินในระยะไกล เอ้อหรงจื่อกำลังโบกมือให้เขากล่าวว่า
"พี่ใหญ่ แม่ข้าเชิญท่านมาทานอาหารเย็นในวันนี้"
"ได้เลย ไปแน่นอน" เย่ฟ่านยิ้มและสัญญา
เย่ฟ่านนึกถึงสิ่งมีชีวิตโบราณตัวสีเงินที่อยู่ในต้นกำเนิดนั้น หรือว่าบรรพบุรุษของตระกูลหวังและตระกูลเล่ยจะเป็นทายาทของพวกมัน!
“บรรพบุรุษรุ่นแรกของข้ากล่าวเสมอว่าสิ่งที่เขาเสียใจที่สุดในชีวิตคือการไม่สามารถเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดได้ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับภูเขาสีม่วงในอนาคต”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหวและไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน
"ถ้าข้าเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ ...... " เขาคิดอยู่ในใจ
ในปีต่อๆมาจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่ ชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไร? นี่เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องนั้นมากขนาดนั้น เขาต้องการต้นกำเนิด เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น เขาต้องการพลังที่จะข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเพื่อกลับบ้าน
ในตอนนี้เขาจากบ้านมากกว่าห้าปีแล้ว พ่อแม่ของเขาจะเป็นอย่างไร พี่น้องของเขาอยู่กันแบบไหน แค่คิดขึ้นมาเย่ฟ่านก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก
วันรุ่งขึ้นเย่ฟ่านอยู่ห่างจากหมู่บ้านหินและปิดผนึกตัวเองไว้ใต้ดิน เขากลัวว่าการทะลุทะลวงของเขาจะทำให้เกิดความวุ่นวายในบริเวณรอบข้างและจะดึงดูดยอดฝีมือระดับสูงให้เข้ามาตรวจสอบหมู่บ้านหิน
ครั้งนี้เป้าหมายของเขาไม่เพียงแต่ไปถึงความสมบูรณ์แบบที่ยิ่งใหญ่ในอีกด้านหนึ่งและสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งเก้าเท่านั้น เขายังต้องบุกเข้าไปในอาณาจักรลับของตำหนักเต๋าอย่างสมบูรณ์อีกด้วย
แม้ว่าตำราลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกที่เขาได้รับมาจะไม่สมบูรณ์ แต่ข้อความสามประโยคนั้นก็เพียงพอให้เขาใช้เวลาทั้งชีวิตในการศึกษา
“แดนลับตำหนักเต๋า ข้ามาแล้ว!”
………
เป็นเวลาครึ่งเดือนที่เย่ฟ่านได้พักผ่อนอย่างเงียบเชียบไร้เสียง จนกระทั่งถึงวันที่สิบหก ทันใดนั้นพายุทรายก็ทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับหมุนวนอยู่ด้านบนของบริเวณที่เย่ฟ่านปิดผนึกตัวเอง
บริเวณนี้แต่เดิมเป็นดินแดนที่แห้งแล้งที่เต็มไปด้วยกองทรายอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่มีชีวิตปรากฏให้เห็น อย่างไรก็ตามตอนนี้มันสว่างไสวและมีพืชพันธุ์สีเขียวงอกขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว
กงล้อแห่งท้องทะเลที่สมบูรณ์ของเย่ฟ่านสร้างร่างกายของเขาขึ้นใหม่ การเปลี่ยนแปลงทั้งเก้าของอาณาจักรอีกฝั่งนึงทำให้พลังชีวิตอันล้นเหลือกระจายออกไปด้านนอก
หญ้าที่เคยเหี่ยวในบริเวณใกล้เคียงต่างก็ฟื้นคืนชีพกลับมา และหลังจากลงไปในดินมาหลายวันเย่ฟ่านก็ได้เปลี่ยนแปลงร่างกายสี่ครั้งแล้ว
เย่ฟ่านทะลวงออกจากทะเลทรายเพื่อสัมผัสกับพลังชีวิตอันเต็มเปี่ยมรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่
จากนั้นไม่นานเย่ฟ่านก็ขุดลงไปใต้ดินอีกครั้งเพื่อทำการฝึกฝนไปให้ถึงอาณาจักรลึกลับตำหนักเต๋า
ต้นกำเนิดหนอนโบราณถูกวางอยู่บนฝ่ามือของเขามันเต็มไปด้วยพลังแก่นแท้แห่งสวรรค์และปฐพีอย่างล้นเหลือ
กงล้อแห่งทะเลที่ด้านใต้สะดือของเขามีขนาดเท่าฝามือและตำหนักเต๋าซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ก็อยู่ด้านบน เย่ฟ่านศึกษาคัมภีร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกและสร้างมันขึ้นมาอย่างคลุมเครือ
เทพเจ้าและเทพธิดาทั้งห้าในตำหนักเต๋าซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมากกับอวัยวะภายในทั้งห้าซึ่งประกอบด้วย หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต มันเป็นแก่นสารของชีวิตทั้งมวลในร่างกายของผู้ฝึกฝน
ผู้คนสามารถเลี้ยงเทพที่อยู่ในร่างกายให้เป็นชีวิตที่สอง ต่อให้ร่างกายของพวกเขาถูกทำลายไปแต่ตราบใดที่เทพยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็ยังจะสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้
ต้นกำเนิดของหนอนโบราณในมือของเย่ฟ่านได้รับการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้มันมีลักษณะหมอกมัวพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของมันถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเย่ฟ่านนานแล้ว
"ทะลวงไปในครั้งเดียว ถ้าไม่สำเร็จข้าขอยอมตาย"
เย่ฟ่านคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า ในจิตสำนึกของเขาร่างกายของเขากำลังทะลวงขึ้นสู่สวรรค์ซึ่งมีประตูขนาดใหญ่คอยปิดกั้นอยู่
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่ กำลังทั้งหมดที่เขามีในร่างกายถูกใช้เพื่อกระแทกประตูบานนั้นให้เปิดออก
"ปัง"
ภายในประตูสวรรค์ลมหายใจของเหล่าทวยเทพพัดพามาสัมผัสกับร่างกายของเขา สายลมนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเต๋าที่ลึกซึ้ง
ตอนนี้ประตูเปิดออกแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้นคือก้าวข้ามประตูไป เย่ฟ่านไม่ได้เดินข้ามไปในทันที เขาเลี้ยวมองกลับหลังชั่วขณะ จากนั้นเท้าของเขาก็ก้าวข้ามประตูสวรรค์ไปโดยไม่มีความลังเลอีกต่อไป
“ผู้ใดสร้างตำหนักเต๋า แสงห้าสีนี้ไม่เกิดขึ้นในโลกมานานหลายพันปี?” ห่างออกไปหลายร้อยลี้มีคนเห็นนิมิตนี้ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เต๋าสวรรค์อันลึกล้ำที่แฝงอยู่ในพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง เกรงว่าแม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราในตอนที่สร้างตำหนักเต๋าก็ยังไม่น่าตกตะลึงถึงขนาดนี้”
“อาจเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเจียง ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้ร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะสร้างฉากอันน่าตื่นเต้นขนาดนี้ขึ้นมา?”
ผู้ฝึกตนที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้เห็นพลังปราณทั้งห้าพุ่งขึ้นไปบนฟ้า พวกเขารีบบินเข้ามาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็วโดยต้องการที่จะมองให้เห็นผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนรกร้างในอนาคต
อย่างไรก็ตามระยะทางนั้นไกลมากจนพวกเขาไม่สามารถไปถึงได้ทันเวลา เพราะเสาพลังปราณที่เหมือนมังกรทั้งห้าที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ได้หายสาบสูญไปแล้ว
เย่ฟ่านเลื่อนขั้นเป็นผู้บ่มเพาะอาณาจักรลึกลับตำหนักเต๋าอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ตอนนี้ปัญหาที่เขาต้องเจอคือเขาควรเลือกบ่มเพาะเทพองค์ไหนก่อน?
“ในเมื่อไม่มีแบบอย่างให้ข้าเห็น ถ้าเช่นนั้นก็เลือกหัวใจก่อนดีกว่า” เย่ฟ่านไม่มีความลังเลอีกต่อไป
"หัวใจเป็นนายของร่างกาย มันเป็นรากฐานของทุกสิ่งและเป็นนายผู้ยิ่งใหญ่ของอวัยวะภายในทั้งห้า"
“การกำเนิดเรียกว่าแก่นแท้ และแก่นแท้ทั้งสองที่รวมกันถูกเรียกว่าเทพ” เย่ฟ่านท่องเนื้อหาในคัมภีร์โบราณอย่างเงียบๆ
ในขณะนั้นเย่ฟ่านพบว่าต้นกำเนิดกำเนิดไฟสีแดงในมือของเขามีปฏิกิริยาอย่างพิเศษมันกลายเป็นแก่นแท้แห่งไฟและพุ่งเข้าสู่ร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงเทพที่อยู่ในหัวใจของเขา
"หัวใจเป็นอวัยวะแห่งไฟ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง" เย่ฟ่านเข้าใจอย่างชัดเจนและกล่าวด้วยความตื่นเต้น
………
หลายวันต่อมาร่างกายของก็สว่างไสวและล่องลอยราวกับเซียน เขากลับสู่บ้านหินด้วยความองอาจกล้าหาญ
เมื่อปู่ห้าเห็นเขากลับมาชายชราก็ดึงเขาไปกระซิบบางอย่าง
"มีบางอย่างเกิดขึ้น"
"มีอะไรผิดปกติ?" เย่ฟ่านถาม
“หวังซู่และเอ้อหรงจื่อตั้งแต่ออกไปกับเจ้าก็มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับพวกเขา กระดูกบริเวณหน้าผากของพวกเขาเกิดแสงสว่างขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว” ปู่ห้าขมวดคิ้ว เผยให้เห็นถึงความกังวล
“สายเลือดของพวกเขาถูกกระตุ้นขึ้นแล้ว?” เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจในใจและกล่าวว่า
“พาข้าไปดู”
“พวกเราต่างก็กลัวเป็นอย่างมาก หากมหาอำนาจพวกนั้นรู้เรื่องเข้าพวกเขาจะต้องมาเอาตัวเด็กน้อยทั้งสองอย่างแน่นอน” ปู่ห้าพาเย่ฟ่านไปที่บ้านของเอ้อหรงจื่อ
ทันทีที่เข้าไปในประตูลานบ้าน เย่ฟ่านรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่ไม่สิ้นสุด
“พี่เย่ เจ้ามาแล้ว” น้องสาวของเอ้อหรงจื่อยิ้มอย่างอ่อนหวาน สาวน้อยไร้เดียงสามาก
“พี่ชายของเจ้าสบายดีไหม” ท่านปู่ห้าให้นางนำทางไป
“สบายดี กินอิ่มนอนหลับสบาย นอนเหมือนหมูขี้เกียจทุกวัน” เด็กหญิงตัวเล็กๆจากตระกูลเล่ยยิ้มแย้มแจ่มใส
เสียงครวญครางมาจากบ้านและเอ้อหรงจื่อกำลังนอนอยู่บนเตียงดิน เขานอนหลับสนิทในขณะที่กระดูกหน้าผากของเขาส่องแสงสว่างไสวราวกับอัญมณี
พลังศักดิ์สิทธิ์!
มันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน!
เย่ฟ่านประหลาดใจมาก เมื่อไม่กี่วันก่อนเอ้อหรงจื่อยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา แต่ในวันนี้เขากลายเป็นผู้บ่มเพาะไปแล้ว