293 - ญาณวิเศษลับสำแดงเดช
293 - ญาณวิเศษลับสำแดงเดช
“เจ้าลิงโคลน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก” ที่ด้านหลังเย่ฟ่านมีคนส่งเสียงอย่างต่อเนื่อง
"ความอับอายที่ข้าได้รับพวกเจ้าจะต้องชดใช้" ในระยะไกลหลิวเฉิงเอินปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง
“พวกเจ้ามาเพื่ออะไร?” เย่ฟ่านเผยรอยยิ้มเย็นชา
“จนตอนนี้เจ้ายังแกล้งโง่อยู่อีก เจ้าเด็กบ้านนอกที่ไม่รู้จักตาย!” คนเจ็ดหรือแปดคนหัวเราะอย่างไร้ความปราณีและล้อมรอบพวกเขา
“หลิวเฉิงเอิน เจ้ามาที่นี่เพื่อคืนต้นกำเนิดหรือไม่” มุมปากของ เย่ฟ่านโค้งงอเล็กน้อย
“เจ้ากล้าดียังไง!” หลิวเฉิงเอินกางพัดของเขาออกอย่างรวดเร็วและส่ายหัวถอนหายใจพร้อมกับกล่าวว่า
“ในตอนแรกข้าต้องการจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายขนาดนี้เห็นทีข้าคงทำไม่ได้แล้ว”
“เจ้าคิดว่าตัวเองพิเศษอย่างนั้นหรือ?” เย่ฟ่านหยิบสัญญาขึ้นมาฉีกเป็นผุยผงและพูดอย่างประชดประชันว่า
“ในความเป็นจริงสัญญานี้ก็ไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว”
“ลิงโคลนที่น่าสงสารจริงๆ เจ้าเตรียมตัวตายซะเถอะ” หลิวเฉิงเอินแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยามและสั่งคนเหล่านั้นว่า
"อย่ากำจัดพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว ให้ข้าได้ทรมานมันช้าๆ"
“ข้าขี้เกียจเสียเวลากับพวกเจ้าแล้ว!”
ใบหน้าของเย่ฟ่านแสดงออกอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับกระแทกหมัดออกไปอย่างรุนแรง
ผู้คนมากมายที่วิ่งเข้ามาต่างกรีดร้องอย่างน่าสังเวช แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกตนแต่ร่างกายของคนพวกนี้จะเทียบกับเย่ฟ่านได้อย่างไร?
“เจ้าไม่ใช่คนคนงานเหมือง เจ้าเป็นผู้ฝึกฝน เจ้าอายุน้อยแค่นี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร”
ม่านตาของหลิวเฉิงเอินหดตัวอย่างรวดเร็ว เย่ฟ่านดูอายุเพียงสิบห้าปี แต่พลังแบบนี้ให้มันทำให้เขาหนาวสั่นถึงขีดสุด
เขากระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าและต้องการจะบินหนีไป แต่ตอนนี้ฝ่ามือเย่ฟ่านกดไปข้างหน้า ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
"ปัง!"
ด้วยการตบเพียงครั้งเดียวหลิวเฉิงเอินก็กลายเป็นขี้เถ้ากระจัดกระจายไปตามสายลม!
คนสองคนยังคงห่างกันมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าสะพรึงกลัวถึงขนาดนี้ รูปแบบการโจมตีและการฆ่าของเย่ฟ่านอาจกล่าวได้ว่าในบุคคลรุ่นเดียวกันไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้
ที่ด้านหลังพี่ชายของหลิวเฉิงเอิน ชายชุดสีม่วงเคลื่อนไหวราวกับประกายแสง เขาหลบหนีไปได้ไกลกว่าหนึ่งลี้แล้ว
อย่างไรก็ตามฝีเท้าของเขาจะเร็วได้เท่าไหร่? เย่ฟ่านเพียงเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งก็ไล่ตามเขาทำแล้ว
“เจ้าเองก็เป็นผู้ฝึกตนของอาณาจักรปรามิตา เจ้าไม่มีความกล้าแม้แต่จะต่อสู้เหรอ?” เย่ฟ่านเย้ยหยันแล้วยื่นมือไปข้างหน้าพร้อมกับกล่าวว่า
“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะมาใช้หนี้แทนน้องชาย ไม่คิดว่าเจ้าจะปล่อยให้เขาตายไปแบบนั้น”
หลิวเฉิงหวังชายชุดม่วงก็มีความเด็ดขาดเช่นกัน พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาระเบิดออกมาจากร่างกายในขณะเดียวกันอาวุธวิเศษทั้งสี่ชนิดของเขาก็บินเข้าหาเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านยังคงยิ้มแย้มแต่การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความลึกลับที่สามารถพัฒนาเป็นพันกระบวนท่าและหมื่นรูปแบบ เขาเป็นเหมือนหงส์เพลิงที่กำลังสลัดขน
แขนทั้งสองข้างกางออก แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีสาดกระจายไปรอบข้างบดขยี้ทั้งสิบทิศ
เสียงกรอบแกรบดังขึ้น อาวุธทั้งสี่ของผู้บ่มเพาะอาณาจักรอีกด้านหนึ่งทั้งหมดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
“นี่เป็นทักษะลับแบบไหนกัน?”
หลิวเฉิงหวังชายในชุดสีม่วงตกใจ หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาเชื่อว่าแม้แต่ผู้ฝึกฝนตำหนักเต๋าก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้
เขารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย ไอสังหารที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยออกมาทำให้เขาแทบจะคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัว
“นี่เป็นญาณวิเศษลึกลับที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้ชื่อของมัน
ไม่ช้าก็เร็วมันจะเขย่าดินแดนรกร้างตะวันออก ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่สั่นสะเทือน หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะทักทายบุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์ในนรกแทนข้า"
หัวใจของเย่ฟ่านมั่นคง พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาท่วมท้นเตรียมจะบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามให้กลายเป็นละอองเลือด!
“เจ้า ...... ปล่อยข้าไปเถอะไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรข้าก็จะมอบให้”
ความตั้งใจที่จะต่อสู้ของชายชุดม่วงถูกทำลายไปแล้ว ในขณะนี้เขาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ในโลกนี้ถึงกับมีญาณวิเศษที่น่ากลัวระดับนี้ได้?
เย่ฟ่านไม่ได้รู้สึกสงสารฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย ฝ่ามือของเขาฟาดไปข้างหน้าพร้อมกับปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไหลออกมา ทำให้ความว่างเปล่าที่อยู่รอบข้างแตกสลายคล้ายกับใยแมงมุม
"เมตตาด้วย!"
ชายชุดม่วงไม่ได้มีเจตนาจะสู้อีกต่อไป จู่ๆเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับโขกศีรษะด้วยความกลัว
“พี่ชาย พวกเราอยู่คนละโลกกันความแข็งแกร่งของท่านไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเทียบได้ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ เมตตาชีวิตของข้าด้วย”
เขาแทบจะคุ้มคลั่งไปแล้ว ใบหน้าของเขาโขกลงกับพื้นจนเลือดอาบแต่เขาก็ยังร่ำร้องด้วยความหวาดกลัว
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าโจมตีข้าอย่างสุดกำลัง” เย่ฟ่านปิดมือของเขา แสงที่ถูกปลดปล่อยออกมาถูกเก็บกลับไปอีกครั้งและพลังความกดดันมากมายมหาศาลก็หายสาบสูญไปอย่างรวดเร็ว
"ฆ่า!"
หลิวเฉิงหวังรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน เขาเผาผลาญทะเลแห่งความทุกข์ของตัวเองเพื่อปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ปัง."
ไม่ทราบว่าหางของมังกรศักดิ์สิทธิ์สีทองปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อมันฟาดเข้าใส่หน้าอกของหลิวเฉิงหวัง ในทันใดนั้นผู้ฝึกตนอาณาจักรอีกฝั่งหนึ่งคนนี้ก็กลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา
………..
เย่ฟ่านกลับไปที่หมู่บ้านหินเพื่อจะบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรตำหนักเต๋า แต่ก่อนหน้านั้นเขาไปพบท่านปู่ห้าเพื่อสอบถามเรื่องราวของหวังซู่และเอ๋อหร่งเกี่ยวกับสายเลือดของพวกเขาก่อน
"เลือดของพวกเขามีลักษณะปีศาจ" หลังจากนั้นไม่นานปู่ห้าก็ตอบแบบนี้
"เกิดอะไรขึ้น?" เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ
“ในเมื่อเจ้าต้องการเรียนรู้ตำราต้นกำเนิดสวรรค์ การบอกความลับนี้ก็ไม่เสียหายอะไร” ท่านปู่ห้าถอนหายใจและกล่าวว่า
“บรรพบุรุษคนแรกของเรา ภายหลังเขาเริ่มประพฤติตัวแปลกๆและมักจะหายตัวไปนาน ครั้งหนึ่งหายไปนานกว่าครึ่งปีและเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็อุ้มเด็กสองคนกลับมาด้วย”
เย่ฟ่านเข้าใจดีว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นบรรพบุรุษของแซ่หวังและเล่ยเขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า
"อะไรคือสิ่งพิเศษเกี่ยวกับพวกเขา?"
“เด็กสองคนนั้นแข็งแกร่งมากจนสามารถยกผู้ใหญ่ขึ้นได้แม้จะไม่เคยฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาก่อน” สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดปากต่อปากของผู้คนในตระกูลจาง
เย่ฟ่านอ้าปากค้าง ทารกยกผู้ใหญ่ได้ ต่อให้มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาเซียนมากแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะมีร่างกายแบบนี้เกิดขึ้นมาในโลกนอกเสียจากว่า..?
"พวกเขาเป็น ...... มนุษย์หรือเปล่า"
นี่คือความสงสัยที่เขามีอยู่ในใจมานาน สายเลือดลึกลับนี้คือตัวอะไรกันแน่
“ใช่ นอกจากนั้นพวกเขายังมีลักษณะอื่นๆที่ไม่เหมือนมนุษย์” เสียงของท่านปู่ห้าสงบในขณะที่เขาพูด
"เลือดของพวกเขาเป็นสีเงิน กระดูกหน้าผากของพวกเขาสามารถเปล่งแสงได้ ดวงตาของพวกเขาเกิดมาพร้อมกับนัยน์ตาดำหนึ่งคู่ที่อยู่ในตาเพียงข้างเดียว และความผิดปกติอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว"
เย่ฟ่านประหลาดใจ เลือดเป็นสีเงิน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์ แสงกระดูกหน้าผากต้องเกิดมาพร้อมกับพลังศักดิ์สิทธิ์อันเลิศล้ำ
ว่ากันว่าญาณวิเศษอันลึกลับของเผ่าพันธุ์อสูรจะส่งต่อกันมาทางสายเลือดและจะปรากฏขึ้นบนกระดูกของหน้าผากในตอนที่อายุของพวกเขาเหมาะสม
สำหรับดวงตาที่เกิดมาพร้อมกับนัยน์ตาคู่ซึ่งมีความพิเศษเป็นอย่างมาก และตำนานจีนโบราณกล่าวไว้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นจักรพรรดิโบราณ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์
เย่ฟ่านลูบคางครุ่นคิดและถามว่า
"บรรพบุรุษของท่านไม่เคยกล่าวถึงต้นกำเนิดของพวกเขาเลยหรือ"
“ในตอนนั้นพฤติกรรมบรรพบุรุษของข้าเริ่มแปลกประหลาดจนผู้คนหวาดกลัวแล้ว แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ยังสั่งเสียลูกหลานไว้ว่าต้องหาภรรยาที่เป็นมนุษย์ให้กับเด็กทั้งสอง
และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทายาทที่เกิดขึ้นมาของเด็กทั้งสองก็จะเป็นหน้าที่ของตระกูลจางที่ต้องค้นหาภรรยาที่เป็นมนุษย์ให้ในทุกรุ่น”