ตอนที่แล้วChapter 162 (เปิดพรีสุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าครับ162-165)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 164 (เปิดพรีสุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าครับ162-165)

Chapter 163 (เปิดพรีสุขสันต์ปีใหม่ล่วงหน้าครับ162-165)


ในความสิ้นหวัง ขุนนางของสภาคองเกรซทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเอกซ์คาลิเบอร์เท่านั้น.

ฮีโร่ที่รออยู่ก็เดินหน้าต่อไป.

สำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์ยังส่งกองกำลังเฉพาะกิจที่ใส่เกราะสงครามไปด้วย.

ซอดใช้เงินที่ได้จากประเทศต่างๆกับสำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์เพื่อซื้อเกราะสงครามและไอร่อนโอเวอร์โหลดจากบริทัษของเขาเอง.

"พวกเราคือดาบในความมืด! ควบคุม,ปกป้อง,และสังหารศัตรูให้ตายตกตามกัน!"

"ข้างหลังเราเป็นมนุษย์ เราถอยไม่ได้!"

"มีแต่ต้องเดินหน้าไปเท่านั้น! คุณคือแนวป้องกันสุดท้ายสำหรับมนุษยชาติ!"

"ถือคบเพลิงและเดินไปข้างหน้า ถึงจะมีเงาตามมาตลอด แต่มันก็จะตามหลังเราตลอดไป!"

"วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการศัตรูที่แข็งแกร่งสำหรับคนที่อ่อนแอก็คือ จำนวน! ยิ่งมีจำนวนเยอะ การสูญเสียก็ยิ่งต้องเสียสละเยอะตามกัน!"

การปลุกใจก่อนทำสงครามทำให้หน่วยเฉพาะกิจตื่นเต้น.

"เราพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความตายตลอดเวลา ครับ!"

ทุกคนขานรับทันที.

"ดีมาก แด่ผู้เสียสละ!"

กองกำลังเฉพาะกิจกระโดดลงจากเครื่องบิน ขณะใส่เกราะสงครามและพวกเขาก็ลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย.

"คราวนี้ เป้าหมายคือมอนเตอร์ไอศรีม หายนะระดับผี!"

กองกำลังเฉพาะกิจได้รับการติดต่อมาจากแนวหลัง.

มอนเตอร์ระดับผี...

"ท่าน ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้?"

แบล็คควีนดูฉากนี้และถามกับซอด.

"เพื่อสร้างแนวสังคมของมนุษย์."

ซอดพูดขณะที่กำลังควงเหรียญ.

เขามาที่โลกนี้ แต่เขาไม่อยากทำตามพล็อตเรื่องอย่างไร้ความหมาย แน่นอนว่าเขาต้องการตอบแทนด้วยความขอบคุณและเมตตาและอยู่อย่างมีความสุข.

ภายใต้สมมุติฐานในการรับรู้โครงเรื่อง การไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ มันถือเป็นการสูญเปล่าอย่างมาก.

การเปลี่ยนแปลงที่ซอดทำคือการสร้างกลุ่ม'ฮีโร่'จากความหวาดกลัว.

"บางคนอาจจะแกล้งตายเพราะความกลัว แต่ก็มีบางคนโกรธเพราะความกลัวมากๆ ตราบใดที่คุณเข้าใจระดับเหล่านี้ คุณก็สามารถสร้างฮีโร่ที่มีคุณสมบัติมากมาย."

ซอดพูด.

เขาไม่อยากเห็นมนุษย์พึ่งพาวากานด้าที่เอาแต่หลบซ่อนตัวมากเกินไป เมื่อธานอสและกลุ่มแบล็คออเดอร์ของมันมาถึง.

เนื่องจากวากันด้าเป็นประเทศปิด ก็ปล่อยให้พวกเขาปิดต่อไป มันไม่มีสิ่งดีๆใดๆสำหรับมนุษย์คนอื่น.

"เมื่อโลกกำลังถูกทำลายเพราะความกลัวที่หลากหลาย ฉันหวังแค่ว่าไม่ใช่มีแค่ฮีโร่ที่ลุกขึ้นต่อต้าน..."

ซอดมีอาวุธและอุปกรณ์มากมายอย่างไม่ขาด ซึ่งรับประกันได้เลยว่ามีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่ก็มีไม่มากที่กล้าจะยืนขึ้น.

คิดถึงเรื่องนี้ทีไร เขารู้สึกว่ามันอันตรายจริงๆ มันไม่ใช่มีแค่ฮีโร่เท่านั้นที่จะลุกขึ้นมาปกป้อง และซอดคิดว่าความคิดเหล่านี้ก็ไม่เลวเลยจริงๆ.

การคาดหวังกับฮีโร่นั้นมันเป็นเรื่องง่ายที่จะผิดหวัง.

"กองกำลังนี้ชื่อว่า เฮลล์ฟอร์นไลน์(Hell Frontline=แนวหน้าฝ่านรก)."

ซอดคิดอยู่ซักพักว่าเขาควรจะเอาวัตถุกักกัน,หนังสยองขวัญและมอนเตอร์ตัวอื่นๆออกมาเพื่อฝึกคุณภาพจิตใจของเฮลล์ฟอร์นไลน์เหล่านี้.

คนที่เคยถูกทรมานด้วยความกลัวและหวาดกลัวทุกสิ่งอย่างก็สามารถเอาตัวรอดได้ กล่าวคือ พวกเขาเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูงที่จะสามารถนำพาเหล่าทหารใหม่ให้กลายเป็นทหารผ่านศึก.

อาวุธที่เขาติดตั้งสำหรับเกราะสงครามเรียกว่า พัลส์ไรเฟิล(pulse rifle=ปืนพลังแม่เหล็ก).

กระสุนแต่ละนัดมีขนาดเล็กเท่าเข็มและตัวกระสุนมีไฟสีฟ้า นี่ไม่ใช่อาวุธแบบดินปืน แต่เป็นอาวุธเทคโนโลยีในอนาคตอย่างแท้จริง แสงที่ปล่อยออกมาคือพลังจากพลังพัลส์ เมื่อยิงปืนมันจะเกิดขอบเขตการระเบิดและมีแสงสีฟ้าออกกระจายออกไป ทำให้หน่วยเฮลล์ฟอร์นไลน์ส่วนมากถูกแรงลมหรือแรงระเบิดดูดบ้างเป็นบางครั้ง.

พัลส์ไรเฟิลเป็นเทคโนโลยีคนละแบบกับที่ใช้ดินปืน มันมีอัตราการเร่งความเร็ว ที่เร็วกว่ากระสุนที่ใช้ดินปืนเป็นแรงขับหลายเท่า.

เฮลล์ฟอร์นไลน์ก็เผชิญหน้ากับมอนเตอร์ไอศรีมและพวกเขาก็เปิดฉากยิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ.

กระสุนขนาดเล็กคล้ายเข็มซึ่งมีพลังทำลายล้างที่ไม่เหมือนใครและมีความเร็วและการทะลวงทำให้เกิดรูขนาดเท่ากำปั้นบนร่างของมอนเตอร์ไอศรีมอย่างง่ายดาย.

ก่อนหน้านี้ มอนเตอร์ไอศรีมตัวนี้สามารถต้านทานการโจมตีจากปืนครก 105 มม. ได้ โดยไม่มีการบาดเจ็บ!

ภาพนี้ทำให้เหล่าผู้คนมีกำลังใจสูงมาก แต่แผลของไอศรีมก็หายอย่างรวดเร็ว.

จากนั้นมันก็โต้กลับและคนของเฮลล์ฟอร์นไลน์ก็ถูกบอลหิมะโจมตีไปหลายคน แม้ว่าพวกเขาจะสวมเกราะสงคราม แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงถูกแรงจากบอลหิมะจนล้มลง โชคดีที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเอ็กซ์คาลิเบอร์สวมเกราะสงครามที่ถูกเคลือบด้วยโลหะคริปตอน ทำให้มันไม่ถูกทำลายทันทีเหมือนกับตัวอื่น.

ต่อมา คนจากเฮลล์ฟอร์นไลน์ก็หยิบปืนพ่นไฟที่ดูดุดันออกมา.

ระยะของมันมีเพียง 50 เมตร ปืนชนิดนี้จะปล่อยบอลพลังงานความร้อนสูงที่มีขนาดเท่ากับลูกบาส ซึ่งสามารถสร้างอุณหภูมิได้หลายพันองศาหรือสูงกว่าหลังจากที่กระทบกับวัตถุและสามารถละลายวัตถุเหล่านั้นจนกลายเป็นไอได้ทันที. .

เพราะมันล้ำหน้าเกินไป ซอดเลยมักไม่ใช่อาวุธประเภทนี้.

ท้ายที่สุด มันมีพลังที่มากมายและง่ายต่อการทำให้คนอื่นบาดเจ็บ.

ทันทีที่ยิงออกไป มอนเตอร์ก็รับรู้ได้ถึงอันตรายและเลือกที่จะหลบเลี่ยง บอลพลังงานสีน้ำเงินก็กระทบในจุดที่มันยืนอยู่ก่อนหน้านี้.

จากนั้น มันก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าดินที่ถูกบอลพลังงานกระทบได้ระเหยกลายเป็นไอทันทีและดินที่เหลือก็ถูกหลอมเหลวกลายเป็นหินหนืดเหมือนกับลาวาอย่างช้าๆ.

"เวรเอ้ย มันรู้จักหลบด้วย!"

"โจมตี อย่าให้มันมีที่ซ่อน!"

"ระเบิดแรงโน้มถ่วงอยู่ไหน!"

กองกำลังเฮลล์ฟอร์นไลน์ได้เรียนรู้วิธีจัดการกับมอนเตอร์ไอศรีมอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณประสบการณ์ที่มีค่ามากมายจากเอเลี่ยนที่หลากหลายประเภทเข้ามาโจมตีโลกก่อนหน้านี้.

คนที่เหลือก็เปิดฉากยิง พลังที่ท่วมท้นของพัลส์ไรเฟิลได้กระจายไปทั่วทุกบริเวณ ประกอบกับการระเบิดฉีกกระชากขนาดใหญ่ ความเสียหายที่มันสร้างนั้นเทียบเท่ากับการถูกยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่ แต่มอนเตอร์ไอศรีมนั้นก็เกินกว่าที่จะถูกโจมตี มันป้องกันการโจมตีของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ง่ายๆ.

มันจะตายทันที!

หากมันโดนสักนัด มันตายแน่!

"หมอบลง!"

คนจากเฮลล์ฟอร์นไลน์ดึงระเบิดแรงโน้มถ่วงออกมาพร้อมกับแกะสลักและโยนใส่มอนเตอร์ไอศรีม.

คนอื่นๆรีบหมอบลง พวกเขาได้เห็นระเบิดแรงโน้มถ่วงที่น่าสยดสยองแล้ว ไม่พูดเกินจริงไปว่าซอดนั้นเป็นอัจฉริยะอย่างมาก ในขณะที่อาวุธของเขาที่เขาคิดค้นนั้นไม่เพียงแต่จะก้าวหน้า แต่พลังนั้นก็เหนือจินตนาการ.

มอนเตอร์ไอศรีมไม่สนในระเบิดมือที่ขว้างออกมา ท้ายที่สุด มันก็ได้รู้ถึงระเบิดแรงโน้มถ่วงขณะที่อยู่ใกล้มันในระยะ 100 เมตรและทันทีที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายของมันก็รู้สึกหนักทันที หลังจากที่ระเบิดเกิดการระเบิดขึ้น พื้นดินที่มีลูกระเบิดเป็นจุดศูนย์กลางก็ยวบลงทันที ระยะที่วงคลื่นที่เกิดจากการยวบตัวของพื้นดินก็กระจายออกไปรอบๆ แรงโน้มถ่วงนี้มากพอที่แม้แต่มอนเตอร์ระดับผีก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกแสดงความกลัวของมันออกมา.

มันรู้สึกว่ากำลังจะตาย!

จากนั้นก็จบ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด