ตอนที่แล้วตอนที่ 13 ภูตวารี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 ความฝันของสการ์เล็ต

ตอนที่ 14 เวทมนตร์ระดับเงิน


ตอนที่ 14 เวทมนตร์ระดับเงิน

ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

“พี่ครับ พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?” วัตสันแกล้งทำเป็นไม่รู้ “ผมเพิ่งจะเรียนรู้เวทมนตร์มาจากหนังสือในบ้าน แล้วเรื่องไก่หอมหวนห้าสีเองท่านพ่อก็บอกพี่ไปแล้วนิครับ?”

“วัตสัน!” ดวงตาของวินเซนต์ดูเฉียบคมมากยิ่งขึ้น สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “แม้แต่กับพี่เองนายก็ยังจะโกหกอย่างงั้นสินะ?”

วินเซนต์เคยเห็นวัตสันหลอมรวมอุปกรณ์ระดับทองแดงถึง 2 ชิ้นต่อหน้าต่อตา ตัวเขาต้องอดทนราวกับไม่เคยรู้อะไรมากว่าหลายวัน วินเซนต์อยากที่จะดูว่าน้องชายคนนี้จะเปิดเผยความลับหรือว่าใช้ข้อแก้ตัวแบบไหน วินเซนต์ถือว่าเป็นคนที่ใจเย็นมา แต่ท้ายที่สุดตัวเขาก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เมื่อได้เห็นเวทมนตร์อันรุนแรงวินเซนต์ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก

วินเซนต์ไม่ได้คิดอิจฉาเด็ก 10 ขวบที่มีพลังเทียบเท่าได้กับนักรบระดับเงินรวมไปถึงเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการใช้เวทมนตร์ สิ่งที่ตัวเขามีมีเพียงความสงสัย เรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวข้องกับวัตสัน วัตสันไม่สามารถใช้เรื่องหนังสือที่มีอยู่ภายในบ้านมาแก้ตัวได้เลย ภายในหนังสือมีเพียงเวทมนตร์ระดับเหล็กเท่านั้น เวทมนตร์ระดับเหล็กไม่น่าที่จะมีพลังทำลายล้างขนาดนี้

“พี่ครับ ผมยอมรับว่าผมเองก็ไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์มาจากในหนังสือ แต่ว่า...” เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้เป็นพี่คนนี้พบสิ่งผิดปกติ วัตสันก็ลังเลที่จะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับระบบ

แม้ว่าทุกคนจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่การฝากฝังความลับเอาไว้ก็ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปอยู่ดี

วัตสันควรที่จะเปิดเผยทุกอย่างจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?

ในตอนที่วัตสันยังไม่ทันได้พูด วินเซนต์ก็ได้เอ่ยปากพูดออกมาซะก่อน “พี่น่ะรู้ดี นายน่ะมีนักเวทย์ผู้แข็งแกร่งคอยถ่ายทอดความรู้ให้อยู่สินะ?”

หืม?

วัตสันที่คิดจะเปิดเผยความลับได้แต่รีบปิดปาก นักเวทย์ทรงพลังอย่างงั้นเหรอ? พี่คนนี้คิดไปถึงไหนกันแน่?

วัตสันพยักหน้าก่อนที่จะโบกมือให้ผู้เป็นพี่ได้พูดต่อ

“แม้ว่าจะฝึกเวทมนตร์ระดับสูงได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่มีวันแข็งแกร่งเท่ากับร่างกายที่เหล่านักรบมีได้ ว่ากันว่ามีเวทมนตร์บางอย่างที่สามารถหยุดการไหลเวียนของเวลา เวทมนตร์ที่ไม่แม้แต่จะให้คู่ต่อสู้ได้ป้องกันตัว! เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้เป็นนักเวทย์จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยปี มีสิ่งหนึ่งที่นักเวทย์ทั้งหลายต่างก็รู้สึกเกลียด สิ่งนั้นก็คือการเดินทางไปทั่วโลก อย่าบอกนะว่านายไปเจอกับนักเวทย์ผู้ทรงพลัง นักเวทย์คนนั้นคงจะยอมรับนายในฐานะลูกศิษย์สินะ?” วินเซนต์ที่พยายามปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเอ่ยถาม

ในโลกใบนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้อ่อนแอจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่ายอมรับให้เป็นศิษย์

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามักจะส่งต่อความรู้หรือความลับที่มีให้กับผู้ที่ยอมรับใช้ วัตสันเองก็คงจะโชคดีที่ได้เจอคนแบบนั้น เป็นเพราะไม่มีสิ่งไหนที่จะสามารถอธิบายความลึกลับของวัตสันได้เพราะแบบนั้นวินเซนต์จึงได้แต่คาดเดาไปทางนี้

เป็นไปได้ไหมที่วัตสันจะเรียนรู้เรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง?

คำตอบก็คือเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่นักเวทย์ที่แข็งแกร่งจนมีพลังระดับแพลตตินัมขึ้นไปก็ยังไม่สามารถคิดค้นเวทมนตร์ด้วยตัวเองได้

“การที่จะพูดโกหกน่ะเป็นสิ่งไม่ดีนะ วัตสัน พี่หวังว่านายจะไม่ปกปิดความลับอะไรจากครอบครัวอีก! แม้ว่านายจะแอบเรียนรู้เวทมนตร์ที่ทรงพลังมาจากผู้เป็นอาจารย์ก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่มากพอที่จะทำให้นายต้องปิดซ่อนมัน ลองเชิญอาจารย์นายมาที่บ้านพวกเราสิ พวกเราจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน”

“อาจารย์ของผมรักความสงบน่ะครับ เขาเป็นคนที่เข้าใจยากอีกด้วย แม้แต่ผมเองก็คงจะหาตัวเขาไม่พบ”

เมื่อเห็นว่าวินเซนต์มั่นใจเรื่องนี้ วัตสันก็เลยปล่อยเลยตามเลย

“ผู้ที่แข็งแกร่งน่ะมักจะทำตัวลึกลับอยู่เสมอ ฉันน่ะเข้าใจดี” เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้ว ไม่แปลกที่วินเซนต์จะคิดแบบนั้น ตัวเขาชี้ไปยังไก่หอมหวนห้าสีที่กำลังเดินไปเดินมาก่อนจะถามต่อ “ไก่หอมหวนห้าสีเองก็เป็นสิ่งที่อาจารย์มอบให้กับนายอย่างงั้นสินะ?”

“ใช่แล้วครับพี่” วัตสันทำได้เพียงพยักหน้า “พี่เองก็คงสังเกตเห็นแล้วสินะครับ สมแล้วที่เป็นพี่”

“อืม นายคิดว่าฉันใช้เวลาเป็นนักรบพเนจรมาอย่างเปล่าประโยชน์อย่างงั้นเหรอ? การเรียนรู้น่ะก็คือพรสวรรค์ของพี่เชียวล่ะ!” วินเซนต์เอามือไว้ด้านหน้าก่อนที่จะผายอกขึ้น “นายควรจะฝึกฝนต่อไปนะวัตสัน ถ้าหากอาจารย์ของนายเดินทางกลับมาเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมเชิญเขามาล่ะ”

หลังจากที่พูดจบวินเซนต์ก็ได้เดินจากไป แต่ไม่ทันที่จะเดินไปไกลจนหายลับตัวเขาก็ได้หันกลับมาพูดก่อน “แล้วเรื่องชุดเกราะที่นายบอกว่าจะทำน่ะ...”

“ไม่ต้องห่วงไปครับพี่ ผมจะต้องมอบของทุกอย่างให้กับพี่ ผมจะต้องทำทุกอย่างเสร็จในอีกไม่กี่วันแน่” วัตสันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้เป็นพี่คนนี้จะมีจินตนาการที่ล้ำหน้าไปมาก สำหรับวัตสันแล้วมันถือเป็นเรื่องดี ยังไงซะตัวเขาก็ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก

“ยังจะคิดหลอกพี่อยู่อีกสินะ? นายน่ะบอกว่าเรียนรู้เวทมนตร์มาจากอาจารย์ แต่นายน่ะสร้างชุดเกราะทุกอย่างด้วยมือของตัวเองได้” วินเซนต์หันศีรษะไปก่อนที่จะจ้องมองวัตสันอย่างโกรธเคือง “พี่ก็เพิ่งจะบอกนายไปว่าการโกหกไม่ใช่สิ่งที่ดี”

ห๊ะ?

วัตสันตกตะลึง ท้ายที่สุดแล้ววัตสันก็ไม่เคยพูดมาก่อนว่าการหลอมรวมอุปกรณ์ทั้งหมดได้เป็นสิ่งที่ได้มาจากอาจารย์ นอกจากนี้เรื่องของไก่หอมหวนห้าสีเองก็เช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะจินตนาการของวินเซนต์

วัตสันยังคงสับสน ท้ายที่สุดเสียงของวินเซนต์ผู้เป็นพี่ก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “พี่น่ะเห็นหมดแล้วว่านายซ่อนอุปกรณ์เอาไว้ที่บ้าน พี่จะเอาอุปกรณ์พวกนั้นให้กับพี่น้องทุกคนได้ดู พี่เชื่อว่าพ่อของพวกเราจะต้องมีความสุขมากแน่ถ้าหากมีอัจฉริยะช่างตีเหล็กอย่างนายปรากฏขึ้นในครอบครัว”

...

ครึ่งชั่วโมงต่อมา วัตสันก็เลือกที่จะเดินเข้าไปในฟาร์ม ตัวเขาได้ผลักวัชพืชที่สูงกว่าตัวเองก่อนที่จะเดินต่อด้วยความยากลำบาก

ก่อนหน้านี้ตัวเขาเกือบที่จะถูกผู้เป็นพี่เปิดเผยความลับแล้ว แต่หลังจากที่สอบถามอย่างระมัดระวังตัว ตัวเขาก็รู้ว่าวินเซนต์เห็นว่าวัตสันกำลังใช้ระบบฟิวชั่นอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่วินเซนต์จินตนาการออกมาวัตสันก็อดไม่ได้ที่จะขำ

หลังจากที่กลับบ้าน ตัวเขาก็ได้นำเสื้อกั๊กหนามรวมไปถึงดาบวายุออกมาจากห้อง วัตสันได้นำของทั้งหมดออกมามอบให้กับวินเซนต์นั่นเอง

วินเซนต์ได้แต่เหลือบมองดูอุปกรณ์ที่แสนจะงดงามทั้งสองชิ้น แม้แต่ผู้เป็นพ่ออย่างเอ็ดเวิร์ดเองก็ยังต้องอิจฉาเมื่อได้เห็นอุปกรณ์เหล่านั้น เอ็ดเวิร์ดที่เห็นผู้เป็นลูกได้อุปกรณ์ไปเอ่ยปากถามขึ้น “ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ฉันเองก็ยังไม่มีอาวุธที่เหมาะกับตัวเองเหมือนกัน ทำไมลูกไม่ให้พ่อยืมสักพักหนึ่งล่ะ?”

แคทเธอรีนที่ฟังแบบนั้นรีบดึงหูของเอ็ดเวิร์ดไปในทันที “คุณจะต้องไร้ยางอายแค่ไหนกันถึงกล้าแย่งของลูกได้น่ะ?”

ในตอนนี้ลูกคนที่สามและลูกคนที่สี่ไม่อยู่ ในขณะเดียวกันลูกคนที่ห้าและคนที่หกก็ยังอยู่ชั้นบน คนเดียวที่ยืนอยู่ด้วยก็คือสการ์เล็ต ลูกคนที่เจ็ด แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกอิจฉาผู้เป็นพี่ชาย สการ์เล็ตพยายามตามตื๊อวัตสันให้ช่วยสร้างอุปกรณ์ให้เช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นวัตสันก็เลือกที่จะหนีไป

สุดท้ายแล้วข่าวเรื่องฝีมือในการสร้างอุปกรณ์ของวัตสันก็ถูกเผยแพร่ไปทั้งครอบครัว ถ้าหากพี่น้องของเขากลับมา วัตสันก็จะต้องถูกรบกวนไม่รู้จบ

หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้วัตสันก็ตระหนักได้แล้วว่าฟาร์มไก่อยู่ใกล้บ้านจนเกินไป สิ่งที่ตัวเขาได้ทำมีโอกาสสูงที่จะถูกพบเห็นได้ แต่พื้นที่รกร้างในฟาร์มไม่ใช่แบบนั้น ที่ตรงนั้นดูลับสายตาคนมากกว่า เพราะแบบนั้นวัตสันจึงตัดสินใจที่จะไปทำอะไรตรงที่รกร้างแทน

“ฉันจะต้องฟิวชั่นรวมเวทมนตร์ระดับทองแดงซะก่อน และแน่นอนว่าต้องกำจัดวัชพืชด้วย” วัตสันพยายามทิ้งความคิดที่ฟุ้งซ่านทั้งหมดไป ตัวเขาเริ่มฟิวชั่นเวทอัญเชิญผองภูตน้ำและเวทพายุฝน ในอดีตวัตสันเคยฟิวชั่นเวทมนตร์ระดับเหล็กมาก่อน ตัวเขาที่มีประสบการณ์จึงคิดสงสัยมาโดยตลอดว่าการฟิวชั่นเวทมนตร์ระดับทองแดงจะเป็นเช่นไร

[ยินดีด้วย! ฟิวชั่นเวทระดับทองแดงสำเร็จ ได้รับเวทมนตร์ระดับเงิน: นักรบวารี]

ปั๊ง!

ทันทีที่เริ่มใช้เวทมนตร์ เมฆดำก็เริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าในทันที ลมแรงได้พัดผ่านกิ่งไม้และใบหญ้า ไม่นานนักฝนก็เริ่มโปรยปราย ถ้าหากจะเรียกว่าสายฝนก็คงจะไม่ใช่คำที่เหมาะสม หยดน้ำได้มารวมตัวกันจนดูคล้ายกับมังกรน้ำมากกว่า เมื่อมังกรน้ำตกลงสู่พื้น ในตอนนั้นมันก็ได้กลายเป็นนักรบสูงใหญ่ นักรบที่เห็นสูงราวๆ 3 เมตร นักรบตัวนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเกราะหนาและยังมีดาบยาวและโล่อยู่ภายในมือ

นักรบที่ถูกอัญเชิญมีจำนวนกว่าหลายร้อยตน มันเป็นนักรบที่ดูคล้ายราวกับคนจริงๆ มีเพียงส่วนของร่างกายที่เป็นสีฟ้าและอาวุธที่ทำมาจากน้ำเท่านั้นที่ทำให้ดูแตกต่าง

ใกล้ๆ กับบ้านของวัตสัน ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งคนงานหลายคนต่างก็สังเกตเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เมฆดำได้ปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้ง “ฝนตกอีกแล้วอย่างงั้นเหรอ? ทำไมช่วงนี้ฝนตกบ่อยจริง”

“ฝนตกไม่ทั่วฟ้าทุกวันอย่างงั้นเหรอ? นี่มันแปลกเกินไปแล้ว”

ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด