ตอนที่แล้วบทที่ 15: เหมือนหมาตัวหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17: ผู้ฝึกสัตว์อสูรตัวจริง

บทที่ 16: ผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดุร้าย, สังหารอสูร


"ก็ไม่มีไรนิ  ไอ้นี่มันปากหมาเลยซัดเข้าให้!”

“…”

หลี่เฟยอ้าปากค้าง “เหตุผลเอ็งนี่ทำเอาพูดไม่ออกเลยว่ะ  ถึงตูจะหมั่นใส้มันอยู่เหมือนกันก็เถอะ  แต่มันเป็นผู้ฝึกยุทธดับสองเลยนา  เอ็งทำให้มันหลับไปแบบนี้  แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อล่ะ?

“เผ่นก่อนดีป่ะ? แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะเอาไงต่อ”

เจียงเหอหันไปมองแมวดำซึ่งมีขนาดเท่าลูกวัวที่อยู่ข้างหน้า

ขนของมันเป็นสีดำสนิท  และทำให้ดูเหมือนเสือดำแทนเพราะมีขนาดใหญ่

มันยังคงเดินย่องอยู่รอบ ๆ ด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาจนไม่มีเสียงฝีเท้า

“สัตว์อสูรเลเวล 1… แค่ตัวกระจอกนี่หว่า”

เจียงเหอกระซิบออกมา  แต่หลี่เฟยเหมือนจะได้ยินไม่ชัด  เขาเผลอพูดสำเนียงเหน่อ ๆ เล็ดลอดออกไปอย่างฉับพลัน "เว่าอิหยังนะ?”

"เปล่าไม่มีไรหรอก  เอ็งรู้ป่ะนี่ตูเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร  แค่ไอ้ตัวเลเวล 1 พรรค์เนี้ยสบายมากไม่มีปัญหาหรอก”

เจียงเหอจึงเดินไปข้างหน้าพร้อมกำหมัดแน่นและยิ้มออกมา “เฮ้ย  เหมียว ๆ เอ็งอยากอยู่หรือตายวะ?”

ในทางกลับกันหลี่เฟยรู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้าขณะที่วิ่งขึ้นไป  เขาถือแท่งเหล็กในมือและร้องตะโกนเสียงดัง “เจียงเหออย่าไปยั่วมัน  ถอยไปให้พ้น!  ระวัง  เอ็งเป็นนักฝึกสัตว์อสูร  แต่ร่างกายของเอ็งยังอ่อนแอ… โอ้โฮ!”

ก่อนที่เขาจะไปถึงเจียงเหอ  เขาก็ยังได้ยินเสียง 'แง้ว~~' ระเบิดดังออกมา

ดูเหมือนว่าเสียงร้องเหมือจะมีพลังพิเศษ—มันพุ่งเข้าสู่สมองโดยตรง  และทำให้ร่างกายของลี่เฟยสั่นสะท้าน

ในขณะเดียวกัน  พื้นดินใต้แมวดำก็สั่นสะเทือนเนื่องมาจากที่มันเกร็งกำลังขา  จากนั้นร่างกายของมันก็กลายเป็นภาพเบลอสีดำพุ่งเข้าหาเจียงเหอ  กรงเล็บที่แหลมคมส่องประกายเย็นเยียบภายใต้แสงจันทร์

ฟิ้ว!

เกิดลมกระโชกแรงสะท้อนออกมา

กรงเล็บแมวดำตะปบตกลงไปที่ใบหน้าของเจียงเหอเต็ม ๆ

เจียงเหอก็ไม่น้อยหน้า  ออกหมัดต่อยสวนซัดเข้าเต็มท้องมัน

ปัง!

เสียงตุ้บ ๆ และร่างใหญ่ของแมวดำก็บินถอยหลังไปหลายสิบเมตรและตกลงกระแทกพื้นดินอย่างหนักหน่วง  มันกระเด้งกระดอนไปหนึ่งทีก่อนจะกลิ้งไปอีกหลายตลบ  แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น

หลี่เฟยวิ่งไปที่ด้านข้างเจียงเหอ

เขารู้สึกตกตะลึง  ดวงตาของเขาเบิกโปน  และพูดพึมพำ “เจียงเหอ  เอ็งเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรไม่ใช่เหรอ… ทำไม… ทำไมแข็งแกร่งขนาดนี้วะ?”

เจียงเหอเพิกเฉย  และสัมผัสใบหน้าตัวเองอย่างเดือดดาล “ช่วยดูให้หน่อยดิ๊  นี่ตูเสียโฉมป่าววะ?  ไอ้แมวเวรนี่ดันมาข่วนหน้าตูซะได้”

ลี่เฟยหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและส่องไฟฉายไปที่ใบหน้าของเจียงเหอ

"ว้าว!" เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “สวรรค์โปรด  เจียงเหอหนังหน้าเอ็งไม่ด้านไปหน่อยเหรอ?   ไอ้แมวนั่นมันเป็นแมวป่า  กรงเล็บของมันคมมากจนสามารถเจาะหินได้  แต่หน้าเอ็งแค่มีรอยข่วนเล็ก ๆ สองเส้น… เดี๋ยวก่อน  รอยข่วนหายไปแล้ว”

"ไอ้บ้านิ!"

เจียงเหอหน้าบึ้งและยิงมุกกลับ “เอ็งนั่นแหล่ะหน้าด้าน!”

แต่เจียงเหอก็แอบ ๆ ชื่นชมกายาวัชระคงกระพันที่เขาฝึกอยู่

'ตูอาจยังไม่ถึงระดับที่สามารถอยู่ยงคงกระพันทั้งภายในและภายนอก  แต่ไม่มีอะไรที่ต่ำกว่าระดับสี่จะทำร้ายตูได้เว้ย  นี่ขนาดตูยังยังไม่ได้เรียนวิชาต่อสู้ใด ๆ เลยนะ  แถมยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้อีกด้วย—อ้าวนี่มันจุดอ่อนใหญ่หลวงเลยไม่ใช่เหรอวะ?'

เขาเดินไปที่แมวดำซึ่งตอนนี้เป็นศพไปแล้ว

ก็ตามนั้น  ด้วยพลังหมัดของผู้ฝึกยุทธระดับสามขั้นสูงย่อมไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรเลเวล 1 จะรับประทานไหว  โดนแค่ทีเดียวก็ไม่รอดอย่างแน่นอน

หลี่เฟยที่งงงวยอยู่ก็ตามมา  และพึมพำหลังจากตรวจสอบศพของแมวดำ “ช่องท้องถูกทะลวงเป็นรู  อวัยวะภายในก็แหลกละเอียด  และกรงเล็บขวาสามอันก็หักด้วย…”

ผ่านไปครู่หนึ่งหลังการชันสูตรพลิกศพ  เขาก็หันหลังกลับไปมองเจียงเหอ “เอ็งไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูรนี่หว่า เจียงเหอ!

“เอ็งปลุกพลังพิเศษแล้ว  ไม่บอกก็รู้ดูดิ  หนังหน้าเอ็งหนามาก  อย่างกับกระโหลกทองแดงกระดูกเหล็กอะไรเงี้ย!”

เมื่อรู้สึกว่าหลี่เฟยกำลังล้อเลียนว่าเขาหน้าด้าน  เจียงเหอจึงจะตอบโต้กลับ  แต่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน  และเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ

สัตว์อสูรอีกหลายตัวออกมาจากพงหญ้าและค่อย ๆ เข้าใกล้พวกเขา

มีมากถึงเจ็ดตัวซึ่งทั้งหมดมีวิวัฒนาการมาจากสุนัขและแมวป่า  พวกมันแต่ละตัวมีขนาดใหญ่และดูดุร้าย  ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังค่อย ๆ ล้อมเจียงเหอและหลี่เฟยอย่างช้า ๆ

ส่วนชายทั้งสองก็ยืนพิงหลังกันและกัน

“เอ๊ะ? เอ็งจะสั่นทำไมวะไอ้หมารองหลี่?”

เจียงเหอพูดเบา ๆ “เอ็งเป็นผู้เหนือมนุษย์คลาส D นะเว้ย  ไม่ใช่พวกกระจอกซักหน่อย  อย่าไปกลัวมัน  แค่คิดว่าเป็นพวกลูกหมาลูกแมวแล้วหวดมันโลด!”

“เอางั้นเลยเหรอ”

หลี่เฟยทำตามคำแนะนำและกู่ร้องตะโกนออกมาทันที  จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหาสุนัขป่าที่สูงกว่าตัวเอง  ถือไม้พลองเหล็กอยู่ในมือขณะที่เขาหัวเราะอย่างเย็นชา “เอ็งคิดว่าตูจะกลัวเรอะ? เอ็งมันก็แค่ไอ้ลูกหมา!”

ปัง!

เสียงทุบท่อนเหล็กลงบนตัวสัตว์

สุนัขป่าขนาดยักษ์เหวี่ยงอุ้งเท้าของมันเพื่อหยุดพลองเหล็ก  แต่อาวุธนั่นที่ฟาดเข้ากับกรบเล็บของมันกลับส่งทั้งตัวของมันบินไปเลย

และเมื่อเขาเห็นว่าการโจมตีของเขาได้ผล  ความมั่นใจของหมารองหลี่ก็ล้นออกมาในทันทีและเขาก็หัวเราะออกมาดัง ๆ “เอ็งอยู่เฉย ๆ ได้เลยเจียงเหอ  แค่คอยระวังหลังให้ตูก็พอ  เพราะว่า... ตูจะซัดไอ้พวกนี้ให้ตายเกลี้ยง!”

“…”

เจียงเหอตกตะลึง  ‘พลังพิเศษของพวกคลาส D มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอวะ?’

ความรุนแรงจากการฟาดพลองของหมารองหลี่ตอนนี้น่าจะถึงสองตัน

พละกำลังอันมหาศาลดังกล่าวเข้าคู่กับอาวุธหนักอย่างแท่งโลหะ—ความเสียหายจะน่ากลัวเพียงใดเมื่อถูกโจมตีอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า?

คนปกติจะตัวแตกกระจุยกระจายหากถูกแท่งเหล็กนั้นกระแทก  แต่สุนัขป่าที่โดนหลี่เฟยฟาดกระเด็นไปนั้นเพียงแค่กลิ้งไปบนพื้นหลายตลบก่อนที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง

กรงเล็บขาหน้าของมันโดนฟาดหักไปข้างหนึ่ง  แต่ประกายความโหดเหี้ยมในตามันก็ไม่หายไป  แล้วมันก็กระโจนเข้าใส่หลี่เฟยอีกครั้ง

แฮ่ร์!

มันคำรามออกมาและส่งผลให้มีแมวกับสุนัขอีก 3 ตัวพุ่งเข้าใส่หลี่เฟยพร้อมกัน

หลี่เฟยพึ่งจะปลุกพลังและมีประสบการณ์การต่อสู้จริงไม่มากนัก หลี่เฟยใช้พลังพิเศษและอาวุธของเขาในการต่อสู้กับสัตว์อสูรหนึ่งหรือสองตัวนั้นก็พอไหวอยู่

แต่ตอนนี้เขาโดน 4 ตัวรุม  แล้วถูกกดดัน

“โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย!”

“เชรี่ยพวกนี้นิ...”

การเคลื่อนไหวของเขาปั่นป่วนสับสน  เขาตะโกนแล้วตะโกนอีกด้วยความตื่นตระหนกอย่างแท้จริง  จากนั้นเขาก็สะดุดหางของสุนัขป่าตัวหนึ่งจนล้มลง “เจียงเหอ ช่วยด้วย...”

เมื่อเจียงเหอเคลื่อนไหว  สัตว์อสูรอีกสามตัวที่จับตามองเขาอยู่ก็กระโจนเข้าใส่เขาในทันที

แต่เจียงเหอก็ได้สาวหมัดสวนออกไปอย่างต่อเนื่อง  ฆ่าทั้งสามทิ้งทันทีก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้าและตวัดเท้าเตะออกไป  ซัดเข้าที่หัวแมวที่กำลังแยกเขี้ยวของมันใส่หลี่เฟยจนกระจุย

จากนั้นก็กระดิกปลายเท้าเหวี่ยงแท่งเหล็กของหลี่เฟยขึ้นมาถือไว้

อสูรอีกสามตัวก็ตกตะลึงแล้วค่อย ๆ ถอยห่างอย่างช้า ๆ ด้วยความหวาดกลัวขณะที่จ้องมองเจียงเหอไปด้วย

“สัตว์อสูรเหล่านี้ฉลาดมาก! ไอคิวของพวกมันสามารถพัฒนาไปพร้อมกับร่างกายได้ด้วยเหรอวะ?”

ตั้งแต่ตอนที่สัตว์อสูรสี่ตัวต่อสู้กับหลี่เฟยในขณะที่สามตัวจับตาดูเขาอยู่  จนถึงตอนนี้เมื่อเห็นสัตว์อสูรที่กำลังหวาดกลัวเขา  เจียงเหอก็คิดได้ “ไอ้พวกนี้มันแค่เลเวล 1 ถึงไอคิวมันจะพัฒนาขึ้นแต่มันก็ไม่ได้ฉลาดเกินไปนัก!”

ขณะที่ถือแท่งเหล็กเดินเข้าไปหา  พวกสัตว์อสูรทั้งสามก็กรีดร้องแล้วพากันเผ่นหนี

เจียงเหอไล่ตาม

แม้ว่าเขาจะไม่มีทักษะวิชาตัวเบา  แต่เขาก็เร็วกว่าสัตว์อสูรเลเวล 1-3 อย่างแน่นอน  เมื่อร่างกายผู้ฝึกยุทธระดับสามของเขาระเบิดพลังออกมาแบบเต็มกำลัง

เขาจับหนึ่งในสามได้ภายในเสี้ยววิ  แล้วฟาดมันตายในทีเดียว

ศพแรกผ่านไป  ศพสองศพสามค่อย ๆ ผ่านไป

ปิดจ๊อบ  แล้วเจียงเหอก็เดินกลับทางเดิมพลางส่ายหัว “สัตว์อสูรเลเวล 1 ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น  แทนที่พวกมันจะแยกกันหนี  อย่างน้อย ๆ คงมีตัวนึงที่รอดไปได้… เดี๋ยวดิ  เอ้อเหลิงจื่อก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเลเวล 1 ด้วยหนิ  แต่ทำไมมันฉลาดจังวะ?”

เจียงเหอกลับมาหาหลี่เฟยที่กำลังอ้าปากค้าง  มองเจียงเหอตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจียงเหอ  เอ็งแน่ใจนะว่าเอ็งเป็นผู้ฝึกอสูร?”

“แน่นวล  ตูเป็นผู้ฝึกอสูรชัวร์ ๆ!”

เจียงเหอตอบอย่างจริงจังว่า “เอ็งไม่เห็นกระบวนท่าฝึกอสูรของตูเหรอวะ?”

หลี่เฟยตะลึงงันแล้วถามกลับว่า “กระบวนท่าไหนของเอ็งวะที่มันใช้ฝึกอสูร?”

“ก็กระบวนท่า  ฟังตูเอ็งก็อยู่  ขวางตูเอ็งก็ตาย  ยังไงเล่า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด