ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 31 ชายหัวโล้นผู้น่าสงสาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 33 แค่สุนัขแต่กลับดูถูกคน

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 32 กลับบ้าน


ตอนที่ 32 กลับบ้าน

เวลาบ่ายในช่วงฤดูร้อนช่างร้อนมาก แสงอาทิตย์ร้อนแรงได้สาดส่องลงมา!

ภายในภัตตาคารแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมืองว่านซาน…

เมื่อทุกคนมาถึงว่านซานก่อนเที่ยงตรง ครอบครัวของหวงเจิ้งหมิงจึงได้ทำการจองห้องส่วนตัวในภัตตาคารหรูหราแห่งหนึ่ง พร้อมกับสั่งอาหารมามากมาย ทั้งเพื่อบำรุงร่างกายของหวงเจิ้งหมิงด้วย และเป็นการเลี้ยงขอบคุณเย่โม่ไปด้วย

ภายในห้องส่วนตัวนั้น ตรงกลางมีโต๊ะกลมตัวใหญ่ตั้งอยู่ และเวลานี้ อาหารหลากหลายชนิดมากมายก็ถูกนำมาตั้งเรียงรายจนเต็ม ทุกคนเห็นแล้วก็ได้แต่น้ำลายสอ ต่างคนต่างก็กินกันไปและพูดคุยกันไปด้วย

เวลานี้ นอกเหนือจากครอบครัวของหวงเจิ้งหมิงและเย่โม่แล้ว ก็ยังมีข้าราชการกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ด้วย ซึ่งมีทั้งเลขาธิการเขตเมืองฉางเฟิง รองหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงประจำมณฑล และผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาประจำเมืองว่านซาน

เมื่อทุกคนต่างก็ได้ยินว่า เด็กหนุ่มอย่างเย่โม่คือผู้ที่สามารถรักษาอาการป่วยของหวงเจิ้งหมิงได้ ทุกคนก็ได้แต่ตกตะลึง และเวลานี้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวรวมทั้งตัวหวงเจิ้งหมิงนั้น ก็ปฏิบัติต่อเย่โม่ด้วยความเคารพนอบน้อมประหนึ่งว่าเขาคือเทพเจ้า ทั้งหมดจึงได้แต่มองเย่โม่ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไป

สำหรับคนพวกนี้แล้ว หวงเจิ้งหมิงก็นับเป็นหัวหน้าของพวกเขา เมื่อได้ยินว่าเย่โม่เป็นผู้มีบุญคุณกับเจ้านายของตนเองแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องปฏิบัติต่อเย่โม่ด้วยความนอบน้อมเช่นกัน ไม่มีใครกล้าแสดงความหยิ่งจองหองออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

และในระหว่างที่พูดคุยกันไปนั้น พวกเขาก็ได้รู้เพิ่มเติมว่า เย่โม่ได้โควต้าพิเศษเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยจี่หนิง ทั้งหมดก็ได้แต่แอบถอนหายใจ

และหากพวกเขาได้รู้ว่า เย่โม่คือแขกคนพิเศษของหวังหมิงชางแล้วล่ะก็ กระทั่งหวงเจิ้งหมิงเองก็คงต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างแน่นอน!

“ขอบคุณคุณเย่มากเลยนะครับ ที่ช่วยรักษาเจ้านายของพวกเราจนหาย!”

“นั่นน่ะสิครับ! ผมเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ฉางเฟิงเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าวันหน้ามีโอกาส หวังว่าพวกเราจะได้ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ!”

“ฮ่าๆๆ หยานเหวิน ยังไม่ทันไรก็นัดกันจะไปกินข้าวนอกรอบกับเสี่ยวเย่แล้วเหรอ?” หวงเจิ้งหมิงถึงกับหัวเราะออกมา และอดที่จะหยอกเย้าคนของตัวเองไม่ได้

“ฮ่าๆๆ ท่านนายกเทศมนตรีหวงรู้ทันผมอีกแล้วนะครับ! ได้ๆ ผมจะดื่มเหล้าแก้วนี้เพื่อเป็นการขอขมาก็แล้วกันนะครับ!”

หยานเหวินรีบตอบกลับไปทันที พร้อมกับกระดกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด!

หลังจากที่ดื่มกินและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแล้ว เย่โม่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นหลังมื้ออาหารว่า เขาออกจากบ้านมาสองสามวันแล้ว ได้เวลาที่เขาจะต้องกลับเสียที!

อีกทั้งพรุ่งนี้ก็เป็นวันจันทร์พอดี เฟิงกั๋วตงเองก็ต้องกลับไปสะสางงานที่บริษัท ทั้งเย่โม่และเฟิงกั๋วตงจึงได้ปฏิเสธที่จะไปที่บ้านของหวงเจิ้งหมิงตามคำเชิญชวน

…………

ภายในย่านหยินเย่วเมืองฉางเฟิง….

เย่โม่กลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ก่อนที่เขากลับเข้าไปในบ้านนั้น เขาได้นำเงินจำนวนสามแสนหยวนออกมาจากพื้นที่ระบบ และนำไปฝากธนาคารพร้อมกับทำบัตรเงินสดด้วย!

และเมื่อกลับไปถึงบ้าน เย่โม่ก็ใช้กุญแจของตนเองไขเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ แล้วเดินเข้าไปในห้องรับแขก

“โม่ กลับมาแล้วเหรอ? กินอะไรมารึยังล่ะห๊ะ?”

ทันทีที่เจียงหมินเห็นเย่โม่เดินเข้ามา เธอก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา และเดินเข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“ผมกินมาอิ่มแล้วครับป้าหมิน! วันนี้เป็นวันอาทิตย์ น้องเจียเจียไม่อยู่บ้านเหรอครับเนี่ย?”

เย่โม่สังเกตเห็นว่ามีเพียงแค่ลุงกับป้าของเขาเท่านั้นที่อยู่บ้าน จึงได้เอ่ยถามถึงเย่เจียเจียน้องสาว

“เจียเจียอ่านหนังสืออยู่บนห้อง คงจะยังไม่รู้ว่าเธอกลับมาล่ะสิ ถึงยังได้ไม่ลงมา!” เย่เจี้ยนกัวกยิบรีโมทขึ้นมากดลดเสียงทีวีพร้อมกับเอ่ยตอบเย่โม่

“อ่อ.. คุณลุงคุณป้าครับ พรุ่งนี้ลุงกับป้าต้องไปเริ่มงานที่โรงงานกั๋วตงฟาร์มาซูติคัลแล้วสินะครับ?”

“ใช่แล้วล่ะ!”

แม้ว่าน้ำเสียงของเย่เจี้ยนกัวจะฟังดูเป็นปกติดี แต่ก็เห็นได้ชัดว่า เขามีสีหน้าวิตกกังวลแล้วก็ตื่นเต้นไม่น้อย นั่นเพราะที่ผ่านมา เย่เจี้ยนกัวก็เป็นเพียงแค่โฟร์แมนเงินเดือนสามสี่พันเท่านั้นเอง!

แต่ตอนนี้ ด้วยความสามารถของเย่โม่ ทำให้เขาได้เป็นถึงผู้จัดการฝ่ายผลิตของโรงงานยาที่ใหญ่โตในฉางเฟิง มิหนำซ้ำยังได้เงินเดือนค่อนข้างสูงอีกด้วย

ดูเหมือนเย่โม่จะสังเกตเห็นความตื่นเต้นกังวลของเย่เจี้ยนกัว เขาจึงได้แต่เดินเข้าไปตบบ่าคนเป็นลุงเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“คุณลุงครับ มันไม่ยากอย่างที่คุณลุงคิดหรอกนะครับ! ก็แค่ดูแลคนงานที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตัวเองให้ตั้งใจทำงานก็เท่านั้นเอง มีงานอะไรเข้ามาก็แค่แจกจ่ายงานให้พวกเขาทำก็เท่านั้นล่ะครับ!”

“โม่พูดถูก! มันก็คงไม่ต่างจากการควบคุมคนงานในไซต์งานหรอกน่า ที่ผ่านมาคุณเองก็ทำหน้าที่ดูแลลูกน้องในทีมมาแล้วตั้งมากมาย!” เจียงหมินพูดให้กำลังใจเช่นกัน

“อืมม! ฉันจะตั้งใจทำงานให้ดี แล้วก็จะไม่ทำให้โม่ผิดหวังเด็ดขาด!” เย่เจี้ยนเกาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หลังจากนั้น เย่โม่ก็ได้เล่าเรื่องที่ตนเองได้โควต้าพิเศษเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยจี่หนิงให้ทั้งสองคนฟัง แต่แน่นอนว่า เขาไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดว่า เขาได้รับสิทธิ์โควต้าพิเศษนี้มาได้ยังไง?

และข่าวนี้ก็ทำให้เย่เจี้ยนกัวและเจียงหมินมีความสุขและดีอกดีใจอย่างมาก ทั้งคู่ได้แต่ขอบคุณสวรรค์ที่มีตา ส่งมังกรมาเกิดในสกุลเย่ของตนเอง!

ในเวลานั้นเอง เย่เจียเจียก็ได้เดินถือแก้วน้ำลงมาจากบันได้ ดูเหมือนเธอกำลังจะออกมาหาน้ำดื่ม แต่เมื่อหันไปเห็นเย่โม่กลับมา เธอก็รีบวางแก้วน้ำในมือ และวิ่งเข้าไปโผกอดเย่โม่ทันที ปากก็ร้องตะโกนถามออกไปว่า

“พี่โม่ นี่พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมมาถึงแล้วไม่ขึ้นไปหาฉันที่ห้องห๊ะ?”

“พี่เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง! แล้วเป็นยังบ้างล่ะ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในโรงเรียนใหม่ได้รึยัง?” เย่โม่เอ่ยถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง

“ก็ดีนะ! คุณครูแล้วก็เพื่อนร่วมชั้นน่ารักมากเลย!”

‘จะไม่ดีได้ยังไงล่ะ? พอเฟิงกั๋วตงรู้ว่าฉันย้ายน้องสาวมาเรียนที่ฉางเฟิง เขาก็รีบโทรสายตรงหาหยานเหวินผู้อำนวยการสำนักการศึกษาด้วยตัวเองทันที!’ เย่โม่ได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ

“พี่โม่ ฉันนั่งอ่านหนังสือมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว พี่พาฉันออกไปเดินเล่นพักผ่อนหน่อยสิ?”

ในขณะที่พูดเย่เจียเจียก็แอบขยิบตาให้กับเย่โม่ มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความหมายของเด็กสาว เธออยากจะหาข้ออ้างออกไปเที่ยวเล่น จึงได้ใช้เขาเป็นโล่กำบังเท่านั้นเอง!

“เจียเจีย ทำไมถึงได้ทำตัวไม่รู้ภาษาเลย? พี่ชายเพิ่งจะกลับมาถึงเหนื่อยๆยังไม่ทันได้พัก ยังจะกล้ารบเร้าให้พาออกไปเดินเล่นอีกเหรอ?”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่เจียเจียลูกสาว เจียหมินก็รีบหันไปอบรมทันที

“ป้าหมินครับ ผมไม่เหนื่อยเลยครับ! อีกอย่าง ผมก็ตั้งใจว่าจะออกไปหาซื้ออะไรหน่อย เดี๋ยวผมออกไปพร้อมกับน้องเจียเจียเลยก็แล้วกัน!”

และในขณะที่เจียงหมินกำลังอ้าปากจะบ่นอะไรต่อ เย่เจี้ยนกัวก็ได้พูดขัดขึ้นทันที “พอแล้วๆ ปล่อยให้สองคนพี่น้องออกไปเดินเล่นด้วยกันบ้าง!”

“ก็ได้ๆ แต่กลับมาให้ทันเวลาอาหารเย็นล่ะ!” เจียงหมินได้แต่ร้องตะโกนบอกเย่โม่ และเย่เจียเจียไปแบบนั้น

“ครับป้าหมิน พวกเราไปก่อนนะครับ!”

หลังจากร้องบอกป้าสะใภ้ไปแล้ว สองพี่น้องก็พากันเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที

ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินออกมาจากบ้าน เย่เจียเจียก็กระโดดโลดเต้นพร้อมกับพูดเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่หยุด

“เฮ้อ! ในที่สุดฉันก็ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้าง แม่เอาแต่บังคับให้อยู่บ้านอ่านหนังสือทุกวันเลย!”

“บอกมา.. วันนี้อยากจะไปเที่ยวไหน พี่จะพาไป และถ้าอยากได้อะไร พี่ก็จะซื้อให้!” เย่โม่ร้องบอกน้องสาวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้ศรีษะของเธอด้วยความรักใคร่

“ว้าว! พี่โม่ใจดีที่สุดเลย! ต่อไปถ้าฉันจะมีสามี ฉันต้องหาให้ได้อย่างพี่!”

เย่เจียเจียร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจ เธอกระโดดเข้าไปกอดแขนเย่โม่ไว้แน่น พร้อมกับยิ้มจนตาหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

เย่โม่ฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก และได้แต่แอบคิดในใจว่า เด็กผู้หญิงสมัยนี้ เพิ่งจะอยู่มัธยมต้นแท้ๆ กลับคิดไปไกลถึงเรื่องจะมีสามีแล้ว!

แต่เมื่อหันกลับมาเห็นสีหน้าของเย่โม่ในตอนนี้ เย่เจียเจียก็ได้แต่แลบลิ้นออกมาคล้ายกับจะบอกว่าเธอล้อเล่น และรีบร้องบอกเย่โม่ว่า

“ฉันไม่ได้อยากได้อะไร แล้วก็ไม่ได้อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษด้วย ฉันแค่อยากหาเรื่องออกมาเดินสูดอากาศข้างนอกบ้าง ก็เท่านั้นเอง!”

“งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน! พี่จะพาเธอไปเดินห้าง แล้วถ้าเธอชอบอะไร พี่ก็จะซื้อให้เลย แบบนี้ดีมั๊ย?”

เวลานี้ เย่โม่ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเรื่องเงินทองอีกแล้ว เพราะตอนนี้ ในบัตรธนาคารของเขามีเงินอยู่สามแสน ส่วนในพื้นที่ระบบยังมีอยู่อีกสองแสน!

หลังจากนั้น สองพี่น้องก็ได้เรียกแท็กซี่ไปที่ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางเฟิงทันที!

--------------------------

ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ  : แปลสนุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด