ตอนที่แล้วบทที่ 5: คุณคือเสี่ยวหวางใช่ไหมครับ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7: นายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร!

บทที่ 6: วิธีเอาชนะการอ่านใจ!


เด็กสาวผูกผมหางม้าและแต่งหน้าอ่อน ๆ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น  รองเท้าผ้าใบสีขาว  และเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียวช่วยเน้นย้ำรูปร่างอันน่าทึ่งของเธออย่างเต็มที่

ทันใดนั้น “ความทรงจำ” ก็ปรากฏขึ้น

“หวางซืออวี่  ลูกสาวผู้ใหญ่หวาง?”

“เธอให้เราสอนเลขให้ตอนช่วงปิดเทอม ม.3 ความรู้สึกของเธอค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนสุดท้ายก็สารภาพรักกับเราสินะ?”

ไม่น่าแปลกใจที่เธอหน้าแดงเมื่อเห็นฉัน 'ฉัน' เคยปฏิเสธความรู้สึกของเธอมาก่อนเลยเป็นเหตุผลที่ทำไห้เธอรู้สึกอึดอัดและเขินอายตอนนี้สินะ?

นอกจากนี้…

ใครมันจะมาตาหมาหมาในที่แบบนี้กันเล่า? ถ้ามันเร่งด่วนจริง ๆ เธอควรจะวิ่งไปทั่วทั้งหมู่บ้านสิ

ดังนั้นการหาหมาจึงเป็นเพียงข้ออ้าง… แต่ความจริงก็คือเธอหื่นกระหายอยากได้ร่างกายเราสินะ?

“ทุเรศ! ไร้ยางอาย!”

หวางซืออวี่ถลึงตาจ้องมองอย่าโมโหพร้อมกับกัดฟันก่นด่า “ไอ้คนหลงตัวเอง! ใครจะไปหื่นกระหายอยากได้ร่างกายของนายกัน!”

“เฮ้ย!” เจียงเหอพึมพำออกมาอย่างงุนงง "หรือหล่อนจะอ่านใจตูได้วะ"

เมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากไปหวางซืออวี่ก็รีบเปลี่ยนท่าทีแล้วถามใหม่อีกครั้ง “เจียงเหอ  เจ้าเอ้อเหลิงจื่อของฉัน… ไม่สิ  นายมันไอ้ทุเรศ!”

ยังพูดไม่ทันจบประโยคเธอก็หน้าแดงกัดฟันหันหลังกระทืบเท้าปึงปังจากไป

เจียงเหอขมวดคิ้ว

'อะไรของหล่อนวะ?'

'อ่านใจเหรอ?'

“เพราะงั้นเลยรู้ว่าเอ้อเหลิงจื่ออยู่ที่บ้านเราสินะ”

เจียงเหอเปิดประตูและเดินตรงไปที่สวนผลไม้  ต้นข้าวโพดทั้ง 28 ต้นโตแล้ว และพรุ่งนี้ข้าวโพดจะโตเต็มที่

จากนั้นเขาก็เห็นเอ้อเหลิงจื่อซึ่งยังคงซ่อนตัวอย่างดีใต้พุ่มต้นข้าวโพด

เจียงเหอขำ “ไม่กลับบ้านเหรอวะ?”

เอ้อเหลิงจื่อพยักหน้าและกลอกตา

“เอ็งจะบอกว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นแหล่ะที่จะกลับไปในเมื่อที่นี่มีแตงกวาให้กินงั้นเหรอ?”

แต่ในขณะที่เจียงเหอมองเอ้อเหลิงจื่อพยักหน้าราวกับลูกไก่จิกข้าวสาร  เจียงเหอก็อดทำหน้าบึ้งไม่ได้ “หวางซืออวี่สามารถอ่านใจได้  แล้วตูจะหลอกเธอได้ยังไงวะเนี่ย”

“เอ้อ  ใช่แล้ว… ถ้าการอ่านใจของเธอเห็นความคิดภายในหัวได้  งั้นตูก็คิดเรื่องอื่นเอาก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

“ตูข้านี่ช่างอัจฉริยะ!”

เจียงเหอตาเป็นประกายวิบวับ “การอ่านใจนั้นกระจอกมาก  มีตั้งหลายวิธีให้ตูงัดมาใช้จัดการ!”

หนึ่ง  ถ้าเกิดว่านักอ่านใจมันเป็นผู้ชายล่ะ?

ง่ายโคตร ๆ

ขุดบรรพบุรุษสิแปดรุ่นของมันออกมาสาปแช่ง  กล่าวหาพ่อมันว่าเป็นไอ้พวกเมียมีชู้  หรืออะไรก็ได้ที่หนักกว่านี้

สอง  สาวงามที่มีเสน่ห์อย่างหวางซืออวี่นี่ยิ่งง่าย  แค่คิดถึงกระบวนการในการปั๊มลูก  จัดให้ครบทุกขั้นตอนทุกกระบวนท่าก็เรียบร้อย

“แน่ล่ะ  ไอ้อุบายพวกนี้ต้องใช้อย่างชาญฉลาดและและยืดหยุ่น  เนื่องจากไม่มีการรับประกันว่าคู่ต่อสู้มันจะไร้ยางอายเหมือนกันไหม…”

“พวกนี้มันแค่อุบายชั้นต่ำ  ส่วนอุบายชั้นสูงที่จะใช้จัดการกับพวกนักอ่านใจคือการหลอกตัวเอง”

“ขนาดตัวเองตูยังใจร้ายหลอกได้  แล้วใครมันจะมาทำอะไรตูได้อีก”

เจียงเหอจ้องเอ้อเหลิงจื่อในตอนนั้น  และบอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “นี่ไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อของผู้ใหญ่หวาง  แต่เป็นลูกหมาล่าเนื้อที่ตูเลี้ยงเอง  มันแค่ดูคล้ายกันเฉย ๆ เอง”

“นี่ไม่ใช่เอ้อเหลิงจื่อ…”

ไม่นานก็ถึงเวลากินข้าวเที่ยง

เมื่อคืนยังมีข้าวเหลืออยู่บ้าง  จึงไม่ต้องหุงเพิ่ม

ในทางกลับกันกับข้าวนี่สิ...

“มาลองกินแตงกวาแทนเนื้อกันเถอะ”

***

ในขณะเดียวกัน

ที่หน้าประตูบ้านผู้ใหญ่หวางมีรถ MPV จอดอยู่

เมื่อหวางซืออวี่กลับมา  เธอก็ขึ้นรถทันที

มีชายสองคนและหญิงอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างใน  ผู้ชายทุกคนสวมชุดสีดำ  ส่วนผู้หญิงคนนั้นสวมชุดหนังรัดรูปเข้ากับร่างกายที่มีเสน่ห์ของเธอ

“เสี่ยวหวางคุณรู้จักหมู่บ้านของคุณเองดีที่สุด  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณจะเป็นผู้รับผิดชอบหมู่บ้านนี้”

ชายชุดดำคนหนึ่งกล่าว “คุณสามารถอ่านใจได้  ซึ่งทำให้การตรวจสอบสะดวกที่สุด  แล้วที่กลับมานี่ได้ผลลัพธ์อะไรบ้างไหม?”

หวางซืออวี่พยักหน้า  แต่แล้วก็ส่ายหัว

“ฉันมีผู้ต้องสงสัยที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน—สุนัขที่ฉันเลี้ยงมาแปดปีแล้วจู่ ๆ ก็วิ่งไปอยู่ที่บ้านของเขา  และฉันคิดว่าเขาคุยกับสัตว์ได้”

“สื่อสารกับสัตว์เหรอ?”

ชายชุดดำขมวดคิ้ว “นั่นเป็นความสามารถที่หายาก  แต่นั่นก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผลให้สุนัขของคุณไปอยู่ที่บ้านเขาไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ใช่!  แต่ในเมื่อมันมีพิรุธเราก็จำเป็นต้องตรวจสอบอยู่ดี”

“แน่นอนว่าตามกฎขององค์กร  มือใหม่อย่างคุณไม่ควรลุยเดี่ยว  แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้งานเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาพบสัตว์กลายพันธุ์หลายตัวซึ่งมีความแข็งแกร่ง  พลังทำลายล้างสูงและการบริหารงานทั่วไปก็ยุ่งมาก  บุคลากรก็ขาดแคลนก็เลยต้องเอาแบบนี้ไปก่อน”

ชายชุดดำถูขมับด้วยสีหน้าแบบทำอะไรไม่ถูก

ข้างเขา  ผู้หญิงที่สวมชุดหนังรัดรูปร่างกายเย้ายวนก็ยิ้ม “ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย  ได้ยินข่าวว่าประเทศจะประกาศประมาณเดือนหน้า  ตอนนี้มีคนตื่นขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก  การปรากฏตัวของสัตว์ร้ายก็บ่อยครั้งขึ้นและการปราบปรามอย่างต่อเนื่องจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก”

หวางซืออวี่ครุ่นคิดเรื่องนั้นเล็กน้อยก่อนถามว่า “พี่ไป๋  แล้วหลี่เฟยล่ะคะ?”

'พี่ไป๋' หมายถึงผู้หญิงชุดรัดรูปซึ่งมีชื่อจริงว่า ไป๋เฟยเฟย  เพียงแต่เธอไม่ใช่ 'พวกตื่นขึ้น' แต่เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธที่มีวิชาฝึกตนอันทรงพลัง  และยังเป็น “ผู้ชี้แนะ” ของหวางซืออวี่อีกด้วย

“พลังที่หลี่เฟยปลุกขึ้นมานั้นมีพลังมหาศาลก็จริง  แต่เป็นเพียงคลาส D” ไป๋เฟยเฟยตอบ “ผู้ตื่นขึ้นซึ่งเปิดเผยพลังของพวกเขาโดยตรงนั้นไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากนัก…  แต่พวกอสรพิษเฒ่าที่ปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้นแล้วแท้ ๆ  แต่ยังคงปกปิดมันไว้อย่างดื้อรั้นต่างหากที่เป็นปัญหา”

“อย่างไรก็ตาม  จุดยืนขององค์กรคือการนำผู้ปลุกพลังอย่างเปิดเผยเข้ามาเป็นพวกและรับการฝึกอบรมหากพวกเขามาโดยเต็มใจ  แต่ถ้าไม่เต็มใจมา  พวกเขาจะต้องลงนามในข้อตกลงที่ว่าจะปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับอย่างน้อยก็ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศให้สาธารณะชนรับรู้”

“แล้วก็  คนที่เธอสงสัยว่าสามารถปลุกพลังในการสื่อสารกับสัตว์ได้  ให้ลองไปพาตัวเขามาได้เลย”

“นี่เป็นความสามารถที่หายาก  ถ้าเราฝึกเขาได้  เขาจะมีประโยชน์กับเรามากในอนาคต!”

“ค่ะพี่ไป๋!”

หวางซืออวี่ทำหน้ามุ่ย  เธอเข้าใจว่าพี่ไป๋หมายถึงอะไร

การฟื้นคืนของพลังวิญญาณ  และการตื่นขึ้นของสิ่งเหนือธรรมชาติทำให้เกิดการกลายพันธุ์ที่ไม่เหมือนใครในมนุษย์บางคน  ทำให้พวกเขาได้รับพลังพิเศษ  มันก็เหมือนกันสำหรับสัตว์  ด้วยเหตุการณ์สัตว์ร้ายที่น่ากลัวโจมตีเมืองที่เกิดขึ้นในต่างประเทศทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก  นั่นคือเหตุผลที่ประเทศได้เริ่มร่างแผนสำหรับพื้นที่ภูเขาอันเงียบสงบ  และหมู่บ้านเกษตรกรรมเมื่อหลายปีก่อน

ตัวอย่างเช่น  การดำเนินโครงการ “ย้ายถิ่นด้านสิ่งแวดล้อม”

ด้วยการย้ายหมู่บ้านและเมืองบนภูเขาทั้งหมดไปยังเขตชานเมืองของเมืองใหญ่  ทหารจะสามารถปกป้องพวกเขาได้หากมีสิ่งใดที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น  โดยลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

***

ในขณะเดียวกัน

รถบรรทุกทหารกำลังอพยพคนเลี้ยงแกะในหมู่บ้านที่ยังคงอยู่บนภูเขาอย่างเป็นระเบียบ

แต่จู่ ๆ…

ปัง

เสียงปืนดังก้องไปทั่วภูเขาอันกว้างใหญ่

“เร็วเข้า!  เร็วเข้า!  เร็วเข้า!”

“เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นมันโผล่มาอีกแล้ว!”

เหนือยอดเขา  ราชาหมาป่าตัวใหญ่จ้องมองรถบรรทุกทหารและกองทหารที่คุ้มกันอย่างเงียบ ๆ

เมื่อไม่กี่วันก่อน  ราชาหมาป่ามีขนาดเท่าวัว  แต่ตอนนี้ร่างกายของมันใหญ่ขึ้นสองเท่า!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด